The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 19 อยากให้ฉันจูบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 19 อยากให้ฉันจูบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนที่ 19 อยากให้ฉันจูบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ
นาราเข็นรถเข็นไปบนระเบียงกว้างของห้องหนังสือบนชั้นสอง ย่อลงตรงขาของชายหนุ่มและนวดช้าๆ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หันไปเอาค้อนเล็กๆ ที่ทำจากไม้มา
เธอทุบลงไปบนเส้นประสาทที่ขาของคณพศซ้ำแล้วซ้ำอีกท่าทางจริงจัง ชายหนุ่มดูเธอทำสิ่งต่างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
บางคราวมันดูเป็นมืออาชีพ เขาไม่คิดว่าตระกูลวรชัยลภัสจะเลี้ยงดูคุณหนูใหญ่ให้มีนิสัยแบบนี้ ช่วยฟื้นฟูให้เขา อ่านหนังสือจนจบเล่ม นอกจากนั้นยังศึกษาแบบแผนวิธีการฟื้นฟูให้เขาอีก
ถ้าเป็นลักษณะนี้ก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล มองดูมือเล็กขาวนวลจับขาของเขา ผมยาวก้าวขึ้นเป็นมวย ผมยาวจำนวนหนึ่งตกละใบหน้าเล็ก ลำคอระหงขาวราวหิมะ ซึ่งละเอียดอ่อนมากขึ้นท่ามกลางแสงแดด จ้องมองริมฝีปากสีชมพูของเธอ ฉับพลันก็คว้าจับข้อมือของเธอไว้
นาราชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองสายตาที่ร้อนแรงของชายหนุ่ม
เธอกำลังอยากจะลุกขึ้น ก็ถูกชายหนุ่มดึงเอาไว้จนเธอล้มลงในอ้อมแขนของเขา
นาราใจเต้นแรง ก่อนที่เธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของชายหนุ่มก็อยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่เซนติเมตร ลมหายใจอุ่นกระทบผิวหน้าของเธอ
เธอคบกับเคนโด้มาครึ่งปีไม่มีการใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน แค่จับมือกันเป็นบางครั้ง จูบที่หน้าผากของเธอ ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกตึงเครียดเหมือนตอนนี้
เธอรีบลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกสองมือของคณพศค่อยๆ กดเอาไว้ ขังเธอไว้ในอ้อมแขน “พักสักหน่อยดีไหม หืม”
“เอ่อ…ฉันจะไปนั่งบนเก้าอี้ค่ะ ขาของคุณ…ไม่ควรรับแรงกด” ให้เธอพักเธอก็จะพัก แต่ไม่สามารถนั่งพักบนตักของเขาได้ มันเหมือนอะไรสักอย่าง ถ้าคนรับใช้หรือลุงบีมมาเห็นจะทำอย่างไร
“ไม่เป็นไร นั่งตรงนี้แหละ” ชายหนุ่มสุ้มเสียงต่ำแหบพร่า ดวงตาเหมือนไฟไหม้แผดเผาล็อกแน่นที่ใบหน้าเล็กแดงก่ำของหญิงสาวในอ้อมแขน ในตอนนี้หัวใจของเขามีเป็นล้านข้อแม้ ข้อแม้ท้ายที่สุดแล้วก็คือ: ถ้าหากว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของวิษณุส์ก็คงจะดีมากๆ
“……” นาราไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนตักของเขาอยู่แบบนั้น เธอรู้สึกว่าใบหน้าของเธอเหมือนกำลังจะไหม้
ชายหนุ่มยังคงกอดเธออยู่แบบนั้นไม่ขยับ มองเธออย่างลึกซึ้ง มันเหมือนกับว่ากำลังจับสังเกตว่าตอนนี้เธอพยายามที่จะเสแสร้งแกล้งทำหรือเขินอายจริงๆ
และในเวลานั้นเองประตูห้องหนังสือก็ถูกเคาะ นารายังไม่ทันจะลุกขึ้นยืนประตูก็ถูกเปิดออกแล้ว
“คุณชาย คุณนายสาม อาหารพร้อมแล้วค่ะ……”
ที่เข้ามาคือป้าอ้าย ทันใดนั้นเธอก็เห็นคุณนายสามกำลังนั่งบนตักของคุณชายอยู่ตรงระเบียง ก็เพิ่งได้รู้ว่าไม่ควรเข้ามา
จึงรีบหันหลังกลับและปิดประตูลงทันที รอยยิ้มยับย่นบนใบหน้าสามารถคีบแมลงวันได้ “ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ ฉันไม่เห็นอะไรเลยค่ะ”
นารารีบผลักเขาออก คิดอยากจะยืนขึ้น ใบหน้าแดงก่ำลามลงไปถึงลำคอ “คุณ……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็ออกแรงอีกครั้ง กดเธอไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าก็ก้มลงเข้าใกล้สายตาเธอทันที
เขาอดไม่ได้ที่จะก้มต่ำลง หมายจะประกบริมฝีปากลงกับริมฝีปากสีชมพูของหญิงสาวทันที นาราเบี่ยงหลบเล็กน้อย ริมฝีปากบางของชายหนุ่มสัมผัสข้างแก้มของเธอ
เหมือนกระแสไฟวิ่งผ่าน นาราสมองระเบิด มันโล่งว่างเปล่า
เธอดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นทันที แต่ชายหนุ่มก็กดหนักเอาไว้
“อยู่เฉยๆ!” เสียงต่ำจนดูเหมือนจะออกมาจากลำคอ
“ป้าอ้าย…ให้พวกเราลงไปทานข้าวแล้วนะคะ” นาราใจเต้นจนเหมือนมันจะทะลุออกมานอกอก
ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือขึ้นช้าๆจับบีบคางแหลมของเธอแผ่วเบา บังคับศีรษะเล็กของเธอไปเข้ามาใกล้ และค่อยๆก้มศีรษะลงแล้วจะจูบริมฝีปากสีชมพูของเธอ
นารากลั้นหายใจ รู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตาสีฟ้าหลับลงด้วยความกลัว มือทั้งสองข้างกำแน่น เขาไม่ได้เกลียดเธอหรอกเหรอ ตอนนี้ทำไมถึงจูบเธอ ไม่ได้นะ! แต่เธอไม่กล้าขยับ กลัวว่าเขาจะโกรธอีก
ชายหนุ่มหยุดลงห่างจากเธอสองเซนติเมตร มองขนตาที่สั่นไหวของเธอ รอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กๆ เกิดขึ้นที่มุมปาก
ผู้หญิงคนนี้คิดอยากจะทรยศวิษณุส์จริงๆ เธอไม่มีการปฏิเสธใดๆเลย
“ทำไม อยากให้ฉันจูบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ” เขายิ้มเหมือนปีศาจและเสียงก็เยาะเย้ย
นาราลืมตาขึ้นทันที มองเห็นรอยยิ้มในดวงตาของเขา พร้อมกับสีหน้าที่รังเกียจ
เธอรู้สึกอับอายขึ้นมาฉับพลัน เธอหลับตาลง คิดว่าเขาจะ….. เธอแค่กลัวว่าเขาจะโกรธ หัวใจยังคงกลัวว่าเขาจะบีบคอเธอให้ตาย มันเป็นแค่ความหวาดกลัว
หัวใจของนาราเหมือนถูกม้าหมื่นตัวเหยียบย่ำ เธอกำลังจะพูดแต่เขาก็ผลักเธอออกไปทันที และจากนั้นก็เลื่อนรถเข็นออกไปจากห้องหนังสือ
นาราถูกผลักจนไปกระแทกเข้ากับโต๊ะ เข่าเจ็บจากการกระแทก เธอร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ในดวงตามีน้ำคลอหน่วย
เธอลุกขึ้นและเห็นเข่าของตัวเองบวม นึกถึงเรื่องน่าอายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ สองมือก็กำแน่นด้วยแรงอารมณ์
เธอไม่ได้ลงไปทานข้าว แต่เดินเข้าไปในห้องนอนเงียบๆ ปิดประตูและยืนพิงมัน พยายามที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้
เธอเคยใช้ความอดทนกับครอบครัวแบบนี้ เธอทรมานมาก คราวนี้เธอรู้สึกได้แล้วว่าเขาเกลียดเธอจริงๆด้วยการทำให้เธอขายหน้า
ไม่นาน ป้าอ้ายก็มาเคาะประตู นำอาหารเข้ามา “คุณนายสามคะ คุณไม่ได้ลงไปทานข้าว คุณชายบอกให้ฉันนำขึ้นมาให้คุณค่ะ ทานเถอะนะคะ เดี๋ยวตอนดึกจะหิว”
นาราไม่ได้เงยหน้า เขาจงใจทำให้เธอขายหน้า แล้วอะไรคือความหมายของการส่งอาหารขึ้นมาให้เธอ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย และก็ไม่ได้ทานเลยด้วย
หลังจากที่ป้าอ้ายออกไปแล้ว เธอก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ จากนั้นก็มานอนลงบนเตียง
เวลาสามทุ่ม ป้าอ้ายเข้ามาและเห็นว่าอาหารไม่พร่องลงเลย จึงถอนหายใจและนำอาหารออกไป เมื่ออยู่ตรงประตูก็ได้เห็นว่าคณพศออกมาจากลิฟต์
“คุณชายคะ คุณนายสามไม่ได้ทานอาหารเย็นเลยค่ะ” ป้ายอ้ายยืนอยู่ตรงปากบันได
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ริมฝีปากเป็นเส้นตรง “แล้วเธอล่ะ”
“หลับไปแล้วค่ะ”
ผู้ชายเลื่อนรถเข็นและผลักประตูเปิด “เอาไปอุ่นให้ร้อนแล้วเอาขึ้นมาใหม่”
“ค่ะ คุณชาย”
คณพศเลื่อนรถเข็นไปใกล้เตียงของหญิงสาว เห็นส่วนที่ยื่นออกมาจากผ้าห่ม ท่ามกลางแสงไฟ เขาเห็นผู้หญิงผมยาวเหมือนสาหร่ายบนหมอน ใบหน้าเล็กซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ลุกขึ้นมาทานข้าว” เสียงต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นในห้องนอนที่เงียบสงบ