The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 185: สภาวะเลือกลืม
บทที่ 185: สภาวะเลือกลืม
ขณะที่เด่นภูมิและบอดี้การ์ดดึงเขาขึ้นมา คณพศหลับตาแน่น น้ำเข้าไปในปอดค่อนข้างมาก
ณ โรงพยาบาล
กษาปณ์รีบมาหาอย่างไวที่สุด มองดูไฟสัญญาณการกู้ชีพที่กระพริบอยู่ เขารีบถามเด่นภูมิ “เป็นยังไงบ้าง”
“กำลังกู้ชีพอยู่ครับ แผลที่ขาเริ่มจะแย่ลงแล้ว” เด่นภูมิตอบไปตามความจริง
ใบหน้าแก่โทรมของกษาปณ์เผยความโมโห “เขามีปัญญาแค่นี้งั้นหรือ? อยากตายเพื่ออีนั่นไปกี่หนแล้ว! ตระกูลปัญญาพนต์ไม่ต้องการหลานที่ไร้น้ำยาแบบนี้ ปล่อยมันไปตายซะ!”
กษาปณ์โมโหจนไม้เท้าหัวมังกรสั่นสะเทือนไปหมด
“คุณปู่ครับ มีคนลักลอบฆ่าเขา ไม่ใช่ว่าเขาอยากโดดลงไปเองครับ” เด่นภูมิรีบอธิบาย
“คิดว่าฉันแก่แล้วหรือไง? แค่ไอ้ขายดอกไม้นั่นจะฆ่าเขาได้หรอ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาสิ้นหวังอยากโดดลงไปเอง ใครจะไปฆ่ามันได้!” กษาปณ์ตะโกนสุดเสียงตรงทางเดิน
เด่นภูมิรีบประคองกษาปณ์ไว้ “คุณปู่อย่าห่วงไปเลยนะครับ คณพศเขาไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวเขาก็คิดได้เอง”
“เด่นภูมิเอ้ย แกคิดดูนะ เขาเป็นแบบนี้เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันให้อาชัญแทนที่ประธานชั่วคราวก็เพราะอยากกระตุ้นให้เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ว่าเขา….” กษาปณ์ส่ายหัว โมโหจับไม้เท้าหัวมังกรไว้แน่น
“คณพศมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับพี่สะไภ้ มันเป็นเรื่องธรรมดา คุณปู่กลับไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมเฝ้าตรงนี้ไว้ให้” เด่นภูมิประคองกษาปณ์เดินไปข้างนอก
ในขณะนั้นเองประตูห้องกู้ชีพเปิดออก หมอดันคณพศออกมาจากห้อง
“สวัสดีครับคุณกษาปณ์” คุณหมอทักทายพร้อมรอยยิ้ม
“เขาเป็นไงบ้าง?” กษาปณ์เดินไปมองผู้ชายหล่อเหลาที่ไม่มีสีเลือดบนใบหน้าที่เตียง ขมวดคิ้วเข้ม
“ขาคุณคณพศแช่อยู่ในน้ำทะเล คงต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นได้ แต่โดยหลักคือสมองเขาโดนน้ำทะเลซัดเข้าไปค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นสภาวะเลือกลืมนิดหน่อยครับ” หมอกล่าว
“สภาวะเลือกลืม?” กษาปณ์มองไปทางหมอ “ถ้าลืมได้ก็ดีเลยสิ”
“…. เขาจะลืมอะไร?” เด่นภูมิคิดในใจ อย่าบอกว่าเขาจะลืมตัวเองไปนะ ถ้างั้นคงจะแย่เลย!
“โดยทั่วไปแล้ว สภาวะเลือกลืมของผู้ป่วยจะเป็นการลืมเรื่องความทรงจำที่เขาเสียใจมากที่สุด เพราะจิตใต้สำนึกเขาไม่อยากจดจำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเขาคงจะคิดได้ แล้วก็อาจจะอยู่ก็คิดได้เองด้วย”
กษาปณ์
ฟังที่หมอพูดแล้ว พยักหน้าเงียบๆ
ถ้ายังมีชีวิตอยู่ จะลืมก็ให้มันลืมไปเถอะ
คณพศนอนโรงพยาบาลไปได้สามวันเพิ่งจะฟื้นขึ้น เขาลืมตาขึ้นรู้สึกว่าเหมือนตัวเองหลับไปเป็นศตวรรษ
เขามองดูทุกอย่างภายในห้องผู้ป่วยอย่างเหม่อลอย หรือว่าขาเขาจะพิการจริงๆ แล้ว ทำไมมาอยู่โรงพยาบาลได้หละ
ลุงบีมผลักประตูเข้ามา เห็นคณพศลืมตาขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้วยความดีใจ
“คุณชาย ในที่สุดก็ตื่นสักทีแล้ว คุณทำพวกเราตกใจกันหมดเลย คุณนอนไปสามวันสามคืนแล้ว” ลุงบีมรีบปล่อยแก้วเก็บความร้อนที่พกมาด้วยลง พยุงคณพศขึ้นเบาๆ
“ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ไง?” คณพศถามขึ้นด้วยเสียงเข้ม
“เอ่อคือ….” ลุงบีมมองไปทางคณพศ เหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องของนาราไปแล้ว งั้นเขาก็ไม่พูดถึง
แล้วกัน คงจะทำให้คุณชายสบายใจมากขึ้น
“อาการขาคุณแย่ลงอีกแล้ว ก็เลยพามาส่งที่โรงพยาบาลหนะ” ลุงบีมกล่าว
คณพศขมวดคิ้ว “ศุกลหละ?”
“เขากลับฝรั่งเศสไปแล้ว”
“เรียกเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย มีเขาคนเดียวที่รักษาขาผมได้” คณพศมองไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเรียบนิ่ง
เขารู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนลืมบางอย่างที่สำคัญที่สุดไป
“ครับ เดี๋ยวผมโทรไปเลย” ลุงบีมรีบเดินออกไปทันที
เมื่อศุกลได้รับสายแล้ว รีบเดินทางมาที่พร้อมยชญ์อย่างเร็วที่สุด
ผลักประตูห้องผู้ป่วยออก เห็นคณพศที่สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“คณพศ ฉันมาแล้ว” ศุกลกลัวว่าเขาจะจำตัวเองไม่ได้ ยชญ์ก็เข้าไปถามว่า “คณพศ ฉันเป็นใคร?”
คณพศเหลือบมองพวกเขา “บ้าบอคอแตกกันอยู่ได้ ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมซะหน่อย”
ยชญ์กับศุกลมองหน้ากัน
“รีบดูอาการขาให้หน่อยเร็ว ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าขาฉันแย่ลงอีกแล้ว ไหนว่าจะดีแล้วไง” คณพศเห็นทั้งสองคนขยิบตาไปมาอยู่ได้ จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกเหน็บแนม
“เอ่อ…คืองี้ขาแกจะดีอยู่แล้ว แต่แกลืมไปแล้วหรอ แกกำลังโดนคนไล่ฆ่า ตกลงไปในทะเลแล้วแช่อยู่ในน้ำทะเลนาน อาการเลยแย่ลง” ศุกลพูดด้วยความจริงจัง
คณพศขมวดคิ้วเข้ม มีคนจะลักลอบฆ่าเขางั้นหรือ? อาชัญ?
ศุกลอยู่เคียงข้างคณพษที่เมืองธิตกลนานสองเดือน ภายในสองเดือนนี้ คณพศหงอยๆ ไม่ค่อยยิ้มมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เขาไม่เคยถามคนอื่นว่าเขาลืมอะไรไป รับการรักษาไปเงียบๆ
ผ่านไปอีกเดือนหนึ่ง ขาคณพศค่อยๆ ดีขึ้น เขาสามารถลงเดินได้แล้ว
ในที่สุดศุกลก็จากเมืองธิตกลไป ให้เด่นภูมิอยู่เป็นเพื่อนคณพศ
อีกหนึ่งเดือนถัดมา ขาคณพศหายดีหมดแล้ว
เขากลับไปที่เกาะฟ้า กลับเป็นเป็นเหมือนเมื่อก่อน สีหน้าที่เย็นชา นิสัยแปลกประหลาดอย่างงั้น
เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนารา ราวกับไม่เคยเรื่องราวเหล่านั้นมาเลย เพื่อไม่ให้เขาเสียใจ กษาปณ์สั่งคนให้เอาทุกอย่างที่เป็นของนาราออกไป
คณพศมองดูผิวน้ำทะเลสีครามทุกวัน รู้สึกว่าเหมือนในใจหายไปส่วนหนึ่ง
วันนี้ กษาปณ์มาที่เกาะฟ้า เขาเห็นสภาพเงียบนิ่งบึ้งตึงแล้ว เขารู้สึกผิดอย่างยิ่ง
“คณพศลูก แกไม่อยากกลับไปที่บริษัทหรอ หลังจากแกบาดเจ็บ ฉันให้อาชัญแทนที่ประธานอยู่ชั่วคราว ตอนนี้แกหายดีแล้ว ยังไม่ไปอีกรึ?” กษาปณ์มองดูหลานชายที่โดนความรักทำร้ายจนไม่เหลือซาก พูดขึ้นด้วยความสงสาร
“คุณปู่ ไหนว่าเขาอยากเป็นประธานมาก งั้นให้เขาเป็นนั่นแหละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“แกไม่รู้หรอว่าอาชัญเป็นคนยังไง เขาจะเป็นประธานที่ดีของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ได้หรอ ไม่เกิน 3 ปี บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ก็จะล้มละลายเพราะมัน” กษาปณ์ลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห
คณพศยังคงตอบไปอย่างไม่หวั่น “คุณปู่ใช้ชีวิตของปู่ให้ดีเถอะครับ มันใช้ไม่หมดหรอ อีกอย่าง ผมไม่ได้สนใจตำแหน่งประธานของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์”
“แกพูดอะไรของแก แกไม่ใช่ลูกหลานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์หรือไง แกจะยืนดูบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ล้มลงไปหรอ” กษาปณ์โมโหจนแทบอยากจะตีหัวเขาแตก อยากดูว่าในหัวมีอะไรอยู่ในนั้น
คณพศยังคงไม่พูดไม่จา กษาปณ์โมโหจนกระทืบเท้า
เขาต้องใช้วิธีไหนถึงจะทำให้คณพศกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง แล้วมุ่งมั่นนำพาบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ก้าวไกลสักที
เขามองผู้ชายตรงหน้าแล้วครุ่นคิดขึ้นมา….
เวลาค่อยๆ ผ่านไป เรื่องนาราก็ผ่านไปครึ่งปีกว่าแล้ว
ณ คฤหาสน์อีกหลังของตระกูลปัญญาพนต์
กษาปณ์เข้าไปข้างใน การตกแต่งภายในอย่างหรูหราพร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนอบอุ่น
ข้างในมีคนใช้หลายคนและแม่นมคนหนึ่ง
“คุณท่าน!”
เห็นกษาปณ์เดินเข้ามา พวกเธอรีบก้มหน้าลง
“อุ้มเด็กมานี่เลย”
“ค่ะ”
ผ่านไปไม่นาน มีคนใช้คนหนึ่งอุ้มทารกราว 6 เดือนไว้
ตาของเขาทั้งกลมทั้งใส หน้าอ้วนตุ้ยน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง เขาเห็นกษาปณ์แล้วรีบหัวเราะออกมา อ้อๆ แอ้ๆ เหมือนกำลังคุยด้วยอยู่
กษาปณ์ยื่นมือไปรับเด็กเอาไว้ เช็ดน้ำลายตรงมุมปากให้เขาพร้อมรอยยิ้ม
ช่างเหมือนเหลือเกิน เด็กนี่หน้าตาเหมือนคณพศเป๊ะ ราวกับเวอร์ชั่นมินิของเขาเลย
คณพศตอนเด็กก็หน้าตาแบบนี้แหละ
กษาปณ์อุ้มเด็กไว้ยิ้มจนตาเป็นรูปสระอี
ซึ่งนี่คือลูกชายของคณพศและนารา