The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 20 จะให้ฉันป้อนหรือเธอจะทานเอง
ตอนที่ 20 จะให้ฉันป้อนหรือเธอจะทานเอง
นาราไม่ได้หลับ หัวใจของเธอทนไม่ได้ ตัวเธอเต็มใจที่จะไปตามทาง ต่อให้ยากลำบากก็จะเดินต่อไป แต่วันนี้ทัศนคติของเขามันทำร้ายเธอจริงๆ
“ทำไม วันนี้ไม่ได้จูบเธอ เธอยังอยู่ในอารมณ์นั้นอยู่หรือไง ถึงไม่ยอมกินอะไรเลยน่ะ” ชายหนุ่มหน้าดำมองดูเส้นผมสีดำนอกผ้าห่ม
เมื่อนาราได้ยินคำพูดของเขาก็ทนไม่ไหว กระชากผ้าห่มออก ลุกขึ้นนั่งและจ้องมองเขาอย่างดุเดือด “คุณคณพศ ฉันก็เป็นคน คุณช่วยเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หน่อยได้ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อดูแลคุณ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้คุณทำให้ขายหน้า ใครเขาสนใจจูบของคุณกัน!”
น้ำตาเธอคลอหน่วย เธอมาอยู่ที่นี่ยี่สิบวันแล้ว เป็นครั้งแรกที่พูดเสียงดังใส่คณพศเช่นนี้
ชายหนุ่มมองไปยังหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงและตะโกนใส่เขา เขาหัวเราะแทนที่จะโกรธ “ศักดิ์ศรีงั้นเหรอ ทำไม ที่ฉันไม่จูบเธอมันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของเธอหรือไง ไม่สนใจแล้วทำไมไม่ทานข้าวล่ะ หืม”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็คว้าบุหรี่และไฟแช็กออกมาจากกระเป๋า นั่งอยู่บนรถเข็นและทำการจุดไฟ ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าอยู่ในห้องนอนของเธอ
“ฉันไม่หิวไม่ได้หรือไงคะ แล้วก็อีกอย่าง คุณปัญญาพนต์ การสูบบุหรี่เป็นผลเสียต่อขาของคุณ กรุณาสูบบุหรี่ให้น้อยลงหน่อย!”
คณพศมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างพิจารณา “เธอเป็นห่วงฉันหรือไง”
ป้ายอ้ายผลักประตูเปิด นำอาหารร้อนๆ มาให้ “คุณนายสามคะ ทานสักหน่อยนะคะ ฉันเอาไปอุ่นมาให้ใหม่แล้วค่ะ”
นาราก้มหน้า “ฉันไม่หิวค่ะป้าอ้าย คุณเอาออกไปเถอะ”
“เอ่อ……”
“วางลง” ชายหนุ่มพูด
“ค่ะ” ป้าอ้ายวางถาดอาหารลงแล้วเดินออกไป
นาราก้มลงมองผ้าห่มบนเตียง ที่ปลายสายตาเห็นว่าจู่ๆ ชายหนุ่มก็เลื่อนรถเข็น ถืออาหารเลื่อนมาข้างเตียงของเธอ
“ทานซะ”
“……” นารามองเขาอย่างโกรธเคือง “คุณวางลงฉันจะทานเอง”
ชายหนุ่มยื่นอาหารไปตรงหน้าหญิงสาว ไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าเต็มใจจะถืออาหารให้
“จะทานเอง หรือจะให้ฉันป้อน หืม”
“……” นารารีบเอาอาหารมา ทานท่ามกลางสายตาที่กำลังโกรธของชายหนุ่ม
คณพศมองหญิงสาวที่ทานไปได้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนรถเข็นออกจากห้องนอน เข้าไปในห้องนอนของเขาและปิดประตู
เขาลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจก เกิดอะไรขึ้นกับเขาในวันนี้ ถึงได้อดทนกับผู้หญิงคนนั้นมากมายขนาดนี้
ทั้งที่รู้อยู่ชัดๆว่าเธอเป็นผู้หญิงของวิษณุส์ เขาเป็นพวกชอบความสะอาด คาดไม่ถึงว่าเขาจะกอดเธอและเกือบจะจูบเธอ ถึงแม้ว่าเขาตั้งใจจะทำให้เธอขายหน้า แต่ตอนนั้นเขาอยากจูบจริงๆ
เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม
น้ำในห้องน้ำกำลังไหล ชายหนุ่มเดินไปที่ฝักบัว น้ำอุ่นไหลรินตั้งแต่หัวจดเท้า
ทางด้านนาราที่ทานข้าวเสร็จแล้วก็นำชามไปล้างในห้องครัว เธออยากไปดูว่าผู้ชายคนนั้นหลับไปแล้วหรือยัง อยากไปนวดขาให้เขา
เธออ่านมาว่าการนวดก่อนนอนเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการฟื้นฟู เธอกำลังจะเปิดประตูห้องนอนของเขา แต่คิดได้ว่าการเข้าไปในตอนดึกเช่นนี้มันไม่ดี เธอชักมือออก และกลับไปที่ห้องแล้วนอนลงบนเตียง
เธอเปิดโทรศัพท์มือถือที่เธอไม่ได้เปิดมานานกว่ายี่สิบวัน หลายร้อยข้อความเด้งเข้ามา
ส่วนใหญ่เป็นของเคนโด้กับผิงผิงและไลลา ยังมีพิมมี่ที่โทรมา
หึหึ มันไม่ดีเหรอที่ในที่สุดเธอก็หายไปจากชีวิตของพวกเขา ยังจะโทรมาหาเธออีกทำไม
เห็นเกือบเจ็ดสิบสายที่ไม่ได้รับจากเคนโด้ หัวใจของเธอมีช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด
หลายปีที่ผ่าน เคนโด้เป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นกับเธอ เธอไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา เขาเป็นเหมือนพี่ชาย เหมือนเพื่อนสนิท มักจะปรากฏตัวอยู่ในชีวิตของเธอเสมอ
เธอกำลังจะจบการศึกษา และก็สัญญาว่าจะอยู่กับเขา แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีค่าอะไรกับพ่อของเธอ และแล้วก็ต้องทิ้งเขาไป
เธอเปิดเวยป๋อขึ้นเงียบๆ เห็นรูปถ่ายของเคนโด้ที่หน้าตาเศร้าสลด พลันหัวใจก็ยิ่งเศร้ามากขึ้น
เวยป๋อของเขาไม่ซับซ้อน เป็นภาพถ่ายและรูปประโยคว่า: นารา ผมเชื่อคุณ รอผมนะ!
นาราเกือบจะร้องไห้ เขาเชื่อเธอ ยังต้องการให้เธอรอเขาด้วย เธอปิดโทรศัพท์ลงเงียบๆ กลิ้งไปมาบนเตียงและนอนไม่หลับ แต่ในที่สุดก็หลับไปในตอนกลางดึก
วันรุ่งขึ้นเธอถูกปลุกโดยป้าอ้าย “คุณนายสามคะ คุณชายให้คุณไปช่วยเขาฟื้นฟูค่ะ”
เธอลุกขึ้นทันที “ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
นาราล้างหน้าแล้วจึงเดินออกไปยังห้องหนังสือของคณพศ นั่งขี้เกียจอยู่บนรถเข็น เขาถือเอกสารในมือข้างหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นสัญญาอะไรสักอย่าง
มืออีกข้างหนึ่งถือมือถือคุยกับใครสักคนอยู่ นาราเดินเข้าไป เธอชงชาขาวให้เขา จุดน้ำมันหอมระเหย
เห็นเขาคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปเข็นรถเข็น “วันนี้ฉันจะใช้วิธีฟื้นฟูอีกแบบหนึ่งให้กับคุณค่ะ วันนี้คุณมีเรื่องอะไรไหมคะ”
“มี” ชายหนุ่มไม่ได้มองเธอ เขาเลื่อนรถเข็นด้วยตัวเองเพื่อไปหยิบปากกาบนโต๊ะ ลงมือเซ็นชื่อและหันกลับไปหาหญิงสาว
“วิธีฟื้นฟูอีกแบบหนึ่งคืออะไร” เขาวางมือบนรถเข็น ใบหน้าหล่อสีหน้าอ่อนลงรอคำตอบของเธอ
นาราหันไปหยิบผ้าห่มจากตู้เสื้อผ้าแล้วตรงไปยังระเบียงใหญ่
ห้องหนังสือบนชั้นสองมีระเบียงที่ใหญ่มาก เทียบเท่าขนาดของหนึ่งห้องใหญ่
หลังจากที่เธอปูผ้าห่มแล้วก็เข็นรถเข็นของคณพศเข้ามา “มาค่ะ ฉันจะช่วยคุณนอนลง”
“……..” คณพศทำได้แค่ทำตาม เขาอยากจะเห็นการกระทำของผู้หญิงคนนี้ เขาจะทดสอบความอดทนของเธอต่อไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขามีความอดทนมากกว่าเธอ เขาถึงขั้นเต็มใจที่จะเข้ากันได้ดีกับเธอ แต่เมื่อหัวใจคิดได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของวิษณุส์ก็พลันเกิดการปฏิเสธ
เมื่อคณพศนอนอยู่บนผ้าห่มตรงระเบียงแล้ว นาราก็ไปเอาค้อนไม้เล็กออกมาจากตู้
จากนั้นก็ถอดถุงเท้าให้เขา
“……..” คณพศเฝ้ามองสิ่งที่เธอทำไปก็รู้สึกเหมือนเป็นปลาบนเขียงที่กำลังจะถูกคนฆ่าไป
นาราเริ่มใช้ค้อนไม้ตีที่ขาของเขาไปเรื่อยๆ เมื่อมันมาถึงเส้นลมปราณ มันก็กระตุก
คณพศอดกลั้นไม่ส่งเสียง ในที่สุดเธอก็นั่งลงที่เท้าของเขา เคาะเท้าของเขาด้วยค้อนไม้
“แบบนี้มีความรู้สึกไหมคะ” ดวงตาสีฟ้าของเธอมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม
คณพศพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ไม่มี”
นาราวางค้อนลง จับเท้าเขาด้วยมือทั้งสองข้าง นิ้วหัวแม่มือกดตรงฝ่าของเท้า
คณพศรู้สึกเหมือนขนนกปัดผ่านฝ่าเท้า เขาตกใจ มันจั๊กจี้มาก เงยหน้าขึ้นมองเห็นหญิงสาวมองตรงมาที่เขา
เขาพยายามอดกลั้น แต่ความรู้สึกตรงฝ่าเท้ากำลังชา มันทำให้เขาเหงื่อออกมาก
นารายังคงนวดฝ่าเท้าให้เขาต่อไป บางครั้งเธอขมวดคิ้ว บางครั้งมองไปที่ชายหนุ่มที่ดูเงียบๆ “แปลกจัง ฝ่าเท้าคุณร้อน และยังมีแรงยืดหยุ่นด้วย แล้วก็ไม่เห็นว่ากล้ามเนื้อฝ่อ แต่ทำไมมันถึงไม่มีความรู้สึกล่ะ”
“……..” คณพสรู้สึกเหมือนมีหนอนหลายสิบล้านตัวคลานอยู่ที่ฝ่าเท้าของเขา ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงสลับขาว เขาคิดอยากจะเตะออกเสียจริง แต่ก็ทำไม่ได้
นารากดมันไปสักพัก ก็รู้สึกว่าเท้าของคณพศเริ่มร้อนขึ้น เธอยิ้มแล้วยิ้มอีก “ดูเหมือนจะร้อนขึ้นแล้ว คุณมีความรู้สึกไหมคะ”
“ไม่มี พอแล้ว ช่วยพยุงฉันขึ้น” ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ เขารู้สึกไม่ดีเหรอ
“ไม่ได้นะคะ ยังไม่ได้กดที่ขาเลย” เธอลุกขึ้นยืนพร้อมด้วยค้อนเล็ก ทำการเคาะที่ขาของคณพศให้หนักขึ้นอีกเล็กน้อย
เคาะเบาๆ เร็วๆ ตรงเส้นเอ็นอยู่หลายครั้ง จนชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วเพื่อระงับความเจ็บปวดที่ดั่งเป็นกรรมสนองตน นาราทำอยู่นานกว่าจะพยุงเขาลุกขึ้น
ชายหนุ่มนั่งบนรถเข็น มองดูหญิงสาวช่วยใส่ถุงเท้าและรองเท้าให้ เธอใกล้ชิดเขา กลิ่นกายหอมจางๆ ลอยเข้าสู่จมูกของชายหนุ่ม คณพศรู้สึกร้อนและคอแห้ง
นาราลุกขึ้นยืนมองเขา จ้องมองไปที่ดวงตาสีเข้มลึกลับของชายหนุ่ม หัวใจก็พลันเต้นแรง นึกไปถึงเมื่อวานตอนที่นั่งอยู่บนตักของเขาก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
ในอีกไม่กี่วันต่อมาพวกเขาก็เข้ากันได้ดี เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสงสัย คณพศให้นารามาฟื้นฟูให้ทุกวัน ทั้งสองคนเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว
คณพศก็ไม่ได้มีความโกรธไม่พอใจอีกแล้ว ไม่กี่วันต่อมาในตอนเย็น คณพศได้รับโทรศัพท์จากยชญ์ บอกว่าเขากำลังเดินทางมาที่เกาะฟ้า เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา
หลังจากนั้นไม่นานรถลัมโบร์กินีรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นสีขาวก็มาจอดบนชายหาด ประตูเปิดออก ยชญ์รีบเดินมุ่งหน้าไปยังวิลล่า
คณพศอยู่ตรงหน้าประตูเห็นเขาเดินเข้ามา “มีอะไรเหรอ”
ยชญ์ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ เปิดปากพูดว่า “ผู้หญิงคนใหม่ของนายน่ะ เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย”
เมื่อคณพศได้ยินคำพูดของเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา เขาถ่อมาที่นี่เพื่อพบภรรยาของเขางั้นเหรอ
ต่อให้เขาจะไม่ชอบก็ตาม แต่ระหว่างพี่น้องก็ไม่สามารถเล่นตลกในเรื่องแบบนี้ได้ ยชญ์ถูกสีหน้าเย็นชาของเขากระทำให้สั่นไหว
เขาก้าวถอยหลังพลางรีบโบกมือปฏิเสธรวดเร็ว “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างอื่น ฉันแค่อยากให้แน่ใจว่า…เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นจะสามารถคู่ควรกับนายหรือเปล่าแค่นั้นเอง”
คณพศไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เลื่อนรถเข็นไปที่โซฟา ใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวขึ้นนั่งบนโซฟา “ให้คุณนายน้อยลงมารินชา”
คณพศรู้สึกว่ายชญ์ไม่ได้แค่ต้องการที่จะเห็นนาราเฉยๆ เขาสั่งให้คนรับใช้ขึ้นไปข้างบนเรียกนาราลงมา
หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ค่อยๆ เดินลงบันไดมา ยกดวงตาเงยหน้าขึ้นมองไป นาราอยู่ในชุดสีฟ้า บนเท้าสวมรองเท้าสีขาว
เธอไม่ได้แต่งหน้า ผมถูกมัดไว้ด้านหลัง เดินลงบันไดมาเบาๆ เห็นยชญ์ก็พยักหน้าให้ “คุณคณพศ มีแขกมาเหรอคะ สวัสดีค่ะ”
ยชญ์มองเธอตั้งแต่ที่เดินลงมาจนกระทั่งไปอยู่ข้างๆคณพศ มองเธอโดยไม่กะพริบตา และทันใดนั้นเขาก็ตกใจ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใส บริสุทธิ์และไร้ที่ติ สะอาดหมดจดน่าหลงใหล
เธอยิ้มมองขณะที่ยืนอยู่ข้างคณพศและเอ่ยทักทายเขา ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึงไป
คณพศมองยชญ์ที่ท่าทางไร้สติไปแล้วใบหน้าก็มืดครึ้มลงทันที ผู้ชายคนนี้กล้าดียังไงถึงได้มองแบบนั้นเป็นเวลานานขนาดนี้
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้หญิงของวิษณุส์ แต่ตอนนี้เป็นภรรยาของเขา เขามีความรู้สึกว่าของของเขากำลังถูกคนอื่นลอบมอง
“อะแฮ่ม! เธอไปทำกาแฟมาสองถ้วย” เขาพูดกับนารา
“ได้ค่ะ” นาราหันไปและเดินเข้าไปในครัว ส่วนยชญ์ก็เพิ่งได้สติ “คณพศ พระเจ้า ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมช่วงนี้นายถึงไม่มาปาร์ตี้กับพวกฉันเลย เอาแต่ขลุกอยู่กับคนน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้นี่เอง แล้วนายยังจะมีเวลาไปดื่มกับพวกฉันได้อีกเหรอ”
ยชญ์กระซิบข้างหูคณพศ คณพสหันมาส่งสายตาเย็นชาให้เขาอีกครั้ง “ทำไม นายคิดว่าเธอสวยมากเลยเหรอ”
“บอกตามตรง เธอดูเป็นผู้หญิงที่สะอาดหมดจดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา” ตอนที่เขาพูดแบบนั้นดูครุ่นคิด
คณพศจ้องมองเขา แล้วมองไปที่ร่างในครัวที่เดือนนี้เข้ากันได้ดี ยกเว้นเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงของวิษณุส์ ความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อเธอก็บอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง
แค่รู้สึกว่าเธอไม่ได้มาทำร้ายเขา ทุกครั้งเธอจะมองเขาด้วยสายตาที่บริสุทธิ์
เขาไม่สามารถออกไปจากอารมณ์นี้ได้ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาไม่ได้เกลียดผู้หญิงคนนี้เลย เธอเป็นผู้หญิงของวิษณุส์ไม่ผิด แต่เขากลับไม่สามารถเกลียดเธอได้ลงแม้แต่น้อย
ทุกวันดูเธอแสดงละคร ให้เธอฟื้นฟูขาทั้งสองข้างของเขา
นารานำกาแฟมาให้เสร็จก็ออกไปจากห้องนั่งเล่น
หลังจากยชญ์ถอนสายตาก็หันมามองเขา “คณพศ ฉันมีบางอย่างจะบอกนาย แต่นายอย่าหุนหันพลันแล่นนะ หลังจากที่ฉันเห็นผู้หญิงที่อยู่กับนายตอนนี้แล้ว ฉันรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับนาย”
“เรื่องอะไร” คณพสขมวดคิ้วหนัก สีหน้ากำลังอดทน
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พิมมี่คุณหนูใหญ่ตระกูลวรชัยลภัส!” เสียงของเขากดต่ำ ดวงตาลึกมองไปที่คณพศ
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วเป็นใคร”
เขาแก้แค้นคณพศ จงใจให้คุณปู่บังคับให้แต่งงานกับเขา เขาแย่งผู้หญิงที่วิษณุส์รักมากที่สุดมาเพราะต้องการที่จะให้เขาระเบิดตาย
แล้วเธอจะไม่ใช่พิมมี่ได้ยังไง
“เมื่อวานฉันกับเด่นภูมิไปเจอวิษณุส์อยู่ที่บาร์ เขาพาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย และเขาเรียกเธอว่าพิมมี่ ทั้งสองคนสวีตกันมาก ผู้หญิงคนนั้นฉันเคยเจอมาก่อนครั้งหนึ่ง เธอคือพิมมี่คุณหนูใหญ่ตระกูลวรชัยลภัสแน่ๆ!”
เมื่อยชญ์พูดจบก็เห็นคณพศหันกลับมาทันที และจ้องเขาไม่วางตา “ที่นายพูดเป็นความจริงเหรอ”
ในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้รู้จักพิมมี่ หลายปีมานี้ ถึงแม้ว่าตระกูลปัญญาพนต์กับตระกูลวรชัยลภัสจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งและสองในเมืองธิตกล แต่พิมมี่ก็ไม่ได้ปรากฏในที่สาธารณะมากนัก
นอกจากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เรื่องการแต่งงาน ซึ่งมันก็ไม่ได้มีรูปภาพของทั้งสองคน
และในเวลานั้นคณพศอยู่ในอารมณ์คับแค้น ไม่ต้องการถ่ายรูปแต่งงาน แล้วก็ยังไม่ได้ดูทะเบียนสมรสด้วย ดังนั้นการแต่งงานของคนทั้งสองจึงถูกจัดการโดยคุณปู่และตระกูลวรชัยลภัส
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทะเบียนสมรสของพวกเขายังอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลปัญญาพนต์ มันเป็นใบทะเบียนสมรสที่ใส่รูปถ่ายของพวกเขาไว้ด้วยกันเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อนารามาถึงเกาะ เขารู้แค่ว่าเป็นพิมมี่ ผู้หญิงที่วิษณุส์รักมาหลายปี
“นายไปปู่ชิงกับฉันตอนนี้เลย” เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและพยุงคณพศขึ้นบนรถเข็นและเข็นออกจากวิลล่าไป
ทั้งสองคนขึ้นไปบนรถ ชายหาดที่เงียบสงบมีไอเสียรถยนต์
รถออกจากเกาะเหมือนสายลม ตรงไปยังคลับปู่ชิงเมืองธิตกล
สถานบันเทิงยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ทันค่ำในห้องโถงก็มีคนเริ่มมาเต้นรูดเสาคณพศลงจากรถ สวมแว่นตาดำ ตรงไปที่ชั้นบนสุด
ยชญ์สั่งให้เด่นภูมิตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเมื่อวานนี้ทันที
ผ่านไปไม่กี่นาทีเด่นภูมิก็เดินเข้ามา “บ้าเอ๊ย คณพศมีภรรยาแล้วลืมพี่น้องเลยนะ มันนานแค่ไหนแล้วเนี่ยนายเพิ่งจะมา อย่าลืมว่าที่นี่เป็นธุรกิจของนาย ต้องทำงานให้นายทุกวันฉันก็เบื่อเป็นนะ”
“เลิกไร้สาระ พูดมาเร็ว!” น้ำเสียงของคณพสกดต่ำเผยอันตราย
เด่นภูมิมองยชญ์แล้วหันกลับไปเปิดVCD ภาพในกล้องนั้นชัดมาก วิษณุส์กำลังยิ้มให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองคนมีความสุขจนสามารถเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ
ถึงแม้ว่าวิษณุส์จะเลวทรามต่ำช้า แต่ความรักที่เขามีต่อพิมมี่นั้นจริงใจ ไม่อย่างนั้นคณพศคงจะไม่เสียสละชีวิตการแต่งงานของตัวเองเพื่อต่อสู้กับเขาในการแย่งพิมมี่มา
“คณพศ นายเห็นแล้วใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นคือพิมมี่คุณหนูใหญ่ตระกูลวรชัยลภัสจริงๆ อันที่จริงฉันอยากจะบอกว่าผู้หญิงคนนี้สวยไม่เท่าครึ่งหนึ่งของผู้หญิงในวิลล่าของนายเลย”
“ไม่รู้ว่าผู้หญิงในวิลล่าของนายเป็นใครนะ และไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการของวิษณุส์หรือเป็นความจงใจของตระกูลวรชัยลภัสที่เปลี่ยนแมวเป็นองค์ชาย แต่คณพศ ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้หญิงในวิลล่าของนายไม่ใช่ผู้หญิงของวิษณุส์!”