The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 153 ผู้ชายคนนั้นคือใคร
บทที่ 153 ผู้ชายคนนั้นคือใคร
“ถ้าเกิดว่าพวกเธอรักกันจนปานจะกลืนกินขนาดนั้น ทำไมถึงแยกกันไปตั้งเก้าปีล่ะ? เธอก็รู้ว่าเก้าปีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ถึงแม้ว่าตอนนั้นพวกเธอจะเป็นแค่หนุ่มสาวที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เลยตัดสินใจอะไรลงไปแบบไม่มีสติ แต่ว่าพอคุณพศยืนขึ้นได้อีกครั้งเธอถึงปรากฏตัว แล้วทำไมเก้าปีมานี้ไม่มาอยู่กับเขาล่ะ? ถ้าเกิดว่าคุณพศลืมเธอไม่ได้ เขาก็หย่ากับฉันแล้วไปแต่งงานกับเธอได้นี่ ไม่ใช่ต้องมาให้ฉันคืนเขาให้เธอ คุณพศไม่ใช่ของใครทั้งนั้น แล้วเขาก็ไม่ใช่สิ่งของที่ต้องมาคืนให้กัน! ถึงแม้เธอจะพูดว่าคุณพศเขาไม่อยากทำร้ายฉัน เลยให้เธอมาพูดแทน แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าเธอกำลังเล่นละครน่าสงสารอยู่ล่ะ?”
“ฉันยังวัยรุ่น ยังสวย อันนั้นฉันยอมรับ แต่ว่าความสวยและความเด็กของฉันก็เลยทำให้ฉันต้องยอมสละชีวิตแต่งงานของฉันเื่อความสุขของเธองั้นหรอ? แล้วที่เธอบอกว่าพวกเธอจะเอาเงินให้ฉัน? ตอนนี้ฉันคือภรรยาของคุณพศ เงินของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์เป็นของฉันครึ่งนึง แล้วเธอจะเอาเงินจากไหนมาให้ฉันงั้นหรอ? ณัจยา ฉันไม่ใช่มูลนิธิ แล้วก็ไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ คำพูดของเธอวันนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”
นาราลุกขึ้นยืนและสะพายกระเป๋า “ณัจยา พรุ่งนี้ฉันมีสอบ ต้องกลับไปทบทวนหหนังสือ ขอตัว!” เธอพูดจบก็เดินออกจากร้านกาแฟไป
ณัจยามองแผ่นหลังของนาราที่เดินออกไป ดวงตาของเธอไลุกท่วม ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็รับมือไม่ง่ายเลยจริงๆ เก่งกว่ายัยพิมมี่นั่นเป็นพันเท่า!
ทั้งสองคนนี้มาจากตระกูลวรชัยลภัสเหมือนกัน แต่ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ!
เธอกำหมัดแน่น จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อของเธอ
แล้วก็ทุบกำปั้นลงไปที่โต๊ะ “เพล้ง” เสียงแก้วตกลงไปแตกที่พื้น
พอเห็นผู้จัดการร้านเดินออกมา เธอก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์ โยนลงไปที่โต๊ะแล้วก็เดินออกมา
พอเดินออกมาจากร้านกาแฟแล้วนาราก็เดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย คำพูดของณัจยาเมื่อกี้นี้ทิ่มแทงจิตใจเธออย่างมาก แต่ว่าตอนนี้ใจเธอมันชาไปหมดแล้ว
เธอแค่ไม่อยากดูอ่อนแอต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ต่อให้เธอกับคุณพศจะไม่ได้ไปต่อ แต่ว่าเธอก็จะไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมารังแกเธอได้
เธอไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เธอเงยหน้ามองห้องสมุดที่อยู่ตรงหน้าเธอ ที่นั่นแสงไฟสว่างจ้า
ดีมาก เธอจะได้นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ กลับให้ดึกหน่อย จะได้ไม่ต้องเจอคุณพศ
เธอเดินเข้าไป ด้านในมีคนนั่งอ่านหนังสืออยู่เยอะแยะเต็มไปหมด เธอเดินไปหาที่ๆเงียบสงบ แล้วก็หยิบแบบทดสอบออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เริ่มทบทวน
หลังจากผ่านไปสิบนาที เธอก็รู้สึกเหมือนว่าแสงไฟบนหัวของเธอถูกบดบัง ก็เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เจอผู้ชายคนนึงมายืนอยู่ด้านหลังของเธอ แล้วก็มองแบบทดสอบในมือเธอ
“……..” ผู้ชายคนนี้ไม่ได้บ้าใช่มั้ย จะมาดูแบบทดสอบของเธอทำไมกัน?
เธอเก็บแบบทดสอบในมือแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า เขาดูไม่เหมือนคนเมืองธิตกลเลยแม้แต่น้อย เขาอยู่ในชุดลำลองสีน้ำเงิน ดวงตาสีน้ำตาล ผมหยิก ใบหน้าหล่อเหลา เขาเป็นคนต่างชาติ
เขายืนอย่างสง่างามอยู่ข้างๆนารา เขาจ้องหน้านาราอยู่สามนาที ตอนแรกเขาก็รู้สึกแปลกใจ ต่อมาก็เตมไปด้วยความสงสัย
“คุณคะ….เรา รูู้จักกันหรอคะ?” นารารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตา
เธอคิดว่าฝรั่งคนนี้คงจะไม่ใช่พวกเสือผู้หญิง ที่หญิงสวยเข้าหน่อยก็ทำเป็นเล่นละครเข้าหาหรอกนะ
แต่ว่าที่นี่คนเยอะขนาดนี้ เขาคงไม่กล้าทำอะไรเลยเถิดหรอก
ผู้ชายคนนี้ถึงมีปฏิกิริยาตอบกลับ “สวัสดีครับ คุณผู้หญิง คุณเหมือนเพื่อนเก่าผมมากเลย ขอถามว่าคุณเกิดที่ประเทศจีนนี่หรอครับ?”
เขาพูดภาษาจีนออกมา นาราก็นึกว่าเขาจะพูดไทยไม่ได้ ก็เลยถามเขาไปเป็นภาษาอังกฤษ
“ใช่ค่ะ ฉันเกิดที่นี่ ต้องขอโทษด้วยแต่ว่าฉันไม่ใช่เพื่อนเก่าที่คุณตามหาหรอกนะคะ” อพูดจบเธอก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมจะเดินออกไป
ผู้ชายคนนั้นรีบขวางทางเธอไว้ “คุณอย่าเข้าใจผมผิดเลยนะครับ อ่านหนังสือต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้ว ขอโทษด้วยครับ!” พอพูดชายคนนั้นพูดจบก็รีบถอยกลับไปที่ด้านหลังที่นั่งของนาราทันที
พอนาราเห็นว่าเขาไปแล้ว ก็หยิบแบบทดสอบขึ้นมาทำอีกครั้ง นั่งไปนั่งมาก็ปาไปสามชั่วโมง
ตอนนี้ห้องสมุดไม่ค่อยมีคนแล้ว เหลือคนสุดท้ายก็คือผู้ชายต่างชาติคนนั้นกับนารา และห้องสมุดก็กำลังจะปิดแล้ว
ในด้านของคุณพศที่พอกลับบ้านมาแล้วไม่เห็นนารา เขาก็คิดว่านารายังโกรธเขาอยู่อีกหรอ? ทำไมยังไม่กลับบ้าน หรือว่าไปบ้านไลลา? เขารออยู่ซักพักนาราก็ยังไม่กลับมา
เขารีบให้เด่นภูมิหาวา่าตอนนี้นาราอยู่ที่ไหน ผ่านไปไม่นานเด่นภูมิก็ตอบกลับมาว่านาราอยู่ที่ห้องสมุด
คุณพศไม่รอแม้แต่นาทีเดียว รีบขับรถออกไปที่ห้องสมุดทันที
ตอนที่ประตูห้องสมุดกำลังจะปิด นารากับชายชาวต่างชาติคนนั้นก็เดินออกมาพอดี
ผู้ชายคนนั้นมองหน้านาราพร้อมกับยิ้มโชว์ฟันขาว “คุณครับ ผมชื่อเคลลี่ลั่ว มาเมืองธิตกลเพื่อตามหาเพื่อนเก่า ผมขอถามชื่อคุณหน่อยได้มั้ย?”
นารากำลังจะอ้าปากตอบ ก็เห็นรถโรลล์รอยซ์เข้ามาจอดตรงหน้าพวกเขาช้าๆ
คุณพศเปิดประตูและเดินลงมาจากรถ ดวงตาของเขาเยือกเย็นราวกับอยากจะฆ่าคน! เขามองเคลลี่ลั่วด้วยสายตาแบบนั้นอยู่ไม่กี่วิ
แล้วเขาก็ค่อยๆยื่นมือไปลามือนารา “นารา กลับบ้านได้แล้ว ดึกแล้ว หิวรึยัง?” เขากระซิบด้วยเสียงสั่นเครือดูอ่อนแรง
เขาเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้นารา แล้วก็ช่วยเธอคาดเข็มขัด นาราไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นั่งไปตามใจเขา แล้วก็ยิ้มให้เคลลี่ลั่วอย่างเป็นมิตร”
ตอนที่คุณพศขึ้นมานั่งตรงที่นั่งคนขับ ก็เห็นนารายิ้มให้ฝรั่งคนนั้นพอดี เขาขมวดคิ้วแน่น เขาเหยียบคันเร่งอย่างแรง และรถก็พุ่งออกจากห้องสมุดไปราวกับลูกศรธนู
เคลลี่ลั่วมองรถที่จากไป แล้วก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ณ คฤหาสน์ คุณพศจอดรถ แล้วก็ลากนาราเดินเข้าไปในคฤหาสน์
พอถึงห้องโถงคุณพศก็ปล่อยแขนนารา แล้วก็นั่งลงบนโซฟา แต่ว่านาราก็เดินขึ้นไปชั้นบนแบบไม่พูดอะไร พอเดินถึงบันไดขั้นที่สอง ก็ได้ยินเสียงคำสั่งที่เยือกเย็นของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นมา
“หยุด!”
นาราตกใจจนหลับตาปี๋ พอลืมตาขึ้นก็หันหน้ากลับไป “มีอะไร?”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
“ไม่รู้จัก!”
“หรอ? แต่ว่าเธอยิ้มให้เขาร่าเริงจังเลยนะ ทำไมเลิกเรียนแล้วไม่กลับบ้าน? ไม่อยากเจอฉันขนาดนั้นเลยรึไง?” อยู่ดีๆคุณพศก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้น
นารารู้ว่าเขาเริ่มโมโหอีกแล้ว เธอยืนมองเขาอยู่แบบนั้น สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
คุณพศเห็นดวงตาผิดหวังของนารา ก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา ทำไม? ทำไมนาราถึงได้เย็นชากับเขาขนาดนี้!
“ตอบมา! ทำไมไม่กลับบ้าน?” คุณพศหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นสายตาของเธอ เขากลัวว่าเขาจะยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ไหว
“ไม่มีเหตุผล ฉันอยากอ่านหนังสือ” นาราจ้องมองหน้าผู้ชายตรงหน้านิ่งๆ เงาของเขาดูโดดเดี่ยวภายใต้แสงสว่างนี้
“กลับบ้านมาอ่านไม่ได้หรอ? เธอยิ้มให้ฝรั่งคนนั้นอย่างร่าเริง แต่ว่าเย็นชากับฉันขนาดนี้ นารา เธอรู้ตนของตัวเองมั้ย?” อยู่ดีๆคุณพศก็เสียงดังขึ้นมา
นารากำหมัดแน่น แล้วทำไมตอนที่เขากับณัจยาเล่นจ้ำจี้กันถึงไม่นึกถึงตัวตนของเธอล่ะ!
“ฉันกับคนนั้นพึ่งเคยเจอกันครั้งแรก ไม่มีอะไรอื่น ฉันจะไปพักผ่อน ้ถาอยากจะโวยวายต่อก็เชิญ” เธอเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างเย็นชา แผ่นหลังของเธอดูโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“……” คุณพศโกรธจนอยากจะฆ่าคน ผู้หญิงคนนี้เพี้ยนไปแล้ว ทำแบบนี้กับเขา ได้ ดีเลย! เขากระทืบเท้าและรีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที