The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 148 คืนนั้นคุณทำอะไรกับผม
บทที่ 148 คืนนั้นคุณทำอะไรกับผม
จัดการธุระจากกษาปณ์เรียบร้อย รู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว คณพศก็รีบออกจากโรงพยาบาลไป
ออกมาจากโรงพยาบาล อารมณ์ของเขานั้นดึงลง มองเห็นรัมพรกับมุขพลเดินเข้ามา เขารีบขึ้นรถไป ไม่อยากคุยอะไรกับพวกเขา
เขาขับรถอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยความสับสนวุ่นวายในใจ
เขาให้เสกข์หาเหตุผลที่นาราไปฝรั่งเศสครั้งนี้ พึ่งรู้ว่ารานากับไลลาเข้าร่วมการแข่งขันการ์ตูนระดับโลก
รู้ว่าเธอเข้าพักที่โรงแรม เขาสั่งให้คนที่อยู่ที่นั่นจับตาดูนาราเอาไว้อย่างดี
ทว่านารากับไลลาอยู่ที่โรงแรมตลอดทั้งบ่าย และไปเยี่ยมผิงผิงที่คฤหาสน์ของตรัญ
คณพศพอรู้ข่าวจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ได้ยินว่านาราไปที่คฤหาสน์ของนาย เมียนายเป็นเพื่อนของเมียฉัน?” ตรัญกำลังประชุม พอกดรับโทรศัพท์แล้วจึงรีบเดินออกจากห้องประชุมไป
ไม่คิดว่าจะได้ยินแต่ก็ได้ยินคณพศพูดออกมา เขาชะงักไปเล็กน้อย
“อะไรนะ เมียนายกับเมียฉันเป็นเพื่อนกัน? จริงหรอ?” ตรัญหัวเราะทุ้มต่ำ บังเอิญขนาดนั้นเลยหรอ?
แต่เขารู้ว่าผิงผิงเรียนที่เมืองธิตกล
“จะโกหกทำไมล่ะ ไม่งั้นเมียฉันจะไปคฤหาสน์นายทำไม?” คณพศหน้าดำหน้าแดง เขาโทรหานาราทุกวัน เธอปิดโทรศัพท์ตลอดเวลา เหมือนว่าเธอจะขีดเส้นกั้นเขาเอาไว้แล้ว
“นี่ยังไม่แน่นอน บางทีน้องสะใภ้อาจมาหาฉันก็ได้ เธอคิดว่านายรังแกเธอเลยมาระบายความโกรธ?” ตรัญขมวดคิ้ว
คณพศเงียบไม่พูดไม่จา ตรัญราวกับมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาเย็นชานั้น บัดนี้บิดเบี้ยวน่าขัน
ยังไงก็ตีเขาไม่ได้ ฮ่าๆ
“นายดูแลให้ฉันดีๆ ถ้าเป็นอะไรไปที่ฝรั่งเศส ฉันไม่มีวันปล่อยแกไว้แน่” คณพศพูดจบกดตัดสายทันที
ตรัญหัวเราะ ไอ้เด็กคนนี้จะให้เขาดูแลจริงๆหรอ
คิดถึงสภาพคณพศที่โดนผู้หญิงทิ้ง เขาพลันอารมณ์ดีขึ้นมา
คิดถึงหญิงสาวที่คฤหาสน์ เขาเดินเข้าห้องประชุม รีบประชุมแล้วกลับคฤหาสน์มาร็อก
คณพศรู้ว่านาราไปที่คฤหาสน์มาร็อกแล้วก็วางใจ มอบหมายคนเฝ้าดูแลเธอถอนออกไปแล้ว หลายวันมานี้เกิดเรื่องมากมาย ไม่งั้นเขาคงไปร่วมงานจัดแสดงภาพวาดกับเธอ
เขายืนอยู่ริมหน้าต่างคนเดียว มองพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เศร้ารันทดอย่างมาก
นารา คุณทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมทิ้งผมหนีไปคนเดียว?
หรือว่า ในใจของคุณ จะมีหรือไม่มีผมก็ได้งั้นหรอ?
เข้าใจผิดอะไร?
หรือว่า คุณไม่เคยรักผมเลย?
ความสับสนในใจของคณพศยากที่จะจัดการ หยิบเสื้อที่พาดอยู่บนเก้าอี้เดินออกห้องทำงานไป ขับรถมุ่งหน้าไปปู่ชิงคลับ
ไม่นานรถก็มาจอกที่หน้าปู่ชิงคลับ โยนกุญแจให้พนักงานรับรถ เปิดประตูเข้าไปตอนนี้พึ่งจะห้าโมงเย็น ด้านในเริ่มครึกครื้น
คณพศลากเด่นภูมิและยชญ์ออกมาด้วย เพราะเด่นภูมิรู้เรื่องนี้ รีบให้ยชญ์กลับเมืองธิตกล
เขาคิดว่าเขาคนเดียวคงเอาคณพศที่กำลังเสียใจไม่ไหว
มาถึงไม่พูดไม่จาชนแก้วทันที “มา ดื่ม”
เด่นภูมิมองสบตากันกับยชญ์ รู้ว่าเพราะเรื่องนาราไปต่างประเทศทำให้คณพศเศร้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คอยนั่งดื่มอยู่เป็นเพื่อนเขา
ดื่มไปดื่มมาทั้งสามก็ดื่มไปแล้วไม่น้อย
พวกเขาไม่รู้ ด้านหลังของพวกเขามีสายตาคู่หนึ่ง จับจ้องพวกเขาอย่างละเอียดอยู่ตรงนั้น
จับจ้องคณพศอยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น คือคนที่เคยอยู่เคียงข้างคณพศอย่างณัจยานั่นเอง
คืนนั้นที่เธอได้ฝากรอยลิปสติกไว้บนตัวของคณพศ ก็เพื่ออยากให้นาราได้เห็น สร้างความเข้าใจผิดให้พวกเขา
เธอเชื่อว่าไม่มีคู่รักคู่ไหนจะตัดกันไม่ขาด มีเพียงมือที่สามที่ไม่พยายาม
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือยัยโง่นารานั่น จะทิ้งคณพศแล้วหนีไปฝรั่งเศสคนเดียว โง่จริงๆ
เรื่องดีขนาดนี้ ตอนที่พิมมี่โทรมาหาเธอ เธอไม่ค่อยจะเชื่อ ต่อมาเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วจึงเชื่อ
วันนี้เธอหลบอยู่ประตูบ้านตระกูลปัญญาพนต์ มองเห็นคณพศออกมา จึงรีบตามมา
จนเขามาถึงที่นี่ มองเขากรอกเหล้าอย่างกลัดกลุ้ม ในใจก็คือรสชาติของชีวิต เขาคงกำลังคิดถึงนารา
ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับเขามาก คิดถึงแต่ก่อนที่เขาไม่ได้ใส่ใจเธอ แต่ตอนนี้ผู้ชายที่เธอรักมานาน ไม่มีความรู้สึกอะไรให้เธอเลย
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาริษา
เธอยกไวน์ในมือดื่มจนหมด มุมปากถูกยกขึ้น นารา ฉันต้องแย่งผู้ชายคนนี้กลับมาให้ได้ เธอคอยดูเถอะ
ดื่มหมด ณัจยาค่อยๆออกไปจากปู่ชิงคลับอย่างเงียบเชียบ
เพราะวันนี้คณพศอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด เธอจึงไม่เข้าไปก่อกวนจิตใจเขา ถึงบังเอิญก็ต้องดูจังหวะและเวลา
จังหวะเวลาที่ดีนั้นก็ไม่ได้ให้ณัจยาได้รอนาน วันต่อมา เธอก็ปรากฏตัวที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์
คณพศยังมีงานที่ต้องเข้าไปจัดการที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ พึ่งนั่งลงได้ไม่นาน ณัจยาก็หิ้วขนมเดินตรงมาที่ห้องของผู้อำนวยการบริษัท
เลขาเรียกเธอไว้ “คุณผู้หญิง มาพบใครคะ?”
ณัจยาแสยะยิ้ม “ฉันเป็นเพื่อนของคณพศ วันนี้มาเยี่ยมเขาน่ะ”
เลขาเห็นว่าเธอเรียกคณพศอย่างสนิทสนม จึงไม่กล้าขวางเธอไว้
ณัจยาผลักประตูเข้าไปเบาๆ เธอไม่ได้เคาะประตู
ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาใกล้ คณพศเงยหน้ามองอย่างสงสัย มองอย่างไม่แน่ใจไปยังณัจยา “ณัจยา คุณมาได้ยังไง”
เขาไม่รู้สึกว่าเขากับเธอจะมีความสนิทชิดเชื้อขนาดนั้น เขาขมวดคิ้วมองณัจยาที่เดินเข้ามาใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างช้าๆ
เขาพลันนึกถึงรอยลิปสติกที่ปรากฏอยู่บนอกเขาในวันนั้น นี่เป็นเหตุให้เมียเขาหนีไป
ฉับพลันดวงตาของเขาฉายแววแข็งกร้าว
“ฉันแค่ผ่านมาทางนี้ จึงแวะเวียนเข้ามาเยี่ยม คณพศ ฉันซื้อขนมที่คุณชอบที่สุดในตอนนั้น ไม่รู้ว่าคุณจะเปลี่ยนรสชาติแล้วหรือยัง”
ณัจยาจ้องมองดวงตาแข็งกร้าวของคณพศ พลันชะงักกึก ยังคงรักษารอยยิ้มสดใสบนใบหน้า “ทำไม ไม่ต้อนรับเพื่อนเก่าอย่างฉันแล้วหรอ”
“คงไม่ต้องพูดถึงต้อนรับไม่ต้อนรับหรอก ณัจยา คืนนั้นผมเมา คุณทำอะไรกับผม คุณคงจะเข้าใจดีที่สุด” สายตาแหลมคมไม่มีอะไรเทียบได้
“ของบางอย่างมันก็ไม่ใช่ของคุณ อย่าไปยึดติดกับมันเลย ผมยังคิดว่าคุณเมื่อเก้าปีที่แล้วนั่นถึงเป็นตัวตนของคุณจริงๆ ต่อไปอย่ามาที่นี่อีก” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยบอก ทุกประโยคแสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
ใจของณัจยาเต้นกระหน่ำ น้ำตาเอ่อล้นมองไปยังผู้ชายตรงหน้า
“คณพศ ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่มีค่าพอจะยืนเคียงข้างคุณ แต่คุณไม่เคยปฏิบัติกับฉันแบบนี้ ฉันไม่คาดหวังว่าคุณจะปฏิบัติกับฉันในแบบเดิมที่เคยเป็น อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกัน”
“ตอนนั้น ฉันอยู่เคียงข้างคุณ วันเวลาที่อยู่ด้วยกัน คณพศเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม ทำไมคุณทำกับฉันแบบนี้?”