The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 14 โดนตรงไหนน่ะ
ตอนที่ 14 โดนตรงไหนน่ะ
นาราเงยหน้าขึ้นฉับพลัน มองดูชายหนุ่มที่เปลี่ยนท่าทีไปกะทันหัน เธอจึงเดินเข้าไปทันทันที
“ไม่ค่ะ ฉันแค่ไม่เคยช่วยคุณแต่งตัว จึงไม่รู้ว่าควรจะใส่ยังไง ฉัน…ฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนพิการนะคะ…ไม่ไม่ ไม่ใช่เลย ถึงแม้ว่าขาของคุณจะไม่ดี แต่ฉันแน่ใจว่าคุณจะสามารถยืนขึ้นได้ในสักวันค่ะ”
นาราเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างประหม่า กลัวว่าเขาจะโกรธอีก เธอเดินเข้าไปค่อยๆ ช่วยเขาถอดเสื้อคลุมออกและรีบใส่เสื้อให้เขา
หัวใจของเธอเต้นเร็วมาก ไม่กล้ามองสบตาเขา
ชายหนุ่มก้มลงมองหญิงสาวที่รีบแต่งตัวให้เขา อะไรก็ตามที่เธอทำ เขาก็มองดูเธอแบบนั้น
เมื่อต้องถอดชุดคลุมอาบน้ำก่อนที่จะใส่กางเกงขาสั้น นาราก็รู้ว่าเขาไม่ได้ใส่อะไรเลย
โอ้สวรรค์ เธอควรจะทำยังไงดี! ใครก็ได้ช่วยเธอด้วย
เขาคงจะไม่ขอให้เธอช่วยเขาใส่กางเกงในหรอก เธอดึงชุดคลุมของเขาลง มือเผลอไปสัมผัสเข้ากับสิ่งที่ไม่ควรสัมผัส
ปัง! ทันใดนั้นเหมือนสมองระเบิด เธอรีบชักมือกลับมาทันที
แต่ทว่าทันใดนั้นก็เห็นการเคลื่อนไหวภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำ!
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเธอ “โดนตรงไหนน่ะ” เสียงต่ำเปล่งออกมาจากลำคอ
“ขอ…ขอโทษค่ะ คุณชายสาม คุณควรจะใส่มันด้วยตัวคุณเอง ฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้คุณค่ะ!” พูดจบก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนอน ทำเหมือนมีสัตว์ร้ายอยู่ข้างหลัง
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองหญิงสาววิ่งออกไปและเลื่อนรถเข็นออกเพื่อปิดประตู ลุกขึ้นและถอดเสื้อคลุมออกแล้วใส่กางเกง ยืนอยู่บนระเบียงด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก
เมื่อนาราเตรียมอาหารเช้าพร้อมแล้ว ชายหนุ่มก็ออกมาจากลิฟต์ เขาเลื่อนรถเข็นไปนั่งที่โต๊ะ
เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูสง่างามและหรูหราราคาแพง
นารามองเขาแต่งตัวอย่างเป็นทางการ “จะออกไปข้างนอกเหรอคะ”
คณพศพยักหน้า “เธอไปกับฉันด้วย”
“ฉันเหรอคะ” นาราตกใจ
เขาจะพาเธอไปไหน ถ้าไปบ้านตระกูลปัญญาพนต์ เธอจะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นของปลอมหรอกเหรอ
“ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร ฉันลืมไปหน่อยว่าเธอแต่งงานอยู่ที่เกาะมาเป็นสัปดาห์แล้ว มันถึงเวลาที่เธอและฉันต้องไปเยี่ยมคุณปู่ เธอทานข้าวแล้วไปเตรียมตัวให้พร้อม”
ชายหนุ่มทานอาหารเช้าเสร็จอย่างสง่างาม นาราจ้องมองชายหนุ่มอย่างชะงักนิ่ง สีหน้าเขาไม่มีอุณหภูมิเลย ความเยือกเย็นทำให้หัวใจเต้นแรง
เขาจะพาเธอกลับไปเยี่ยมคุณปู่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอคุณปู่ แต่เธอเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตระกูลปัญญาพนต์มานานแล้ว คุณปู่ผู้เป็นสมดุลใต้ฟ้า เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทตระกูลปัญญาพนต์
ไม่มีใครในตระกูลปัญญาพนต์ไม่กลัวเขา แม้ว่าในบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ตอนนี้มีวิษณุส์จะเป็นคนดูแลก็ตาม แต่ส่วนสำคัญที่สุดและคอยจัดการทุกอย่างก็คือตำแหน่งประธานบริษัท
กษาปณ์บอกว่า จนกว่าวันที่เขาตาย เขาถึงจะประกาศผู้สืบทอดของตำแหน่งประธาน ดังนั้นวิษณุส์จึงระมัดระวังมาหลายปี ต่อให้ต้องสูญเสียผู้หญิงที่รัก เมื่ออยู่ต่อหน้ากษาปณ์ก็ต้องอดทน
“นั่นเอ่อ คุณชายสามคะ ฉันอยู่อ่านหนังสือที่บ้านดีกว่าค่ะ ฉันจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการนวด เพื่อนวดให้คุณสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ นี่จะช่วยให้คุณยืนขึ้นได้ในเร็ววัน” เธอไม่อยากเจอประมุขของตระกูล
คณพศขยับยกดวงตาสีเข้มขึ้นมองเธอ “ทำไม เธอกลัวเหรอ”
“ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้กลัวค่ะ ถึงแม้ว่าฉันควรไปเยี่ยมคุณปู่ผู้อาวุโสของตระกูล แต่เขาคงยุ่งมาก ฉันไปอาจจะรบกวนเขาได้” เธอจะไม่ไป บางที่คุณปู่อาจจะรู้จักพี่สาว ถ้ารู้ว่าเธอไม่ใช่พี่สาว เขาจะไม่ฆ่าคุณพ่อของเธอหรอกเหรอ
หัวใจเธอเต้นแรง อะไรก็ตามที่จะทำให้ไม่ต้องไปหาคุณปู่ไม่ใช่แค่ตอนนี้แต่จะต้องผลัดวันเรื่อยไป
คณพศมองเธอที่กำลังกลัวว่าจะต้องออกไปข้างนอกกับเขา ทั่วทั้งหน้าก็พลันหมองคล้ำลง เธอคงจะกลัวที่ต้องเจอวิษณุส์ ถึงเวลานั้นคงอึดอัดใจ
“ก็ดี ในเมื่อเธอไม่ไป งั้นก็อยู่บ้าน” ชายหนุ่มพูดจบก็เลื่อนรถเข็นออกไปจากห้องนั่งเล่น
ลุงบีมเตรียมรถของเขาไว้ที่ชายหาดแล้ว คณพศยกมือขึ้นช้าๆ ลุงบีมช่วยพยุงขึ้นเบาะหลัง
นารามองดูเขาจากไป จากนั้นก็กลับไปที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้า
นาราอ่านหนังสืออยู่ในห้องทั้งวัน เธอแทบจะไม่ออกจากห้องยกเว้นเวลาอาหาร
เมืองธิตกลคฤหาสน์บิวลี่ บริเวณวิลล่า ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองธิตกล ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มักจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี สถานะโดดเด่น
วิสัยทัศน์ของโรลส์รอยซ์ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปในพื้นที่วิลล่าที่เงียบสงบ นี่คือวิลล่าที่มีพื้นที่ยาวประมาณหนึ่งกิโลเมตร มีทั้งหมดสี่ชั้น รถยนต์หรูหรามากกว่าสิบคันจอดอยู่ในสนามหญ้าขนาดใหญ่
ประตูสีทองเรืองแสงท่ามกลางแสงแดด คนรับใช้ยืนเรียงกันสองแถวอยู่หน้าประตู
ทันทีที่รถหยุดแม่บ้านก็ดันรถเข็นเข้าไปด้วยความเคารพ “คุณชายสาม คุณท่านรอคุณอยู่นานแล้วค่ะ”
คณพศค่อยๆใช้มือพยุงตัว ด้วยความช่วยเหลือของลุงบีมให้นั่งลงบนรถเข็นและเข็นไปที่ประตู
ที่ห้องนั่งเล่นมีชายชรานั่งอยู่ ข้างๆ มีคุณพ่อมุขพลและคุณแม่รัมพร สุดท้ายคือวิษณุส์ที่พิงโซฟาด้วยท่าทางขี้เกียจ ทั้งสองขาปล่อยตก มองไปยังรถเข็นตรงหน้าประตูอย่างเย่อหยิ่ง
“มา เจ้าสาม มานี่เร็ว ทำไมลูกสะใภ้ไม่มากับแกด้วยล่ะ” กษาปณ์ยิ้มและโบกมือให้คณพศ
ลุงบีมเข็นรถเข็นของคณพศไปข้างๆเขา คณพศเงยหน้าขึ้นมองชายชรา “คุณปู่ พิมมี่เธออยู่เกาะฟ้ากำลังเรียนวิชาการนวดขาให้ผมอยู่ครับ จึงไม่ได้มาด้วย”
เขาหันไปมองคนอีกสามคนข้างๆ “คุณพ่อ คุณแม่ พี่สอง”
มุขพลพยักหน้า “แกควรพาเธอมาหาคุณปู่นะ มันคือการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส”
รัมพรมองไปที่คณพศ “ไม่ใช่ว่าแกปกปิดพิมมี่เอาไว้ในบ้านไม่ให้เธอออกมาข้างนอกหรอกเหรอ” รัมพรไม่ชอบคณพศตั้งแต่เด็กแล้ว เธอมองลูกชายของตัวเองอย่างแดกดัน
วิษณ์กำมือเล็กน้อย มองตรงไปที่คณพศด้วยดวงตาที่ไม่พอใจอยากฆ่าคณพศ
“ดูคุณแม่พูดเข้าสิ ตอนนี้พิมมี่เป็นภรรยาของผม ผมยังไม่ทันจะทำร้ายเธอเลย จะปกปิดเธอได้ยังไง เธอเหนื่อยน่ะครับ บอกว่าไม่อยากมา ผมก็เลยให้เธออยู่บ้าน” คณพศพูดกับแม่ของเขา แต่ยิ้มให้กับวิษณุส์
“พี่สอง ขอบคุณคุณมากนะ ที่ทำให้ผมได้มีภรรยาสวยเหมือนดอกไม้ ช่วงนี้ในทุกวันเธอศึกษาวิธีการนวด พยายามพูดให้ผมยืนขึ้นได้” คณพศหัวเราะเบาๆ ทันใดนั้นภายในดวงตาก็มีความเอ็นดูออกมาท่วมท้น
“งั้นน้องสามก็รักษาภรรยาแสนสวยดั่งดอกไม้ล้ำค่าเอาไว้ให้ดีๆ ล่ะ อย่าทำให้คนต้องแตกตื่นก่อนครึ่งปี!”
วิษณุส์มองดูสีหน้าเขากับท่าทางที่ดูมีความสุข หวังจะได้ฉีกหน้าเขาออกเป็นชิ้นๆ และจู่ๆเขาก็ลุกขึ้น คิดจะเดินไปใกล้ๆเขา!
“เอาล่ะ! ในเมื่อพิมมี่ไม่ได้มา งั้นพวกเราก็ไปทานข้าวกันเถอะ” ไม่รอให้วิษณุส์เดินไปถึงตัวคณพศก็ถูกเสียงต่ำที่เยือกเย็นขัดขวางการกระทำของเขา
วิษณุส์กำมือแน่น แววตาเกิดแสงรุนแรง
ที่ห้องอาหาร กษาปณ์ให้ลุงบีมบริการอาหารให้คณพศ พูดคุยกับคณพศอย่างต่อเนื่องจนอีกสามคนกลายเป็นไร้ตัวตน
ทานอาหารเสร็จแล้วกษาปณ์ก็มองไปที่คณพศ “เจ้าสาม การแต่งงานครั้งนี้ทำให้แกไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉันไม่ได้จัดงานแต่งที่สมเกียรติให้แก ปู่วางแผนให้ปัญญาพนต์กับวรชัยลภัสสองตระกูลมารวมตัวกันในเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ที่ควรให้แก่พิมมี่ก็คือการประกาศให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคน ปู่แก่แล้ว ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกแกสองพี่น้อง”