The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่58 ความคิดชั่วร้ายเกิดขึ้นในใจ
บทที่58 ความคิดชั่วร้ายเกิดขึ้นในใจ
เขาไม่ยอมให้นาราอยู่แบบนี้ต่อไปแน่ เขารู้ตั้งนานแล้วว่าลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของเขาบาดหมางกัน การแต่งงานและการแย่งชิงบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ครั้งนี้เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่การที่ดึงนาราเข้าไปเกี่ยวข้องแบบนี้เขายอมไม่ได้เด็ดขาด
“นายหญิง!” นาราที่ถูกเคนโด้จูงมือให้เดินไปอีกทาง อยู่ๆก็มีเสียงเรียกขึ้นจากด้านหลัง ทั้งสองหันกลับไปก็พบกับลุงบีมที่เดินยิ้มเข้ามา
“นายหญิงผมเพิ่งซื้อของเสร็จเห็นคุณเลิกเรียนพอดีเลยจะรับคุณกลับบ้านพร้อมกันเลย” ลุงบีมหันไปเห็นเคนโด้
“ที่แท้คุณก็เป็นเพื่อนกับคุณชายเคนโด้นี่เอง คุณชายเคนโด้ผมเป็นพ่อบ้านของคุณชายสาม ลุงบีมครับ”
เคนโด้ที่ได้ยินลุงบีมเรียกนาราว่านายหญิง ฉับพลันในใจก็ร้อนลุ่มขึ้นมา “ภรรยาของพี่คณพศไม่ใช่พิมมี่เหรอครับ เมื่อกี้คุณเรียกใครว่านายหญิง”
ลุงบีมชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้มตอบ “เรื่องนี้ผมไม่รู้หรอกครับ ผมรู้แค่ว่าผู้หญิงท่านนี้เป็นนายหญิงของพวกเรา ผมทำตามคำสั่งของคุณชายที่ให้ผมดูแลนายหญิงครับ”
เอ่ยจบพร้อมคร่อมตัวให้นาราอย่างสุภาพ “นายหญิงรถอยู่ด้านนั้นครับ เชิญขึ้นรถครับ”
นาราพยักหน้าพลางส่งสายตารู้สึกผิดให้เคนโด้แล้วเดินไปขึ้นรถ
รถเคลื่อนออกไปตั้งนานแล้ว แต่เคนโด้ยังคงยืนมองจนกระทั่งรถหายลับไป
นารานั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร พอถึงคฤหาสน์ก็เข้าไปในห้องอ่านหนังสือเพื่อทบทวนบทเรียน
ณ โรงพยาบาลเมืองธิตกล พิมมี่ที่ถูกทำร้ายจนปากแตกครั้งที่แล้วยังคงพักอยู่ในโรงพยาบาล
วันนี้ในที่สุดปากของเธอก็หายดีแล้ว
เขมินท์ยกอาหารเข้าในห้องแล้วเห็นลูกสาวยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง “พิมมี่ลูกไม่กินข้าวมาหลายวันแล้วนะ กินซักหน่อยเถอะ”
พิมมี่หันกลับมามองมารดาที่กำลังเปิดชามซุปไก่กลิ่นหอม แต่เธอไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย
“แม่คะ ครั้งนี้ที่คณพศให้คนทำร้ายหนู หนูไม่ปล่อยเขาไปแน่ค่ะ”
นัยน์ตาพิมมี่ดุดันขึ้นและมีประกายแห่งเกลียดชัง นาราทั้งหมดเป็นเพราะแก ฉันจะให้แกชดใช้ให้สาสม
“ถ้าอยากแก้แค้นเขาร่างกายลูกก็ต้องแข็งแรงก่อน พิมมี่ลูกมากินข้าวเถอะร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ ไม่อย่างนั้นแม่กลัวจะไม่มีโอกาสน่ะสิ เห็นสภาพลูกตอนนี้แล้วแม่เป็นห่วงจริงๆ”
พิมมี่มองท่าทางร้อนใจของมารดาแล้วจึงพยักหน้า “ค่ะแม่ หนูกินก็ได้”
พิมมี่พักอยู่โรงพยาบาลอีกหนึ่งสัปดาห์ก็ได้กลับบ้าน
เธอกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลวรชัยลภัส ยืนอยู่ระเบียงพร้อมต่อโทรศัพท์หาใครสักคน เธอสั่งงานอย่างละเอียด พลางมองดูดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาด้วยมุมปากที่ยกยิ้มร้าย
นาราไปเรียนทุกวันเธอตั้งใจเรียนอย่างมาก ส่วนเคนโด้ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มามหาวิทยาลัยอีกเลย
คณพศไม่อยู่เมืองธิตกลเป็นวันที่สี่แล้ว เลิกเรียนนาราบอกลาผิงผิงกับไลลาแล้วเตรียมตัวกลับไปทบทวนบทเรียนที่คฤหาสน์ เพราะอีกครึ่งเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้ว
เทอมนี้เธอไม่มาเรียนตั้งสี่เดือนดังนั้นจึงต้องอ่านหนังสือหนักกว่าปกติ
คฤหาสน์เจหงส์อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ทุกวันเธอใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีก็ถึง
เธอเพิ่งเดินข้ามสี่แยกจู่ๆก็ถูกคนๆหนึ่งขวางทางเอาไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมองก็ปรากฏว่าเป็นพิมมี่นั่นเอง
เธอขมวดคิ้ว “พี่จะทำอะไรอีก”
พิมมี่จ้องเธออย่างเกลียดชัง”นาราแกนี่มันหน้าด้านจริงๆ ยังมีหน้ามาเรียนหนังสืออีกเหรอ วันนั้นแกเห็นคณพศให้คนทำร้ายฉัน แกมีความสุขมากสินะ รู้ไหมฉันต้องอยู่โรงพยาบาลตั้งอาทิตย์หนึ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะแกคนเดียว!”
พิมมี่มองน้องสาวที่ถูกเธอรังแกประจำมาตั้งแต่เด็กๆ แต่วันนี้กลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คณพศทำร้ายเธอเพราะหญิงสาวตรงหน้า เธอเกลียดจนทนไม่ไหวเกลียดจนอยากฉีกใบหน้าสวยตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ
นาราตวัดสายตามองอีกคน “วันนั้นพี่มาตบฉันที่คฤหาสน์เอง ยังจะโทษคนอื่นอีกเหรอ ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าจากนี้ไปเราไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว! ส่วนที่คุณคณพศทำร้ายพี่ ฉันก็ห้ามแล้วแต่ฉันจะบังคับความคิดของคุณชายสามแห่งตระกูลปัญญาพนต์ได้ยังไง หวังว่าต่อไปพี่จะไม่ก่อเรื่องอีกก็พอ!”
พิมมี่ได้ยินดังนั้นเลือดในกายก็ไหลพล่าน นังนาราคนที่เป็นแค่ตัวแทนของเธอ กล้าต่อปากต่อคำกับเธอ!
เธอกำลังจะเอ่ยต่อ แต่เห็นนารากำลังเดินออกไปราวกับเสียเวลาที่ต้องคุยกับเธอ
พิมมี่คว้าแขนนาราไว้ “แกจะไปไหน วันนั้นที่ฉันบอกให้แกออกไปจากคฤหาสน์เจหงส์ออกไปจากชีวิตของคุณคณพศ แกไม่ได้ยินรึไง”
เธอไม่ชอบท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของทุกครั้งของนารา มันทำให้เธออยากฉีกหน้าสวยๆนั่นซะ
นาราหันกลับมามองเธอ “ฉันบอกแล้วไงว่าให้ไปคุยเรื่องนี้กับคุณคณพศเอง แค่เขาเอ่ยปากฉันก็พร้อมไป!”
พิมมี่รู้ว่าตัวเธอไม่สามารถไปหาคณพศได้ ทางเดียวคือนาราต้องออกไป เธอถึงมีโอกาสแย่งตำแหน่งภรรยาผู้อำนวยการของเธอกลับมา!
“เมื่อไหร่แกจะไปจากคุณคณพศ แกกับเขาไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แกยังจะอยู่ที่คฤหาสน์เจหงส์ไปทำไม” พิมมี่มองอีกคนตรงๆ
“ฉันไม่อยากพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ลาก่อน” นาราไม่อยากทะเลาะกับอีกคนแล้ว เธออยากกลับไปทบทวนบทเรียนแล้วจริงๆ เธอนึกถึงเพียงแต่เรื่องการสอบที่ใกล้เข้ามาเท่านั้น
“ฉันขอเตือนแกไว้ ฉันให้เวลาแกสามวันในการหาทางออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกสูญเสียทุกอย่าง ให้แกตายทั้งเป็น!” ใบหน้าเธอดุดันขึ้นอย่างน่ากลัว
นารามองท่าทางโกรธเกรี้ยวของอีกคนแล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ตอนที่พี่ให้ฉันแต่งงานแทน พี่ก็พูดแบบนี้ แล้วตอนนี้ก็ขอให้ฉันออกไป ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันทดแทนบุญคุณทุกอย่างให้แล้วและต่อไปฉันก็จะไม่ทำตามที่พี่สั่งอีก ต่อให้ฉันจะไปจากคุณคณพศแต่พี่คิดจริงๆเหรอว่าเขาจะยอมอยู่กับพี่”
เธอพอรู้จักคณพศมาแล้วบ้าง ถึงแม้เธอจะออกไป ชายหนุ่มก็ไม่มีทางแต่งกับพิมมี่แน่นอน เพราะเธอรู้ว่าเหตุผลจริงๆที่ชายหนุ่มแต่งงานกับพิมมี่ก็เพราะต้องการแก้แค้นวิษณุส์!
ดวงตาสีเข้มมีแววเยาะหยัน เธอจำได้ดีว่าตอนนั้นพิมมี่ต้องการให้เธอดูเป็นคนอัปลักษณ์ หญิงสาวให้เธอสวมเสื้อผ้าถูกๆข้างถนน และพาเธอไปงานโรงเรียนเพื่อให้คนอื่นๆหัวเราะเยาะเธอ
บอกคนอื่นๆว่า : “นี่เป็นคนใช้บ้านฉันเอง!”
หญิงสาวให้เธอแบกกระเป๋าหนังสือให้ ใช้เธอไปซื้ออาหารให้ พิมมี่เป็นเหมือนเจ้าหญิงผู้สูงส่ง ส่วนนาราเป็นเหมือนคนใช้ที่ต้อยต่ำ
กินข้าวเสร็จก็ให้นาราล้างชามให้ ทุกๆวันต่างหาวิธีมาแกล้งนาราสารพัด จนวันหนึ่งนาราเรียนได้เกรดดีจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยแจ่มใสได้ แต่พิมมี่ที่ผลการเรียนแย่จึงถูกส่งไปเรียนอีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง
ตั้งแต่ตอนนั้นเธอจึงหลุดพ้นจากการกลั่นแกล้งของพิมมี่ แต่วันนี้หญิงสาวกลับทำเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง ที่ต้องการให้นาราทำตามที่ตนสั่ง แต่ตอนนี้เธอไม่เชื่อฟังหญิงสาวอีกต่อไปและยังมีคณพศที่คอยปกป้องอีก
เมื่อได้ยินว่านาราไม่ยอมออกมาจากคณพศ ทันใดนั้นในใจเธอก็มีความคิดชั่วร้ายโผล่ขึ้นมา
นาราไม่สนใจเธออีก หมุนตัวแล้วก้าวยาวๆออกไป
พิมมี่โกรธอย่างรุนแรงจนถึงขีดสุด เธอพยักหน้าให้คนที่อยู่ถนนตรงข้ามเบาๆจากนั้นเธอจึงขับรถออกไป
ขณะที่นารากำลังจะถึงคฤหาสน์เธอก็ถูกคนเข้ามาขวางทางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจสองคน พวกมันยิ้มกริ่มพร้อมกับขวางทางเธอเอาไว้