The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่60 เขากระโดดลงไปเพื่อตามหาเธอ
บทที่60 เขากระโดดลงไปเพื่อตามหาเธอ
เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่เคยทำร้ายใคร แต่เรื่องถูกลักพาตัวกลับเกิดขึ้นกับเธอ
กลางดึกเรือก็ยังคงลอยไปเรื่อยๆ
ที่เมืองธิตพลเคนโด้และตำรวจยังคงระดมเรือเร็วในการออกตามหาบนท้องทะเล
กระทั่งตีสามพวกเขาก็เห็นว่าข้างหน้ามีเรือลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่ เคนโด้รีบสั่งให้เข้าประชิดเรือลำนั้นทันที
คนบนเรือไม่รู้ซักนิดว่าตอนตีหนึ่งมีคนแอบขึ้นมาบนเรือ เขาคนนั้นหลบอยู่ในห้องข้างๆห้องโดยสารปิดตายที่ขังนาราเอาไว้
เขาใช้เรือเร็วในการเข้าประชิดแล้วปีนขึ้นมาในเรือลำนี้ โดยที่คนทั้งสองไม่เอะใจซักนิด
ชายรูปร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ เขาค่อยๆใช้ลวดสะเดาะกลอนประตูห้องที่นาราถูกขังอยู่ จึงได้เห็นว่าหญิงสาวถูกมัดมือมัดเท้าพิงตัวอยู่ข้างผนัง
นัยน์ตาสีเข้มที่อยู่ภายใต้หน้ากากมีประกายของความเยือกเย็นฉายอยู่!
คนทั้งสองบนเรือไม่รู้ตัวว่าข้างหลังมีตำรวจกำลังตามมา และไม่รู้ว่าบนเรือถูกคนๆหนึ่งยึดกุมไว้ทั้งหมดแล้ว
ทั้งสองยังคงหลับพักผ่อน
ทันใดนั้นเองคนขับเรือก็ร้องตะโกนขึ้นมา “มีคนกำลังตามมา รีบโยนนังผู้หญิงคนนั้นลงน้ำซะ เร็วๆ!”
ชายอีกคนลุกขึ้นทันที “เร็ว มันตามมันทันแล้ว”
เอ่ยจบชายทั้งสองก็รีบเปิดเข้าไปในห้องที่ขังนาราทันที
นาราได้ยินเสียงเปิดประตูจากนั้นก็ถูกชายทั้งสองแบกออกไปข้างนอก
“แกจะพาฉันไปไหน” ไหนว่าจะพาเธอไปอังกฤษไง หรือว่าพวกนี้จะเปลี่ยนแผนแล้ว พวกมันจะทิ้งเธอลงไปในทะเลงั้นเหรอ
“ปล่อยนะ ใครเป็นคนสั่งให้พวกแกจับตัวฉันมา” นาราตะโกนถามเสียงดัง ถ้าจะตายเธอก็ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าใครเป็นคนสั่งให้ฆ่าเธอ
“แกไม่ต้องรู้หรอก วีนนี้คงเป็นวันตายของแก พวกฉันเตรียมพาแกไปอังกฤษแล้วแต่ดันมีคนตามมาซะได้ แกคงต้องตายแล้วล่ะ” เอ่ยพร้อมกับมองนาราอย่างเสียดาย
ขณะที่ทั้งสองพานารามาที่ท้ายเรือเพื่อเตรียมโยนเธอลงไป ตำรวจก็ขึ้นมาถึงบนเรือแล้วพร้อมชักมือขึ้นมาแล้วเล็งไปยังทิศทางของคนร้ายทั้งสอง “อย่าขยับ!”
คมน์ที่เห็นว่าเป็นตำรวจที่ตามมาก็ออกแรงโยนนาราลงไปทันที แล้วชักปืนที่เอวออกมายิง“ปัง”
ตำรวจเบี่ยงตัวหลบและเริ่มปะทะกับคนร้ายทันที พริบตาเดียวที่นาราตกลงไปในทะเลชายหนุ่มที่หลบอยู่ห้องข้างๆก็ตะลึงงันแล้วรีบกระโดดลงไปตามหานาราทันที
มือและเท้าที่ถูกมัดบวกกับน้ำที่ไหลเข้ามาในปากหลายอึกทำให้เธอสำลักจนปวดหัว ร่างกายค่อยๆจมลงไป
ชายหนุ่มรั้งเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เมื่อเห็นว่าเธอหลับตาสนิทพลันก็รู้สึกราวกับถูกเข็มหลายเล่มทิ่มแทงหัวใจจึงรีบแนบริมฝีปากลงไปทันทีเพื่อมอบอากาศให้เธอ……
ไม่กี่วินาทีต่อมานาราก็ลืมตา มองชายหนุ่มสวมหน้ากากที่กำลังจูบกับเธอ เธออยากผละออกแต่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย แต่ลมหายใจที่คุ้นเคยนี้อยู่ๆก็ทำให้เธอคิดว่าคนตรงหน้าคือคณพศ
ทั้งสองค่อยๆตะกายขึ้นไปบนผิวน้ำและนาราก็หมดสติลงไปอีกครั้ง ชายหนุ่มกอดเธอเอาไว้พร้อมกับรีบว่ายน้ำไปยังเรือเร็วของเคนโด้แล้วปีนขึ้นไป
เขารีบอุ้มเธอเข้าไปวางในห้องแล้วทำการปั๊มหัวใจอย่างรวดเร็ว พร้อมกับประกบปากลงไปบนริมฝีปากเย็นชื้นของนาราอีกครั้ง ในโพลงปากของเธอเต็มไปด้วยรสชาติของน้ำทะเล
ชายหนุ่มดูดปากเธออย่างรุนแรง มองดูแล้วไม่เหมือนการผายปอดแต่กลับดูเหมือนเขากำลังบดจูบเธออย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการกลืนกินเธอเข้าไป
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวเขาจึงผละออก ก่อนที่นาราจะลืมตาเขาก็ก้มลงไปจูบซับริมฝีปากสวยอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์
ริมฝีปากนาราบวมเจ่อหลังจากถูกอีกคน “ผายปอด”
เขาถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกให้เธอ ใช้ผ้าห่อเธอไว้แล้วห่มผ้าห่มทับอีกชั้น จากนั้นจึงเดินจากไป
ในขณะที่เคนโด้และตำรวจมัดคนร้ายแล้วลากขึ้นมาบนเรือ สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายสวมหน้ากากกำลังเดินออกมาจากห้องบนเรือ
พวกเขาทุกคนเห็นที่ชายคนนี้กระโดดลงไปช่วยนารา
เคนโด้รีบเดินเข้าไปทันที “นาราอยู่ไหน”
“เธอไม่เป็นไร อยู่ข้างในยังไม่ตื่น!”
น้ำเสียงเยือกเย็นที่เหมือนเค้นออกมาจากลำคอทำให้เคนโด้ชะงักเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าเอาไว้ เสื้อผ้าสีดำของอีกฝ่ายเปียกน้ำแนบไปกับร่างกาย
อีกฝ่ายสูงมาก สูงเลยศรีษะของเคนโด้ประมาณคืบหนึ่ง นัยน์ตาคมเข้มที่อยู่ภายใต้หน้ากากตวัดลงมองเคนโด้
“ผมจะไปดูเธอ ขอบคุณที่ช่วยนารา!” เคนโด้เอ่ยจบก็เดินไปผลักประตู
ชายสวมหน้ากากยื่นแขนแกร่งข้างหนึ่งไปขวางไว้เพื่อหยุดฝีเท้าที่กำลังจะเข้าไปในห้อง
“ไม่ต้อง เธอกำลังนอนอยู่ และไม่เหมาะสมที่ผู้ชายผู้หญิงจะอยู่ตามลำพัง ฉันถอดชุดที่เปียกให้เธอและใช้แค่ผ้าห่อไว้ คงไม่เหมาะที่นายจะเข้าไป” น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมาแฝงไปด้วยอำนาจน่ากลัว
เคนโด้ชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างโกรธจัด “นายเป็นใคร ทำไมขึ้นไปอยู่บนเรือที่ลักพาตัวนาราได้ หรือนายถูกสั่งให้ลักพาตัวนารา”
จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ที่อีกฝ่ายบอกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นารา “นายถอดเสื้อผ้าเธอ” เขามองชายสวมหน้ากากด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ
ถอดเสื้อผ้านารางั้นเหรอ สมควรตาย! แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าผู้ชายผู้หญิงอยู่ลำพังไม่เหมาะสม!
“ก็ใช่ไง ถ้าไม่ใช่ฉันถอดนายจะเป็นคนถอดรึไง ฉันเป็นบอดี้การ์ดของคุณชายสามถูกสั่งให้มาดูแลนายหญิง”เอ่ยจบพร้อมกับเดินไปประจำตำแหน่งขับเรือ ใบหน้าภายใต้หน้ากากยกยิ้มเย็น
เคนโด้มองนัยน์ตาเย็นชาสีดำเข้มภายใต้หน้ากากที่ไม่สะทกสะท้านใดๆและยังยิ้มเยาะเขาอีก “นี่……ฉันเป็นแฟนนารา! คนที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอคือฉันต่างหาก”
ชายสวมหน้ากากหัวเราะเสียงเย็น “เธอเป็นนายหญิงสามของตระกูลปัญญาพนต์ นายจะแฟนเธอได้ยังไง”
ขณะเดียวกันนั้นนาราก็ตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ร่างกายถูกห่อด้วยผ้าอย่างแน่นหนา
เธอมองผ่านแสงสลัวๆไปยังช่องประตูก็เห็นแผ่นหลังของคนๆหนึ่ง……ใครกันนะ
คนที่กระโดดลงไปช่วยเธอและยังจูบเธอในน้ำอีกด้วย! ไม่ไม่ นั่นเป็นการมอบอากาศให้เธอต่างหาก
แต่ว่า……
นึกออกแล้ว ผู้ชายคนนั้นอุ้มเธอขึ้นมาแล้วก็จูบเธออีกครั้ง!
และยังถอดเสื้อผ้าเธอ!
ให้ตายเถอะ คนๆนี้คือใครกันแน่นะ เธอมองแผ่นหลังนั้นที่หันกลับมา ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากปรากฎขึ้นตรงหน้าเธอ
ดวงตาภายใต้หน้ากากมองตรงมาที่ประตู ราวกับต้องการมองทะลุใจเธอผ่านช่องประตู นาราใจเต้นรัว อีกคนเป็นใครกันแน่นะ
……
เธอหลับตาลงแล้วหลับไป เพราะกำลังจะเป็นไข้เธอจึงได้ยินว่าข้างนอกยังคงมีเสียงแว่วๆลอดเข้ามา
เคนโด้อยากเข้ามาหานารา แต่เมื่อถูกชายสวมหน้ากากห้ามไว้หลายครั้ง เขาจึงรู้สึกว่าถ้าเข้าไปคงไม่เหมาะสมจริงๆเพราะตอนนี้นาราไม่ได้สวมเสื้อผ้า
เขาเอ่ยถามชายหนุ่มที่กำลังขับเรืออย่างอดไม่ได้ “ทำไมไม่เปิดใบหน้าแท้จริงออกมา ทำไมต้องสวมหน้ากากปกปิดด้วย”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่แล่นเรือออกไปด้วยความเร็วสูง