The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 187: คนที่เขาสนิททำให้คนที่เขารักต้องตาย
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 187: คนที่เขาสนิททำให้คนที่เขารักต้องตาย
บทที่ 187: คนที่เขาสนิททำให้คนที่เขารักต้องตาย
ตอนนี้ป้าอ้ายเห็นได้อย่างชัดเจน เด็กในอ้อมกอดเถ้าแก่นั้นน่ารักเหมือนเทวดาน้อยจริงๆ ตาโต ผิวเนียน กำลังแทะมือจ้ำม่ำเล็กๆ ของตัวเองอยู่ เหมือนเขาจะหิวอย่างงั้น
เจ้าตัวเล็กพ่มน้ำลายฟู่ๆ กระเด็นใส่หน้ากษาปณ์
แต่เถ้าแก่กษาปณ์ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แถมยังสนุกสนานกับเขา เช็ดหน้าแล้วหัวเราะไม่หยุด
ทีนี้ป้าอ้ายก็เหวอไปเลย เธอจะตาลายไปแล้วหรือเปล่า? ทำไมรู้สึกว่าที่เถ้าแก่กษาปณ์อุ้มอยู่ในมือนั้นเหมือนคุณชายเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วยังไงไม่รู้
เถ้าแก่กษาปณ์เห็นสีหน้าของป้าอ้ายและลุงบีมหมด เขายิ่งรู้สึกดีใจเข้าไปอีก ก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ตะโกนขึ้น “คณพศหละ รีบเรียกเขาออกมา!”
คณพศได้ยินเสียงจากข้างบนนานแล้ว แต่เขาไม่ได้มีการตอบโต้ใดๆ เขายืนอยู่บนระเบียงมองไปทางทะเลสีครามนอกหน้าต่างนิ่งๆ
ถึงแม้ขาเขาจะหายดีแล้ว แต่เขายังคงอยากอยู่ที่เกาะนี้ต่อ เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองเคว้งคว้าง มีแค่ที่นี่เป็นที่พึ่งของเขา
เสียงรากขานของตัวเองไม่ได้รับการตอบรับ ขมวดคิ้วเข้ม มองไปทางลุงบีมด้วยความไม่พอใจ “เรียกคณพศออกมา”
ลุงบีมโค้งตัวเล็กน้อย ชี้ไปด้านบน “คุณชายชมทะเลอยู่ด้านบนครับ”
คิ้วกษาปณ์ขมวดเข้มขึ้น เจ้านี่ยิ่งไม่เข้าท่าไปกันใหญ่แล้ว ตั้งแต่ความจำเสื่อมเขามองทะเลแผ่นนั้นเหมือนเป็นบ้าอยู่ทุกวัน เฮ้อ!
แอบถอนหายใจยาวๆ แล้ว กษาปณ์อุ้มเด็กขึ้นไปข้างบนด้วยตัวเอง
เขาขึ้นไปข้างบนพร้อมลุงบีม ผลักประตูห้องนอนคณพศออกเบาๆ ลุงบีมเรียกด้วยเสียงเบา “คุณชายครับ เถ้าแก่มาหา”
คณพศได้ยินแต่ไม่สนใจ ไม่แม้แต่ขยับตัวเลย
เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาสนใจได้
ราวกับว่าตัวเองทำของที่สำคัญที่สุดในชีวิตหายไปอย่างงั้น
กษาปณ์เห็นท่าทางเศร้าหมองของคณพศ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปอีก
เขาอุ้มเด็กเดินไปข้างคณพศ ตั้งใจจะสั่งสอนคณพศที่ไร้วิญญาณแบบนี้
เพิ่งจะเดินได้สองก้าว เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดเขาหัวเราะออกมา
กษาปณ์ก้มหน้ามองเจ้าตัวเล็กที่หัวเราะอารมณ์ดี ความอบอุ่นเผยอยู่บนหน้า
คณพศเองก็สังเกตเสียงหยอกเล่นของเด็กน้อย หันหลังไปมองด้วยความสงสัย เห็นคุณปู่กำลังอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งไว้
ทารกน้อยผิวใสขาวเนียน หน้าน้อยๆ แก้มแดงนั้นเต็มไปด้วยความซน เขากำลังเบิกตากว้างมองไปทางคณพศ ยังคงแทะกำปั้นน้อยอยู่ในปาก
นี่เป็น…ลูกของบ้านไหนกัน?
คณพศสงสัยในใจ ทำไมมีความรู้สึกว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดคุณปู่นั้นดูคุ้นหน้าคุ้นตามากหละ?
กษาปณ์อุ้มเด็กเดินมาหยุดตรงหน้าคณพศ วางเด็กลงระหว่างขาเขา “คณพศลูก ดูสิว่านี่เป็นใคร ฉันจะเอาเจ้าตัวเล็กนี่ไว้ให้แกดูแล แกต้องลุกขึ้นสู้ได้แล้ว ทางในอนาคตยังอีกยาวนาน แกจะอยู่ในสภาพทุเรศแบบนี้ตลอดไปหรือไง”
คณพศไม่เข้าใจว่าคุณปู่กำลังพูดอะไรอยู่ สมาธิของเขาล้วนโดนเด็กทารกในอ้อมกอดตัวเองดึงดูดไปหมด
เขาเอื้อมมือไปโอบเจ้าตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว เหม่อมองหน้าน้อยๆ อ้วนจ้ำม่ำของเขา
ทารกน้อยโดนมือทั้งสองข้างของคณพศโอบกอดเอาไว้ เบิกตากว้างสบตาคณพศ ไม่กลัวคนเลยสักนิด
“นี่เป็นลูกของใคร?” คณพศถามขึ้นด้วยเสียงเบา ไม่รู้ทำไมหัวใจตัวเองเริ่มพองโตขึ้นมา
กษาปณ์มองดูสีหน้าของคณพศ “นี่เป็นลูกแกไง คณพศลูก แกเป็นคนที่มีลูกแล้วนะ ห้ามดื้อรั้นอีกต่อไป ทั้งตระกูลปัญญาพนต์แกต้องแบกรับเอาไว้”
ภายในหัวคณพศดังวิ๊งค์ๆ ขึ้นทันที เขาเห็นกษาปณ์อ้าปากพูด แต่ไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
เมื่อกี้ปู่บอกว่า นี่เป็น…ลูกของเขา?!
แต่เขาไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่หละ?
จู่ๆ คณพศรู้สึกว่าตัวเองเริ่มปวดหัวขึ้นมา เขากัดฟันแน่นพยายามค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนนี้ในความทรงจำตัวเอง
แต่ เขาหาอะไรไม่เจอเลย!
ฝืนทนความปวดหัวเอาไว้ คณพศก้มหน้ามองเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเอง รู้สึกว่าเขาแลดูคุ้นหน้ามาก
โดยเฉพาะตาแวววาวคู่นั้น เหมือนโดนสะกดไว้ในตัวเขาแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ลืมไม่ลง
เด็กน้อยสบตากับคณพศสักพักแล้ว ยิ้มหวานออกมา เขาหยิบมือใหญ่ของคณพศเข้าปาก ปากที่ไม่มีฟันนั้นค่อยๆ แทะนิ้วคณพศ เหมือนเป็นจุกนมยังไงอย่างงั้น
สัมผัสนุ่มนิ่มนี้กระทบคณพศหัวใจอย่างแรง ความทรงจำทั้งหมดที่เขาตั้งใจเก็บเอาไว้ ราวกับน้ำทะเลถาโถมซัดเข้าหาเขา
เรื่องราวทั้งหมดในอดีต ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจทั้งหมด ถาโถมเข้าใส่คณพศอย่างรุนแรง
คณพศในวินาทีนี้ราวกับรถไฟเหาะที่ทะยานขึ้นฟ้า จู่ๆ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เขานึกขึ้นได้แล้ว นารา…
เขามองดูเบบี๋เลอค่าอย่างเหม่อลอย จู่ๆ ความเจ็บปวดจู่โจมเข้ามา นารา….ภรรยาของเขา!
เสียงเขาเริ่มจะแห้งหยาบ มือทั้งสองลูบไล้ทารกน้อยระหว่างขาตัวเองเบาๆ ด้วยความสั่นคลอนเล็กน้อย พึมพำขึ้น “นี่คือลูกชายของผม?”
เขาตายตั้งแต่คลอดออกมาแล้วไม่ใช่หรอ? เขาขาดออกซิเจนจากไปแล้วไม่ใช่หรอ? เขาทำให้แม่ตัวเองต้องโดดทะเลไม่ใช่หรอ?
กษาปณ์เข้าใจความรู้สึกคณพศ พูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด “ใช่แล้ว ตอนนั้นนาราตกเลือดมากเพราะคลอดก่อนกำหนด เด็กเอาไปเก็บไว้ในตู้อบแล้ว ปู่กลัวว่าพวกแกจะรับไม่ได้กับการที่ต้องสูญเสียลูก เลยตัดสินใจซ่อนเด็กเอาไว้ ตอนแรกว่าจะเลี้ยงให้โตหน่อยแล้วค่อยบอกพวกแก แต่ไม่คิดเลยว่านาราจะ….”
“พอแล้ว!” จู่ๆ คณพศหันหน้ามา ขัดคำพูดที่กษาปณ์กำลังจะพูดต่อขึ้นอย่างเยือกเย็น
เสียงเขาห่างเหินอย่างยิ่ง ราวกับกษาปณ์เป็นคนแปลกหน้าธรรมดาทั่วไป “ปู่ครับ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ปู่ตั้งใจซ่อนเด็กไว้แหละ เพื่อที่จะบีบเค้นให้นาราไป ผลที่ออกมาตอนนี้ปู่ชอบไหมครับ?”
เสียงเขาแฝงไปด้วยความเวทนาอย่างไม่มีสิ้นสุด ราวกับทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
จากการกล่าวหาของคณพศ กษาปณ์อ้าปากแต่ไม่รู้จะตอบอย่างไร ถอนหายใจยาวๆ ก้มหน้าไม่พูดอะไร
คณพศอุ้มเด็กขึ้นพร้อมน้ำตาในเบ้าตา มองไปที่นัยน์ตาอันถ่ายทอดมาจากนารา ที่เปล่งประกายฟ้าอ่อนๆ
เขาพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น “ปู่ครับ ถ้าปู่ต้องการทุกอย่างที่ว่ามา ผมจะทำให้ปู่สมหวัง หลังจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะรับผิดชอบนำพาตระกูลปัญญาพนต์สู่ความยิ่งใหญ่ แต่ปู่ได้โปรดกรุณาอย่ามายุ่งทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผมอีกต่อไป เพราะผมกลัวว่าผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จะพลั้งมือทำอะไรที่อกตัญญูลงไป!”
นี่คือคนที่ญาติที่เขารักมากที่สุดในโลก แต่กลับบีบเค้นให้คนรักของตัวเองต้องตาย เขาควรจะทำยังไงดี!
กษาปณ์ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองคณพศด้วยสายตาเหลือเชื่อ “คณพศ เพราะเรื่องนี้แกยอมต่อต้านปู่งั้นหรือ”
เขาคิดไว้แล้วว่าหลังคณพศรู้ความจริงจะโทษเขา แต่ก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้
โอบเด็กไว้ในอ้อมกอด แต่สีหน้าคณพศยังคงเย็นชาเหมือนเดิม “นี่คือสิ่งที่คุณปู่ต้องการไม่ใช่หรอครับ นาราไม่อยู่แล้ว ส่วนปู่ก็ให้ผมกลับไปบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ดั่งใจหวัง ผมตอบตกลงแล้ว ปู่จะเอาอะไรอีก”