The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 21 คณพศช่วยฉัน
ตอนที่ 21 คณพศช่วยฉัน
ยชญ์พูดอะไร คณพศไม่ได้สนใจฟัง สายตาของเขาจ้องมองสองคนที่อยู่ด้วยกันในคลิปวิดีโอ สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ทันใดนั้นวิษณุส์ที่อยู่ในนั้นก็ขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เสียงดังว่า “พิมมี่ไม่รู้ว่าไอ้พิการนั่นเวลากอดกับไอ้ของปลอมนั่นมันรู้สึกยังไง ยังดีนะที่เธอไม่ได้แต่งงานกับเขา หากเธอแต่งงานกับเขา ฉันคงฆ่าเขาแน่”
คณพศกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น นัยน์ตาของเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาลุกขึ้นปิดวิดีโอแล้วเดินออกไป
ยชญ์และเด่นภูมิเดินตามออกไป “คณพศคุณใจเย็นก่อน ผมรู้คุณทนไม่ได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องรู้ว่าใครตั้งใจเปลี่ยนให้ของปลอมเป็นของจริง”
ในตัวคณพศเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เดินตรงไปที่ลิฟต์ทันที เรื่องหลอกลวงและหยามศักดิ์ศรีแบบนี้ พวกเขากลับทำมันกับเขาคณพศ พวกเขาช่างดีนัก
ยชญ์และเด่นภูมิรู้สึกว่ากำลังจะเผชิญกับการฆ่าฟันกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
เวลาเที่ยงคืนกว่า ทันใดนั้นฝนก็ตกหนัก เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง บนเกาะมีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วราวกับสายลมมาจอดที่บ้าน เปิดประตูรถ ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตอยากเอาชีวิตราวกับยมทูตที่มาจากนรก
เขาผลักประตูใหญ่เปิดออกแล้วเดินเข้าไป เขาเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้น ผลักประตูห้องนอนของนารา
เสียงฟ้าฝนข้างนอกดังเกินจนกลบเสียงเปิดประตูของเขา แสงฟ้าแลบทำให้คณพศเห็นร่างน้อยที่นอนอยู่บนเตียง
ใครเป็นคงบงการให้ผู้หญิงคนนี้มาหลอกเขากันแน่ กล้าดีนี่ ที่ปลอมเป็นพิมมี่แล้วมาแต่งงานกับเขา
หล่อนช่างกล้าดี
เขายืนอยู่ตรงหน้าเตียงของหล่อน มองหล่อนที่กำลังหลับใหลด้วยสายตาที่โกรธมาก เขาอยากจะฆ่าให้หล่อนตายไปเสีย ที่บังอาจมาหลอกเขา
ส่วนสาวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงกำลังฝันร้าย
ในสถานสงเคราะห์ที่อบอุ่นและเงียบสงบ เด็กๆกำลังร้องเพลงและเล่นเกม
“ปัง ปัง” ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น “อ้า!” เด็กๆในห้องต่างพากันร้องตกใจ
คนสวมชุดดำกลุ่มหนึ่งถือปืนเดินเข้ามา พวกเขาเล็งปลายกระบอกปืนมาที่เด็กๆทุกคน “พูดมา มีใครเห็นเด็กผู้ชายอายุสิบห้าปีไหม”
เด็กๆส่ายหัวด้วยความตกใจกลัว
“พูดมา พูดแล้วจะได้กินลูกอม ไม่พูด…..” คนชุดดำทำท่าเหมือนจะยิง
น้ากุหลาบหน้าขาวซีด หล่อนมองคนชุดดำด้วยสายตาที่หวาดกลัว
แต่ก็ยังเดินออกไปข้างหน้า ยืนต่อหน้าพวกเขาด้วยความสั่นแล้วพูดว่า “พวกเราไม่เห็น ขออย่าได้ทำร้ายเด็กๆเลย”
“ปัง” เสียงปืนดังขึ้น น้ากุหลาบถูกยิงที่อก
เด็กๆทุกคนร้องเรียก “น้ากุหลาบ”
นาราที่อายุห้าขวบเบิกตากว้างมองดูน้ากุหลาบค่อยๆล้มลงมา
เธอวิ่งเข้าไป “น้ากุหลาบตื่นสิคะ” เด็กทุกคนมองดูน้ากุหลาบที่ตาค่อยๆหลับลง
แล้วร้องไห้ตาม
นาราหันกลับมา เธอมองไปที่สไลด์เดอร์ข้างล่างมีเท้าข้างหนึ่งที่ยื่นออกมา
เท้าข้างนั้นสั่นอยู่ ….. เด็กผู้ชายอายุสิบห้าปีหรอ
หล่นเงยหน้าขึ้น ตาสีฟ้าครามจ้องมองไปที่คนชุดดำ ทันใดนั้นหล่อนก็เม้นปาก
“หนูรู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน” หล่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดัง
หางตาของหล่อนมองเห็นเท้าที่ยื่นออกมานอกสไลด์เดอร์สั่นแรงขึ้น
“อยู่ไหน” คนชุดดำก้มลงมองมาที่หล่อน หล่อนกัดฟันแน่น “มากับหนู หนูจะบอกพวกคุณเอง”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป คนชุดดำกลุ่มนั้นก็เดินตามออกจากห้องไป
“กล้ามาหลอกพวกเรา ตายซะ” คนชุดดำเอาปืนจ่อมาที่นารา
หล่อนเผชิญหน้ากับกระบอกปืนราวกับไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
หล่อนจ้องมองดูคนชุดดำเดินออกไปจากสถานสงเคราะห์ หากสามารถช่วยให้น้ากุหลาบช่วยเด็กผู้ชายอายุสิบห้าปีคนนั้นได้ สามารถช่วยเด็กๆทุกคนที่สถานสงเคราะห์ได้ หล่อนตายคนเดียว จะไปมีอะไรน่ากลัว…..
แต่ ทันใดนั้นในฝัน มีเด็กผู้ชายอายุสิบกว่าปีมองดูหล่อน ก้มตัวลงมาลูบหน้าของนาราเบาๆ
ลูบไปที่หัวของนาราแล้วพูดว่า “นารา จำไว้ฉันคือพี่เครี่โล่ เธอช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ชาตินี้ฉันจะแต่งงานกับเธอ”
นาราเบิกตากว้างจ้องมองพี่ชายที่หล่อเหลาคนนี้ “พี่เครี่โล่หรอ อะไรคือแต่งงานกับหนู”
“….ก็คือเธอเป็นภรรยาของฉัน” เครี่โล่อุ้มเธอขึ้นมา แล้วจูบไปที่หน้าผากของเธอ
นารามองดูเขาเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
เขาหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “นาราจำไว้เธอคือภรรยาของฉัน นี่คือของที่ฉันมอบไว้ให้เธอ อีกสิบห้าปีฉันจะกลับมาขอเธอแต่งงาน”
นารารับหยกมาแล้วจ้องมองดูเขา
ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ทำให้แสงฟ้าแลบส่องสว่างไปทั่วบ้าน เสียงฟ้าร้องดังกังวาน
นาราที่กำลังหลับฝันอยู่นั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมา ที่แท้ก็ฝันอีกแล้ว
ฝันนี้หล่อนฝันซ้ำวนไปมาเป็นเวลาสิบห้าปีแล้ว ตั้งแต่หล่อนอายุหกขวบก็ฝันแบบนี้มาตลอด
หล่อนเองก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นแค่ความฝันหรือคือเรื่องจริงที่เคยประสบพบเจอมา
หล่อนค่อยๆเอาผ้าห่มออก สายฟ้าแลบแสงส่องมาทางหน้าต่าง
และเพราะแสงจากสายฟ้าแลบทำให้นาราเห็นว่ามีคนยืนอยู่หน้าหน้าต่าง
เดิมทีร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงจากการสะดุ้งตื่นจากฝันแล้ว หล่อนยังต้องมาคิดว่ายังอยู่ในฝันอีกทำให้
ตกใจตื่นเต้นไม่น้อย
เวลาที่แสงจากสายฟ้าแลบส่องเข้ามาในห้องอีกครั้ง หล่อนมองเห็นได้ชัดว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
คือผู้ชายคนหนึ่งที่สวมหน้ากากเอาไว้
เขามีรูปร่างสูงโปร่ง และภายใต้แสงจากสายฟ้าแลบทำให้เห็นถึงความน่ากลัวของเขาผ่านใบหน้าของเขา
“ว้าย!” หล่อนร้องขึ้นด้วยความตกใจกลัว
แต่เสียงของหล่อนถูกเสียงฝนข้างนอกดังกลบไปหมดแล้ว จนไม่มีคนได้ยิน
หล่อนกำลังจะลุกขึ้นมานั่ง ฟ้าก็แลบมาอีกทำให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้กำลังเดินเข้ามาทางเตียงของหล่อน
รูปร่างสูงโปร่งราวกับกำแพง บังจนหล่อนไม่เห็นอะไรเลย พอฟ้าแลบอีกครั้งก็เห็นว่าเขาเดินมาถึงหน้าเตียงของหล่อนแล้ว
แสงฟ้าแลบข้างนอกส่องเข้ามาในห้องครั้งแล้วครั้งเล่า
หล่อนตกใจกลัวมองดูเขาที่กำลังหยิบผ้าห่มของหล่อนแล้วโยนไปข้างๆเตียง
“คุณเป็นใครออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
ในความมืดหล่อนเห็นเขาค่อยๆปลอดกระดุมเสื้อทีละเม็ด แล้วตามด้วยเข็มขัด
นาราร้องออกมาก็เหมือนกับว่าจะไม่มีใครได้ยินเลยเพราะเสียงของนาราถูกเสียงฟ้าฝนข้างนอกกลบไปหมดแล้ว
หล่อนค่อยๆขยับไปทางปลายเตียง ขณะที่หล่อนเตรียมจะโดดลงจากเตียงแล้วหนีนั้น ก็ถูกมือใหญ่มาดึงเอาไว้ ทำให้นางเสียหลักและถลาเข้ามาในอ้อมอกอันแข็งแรง
หล่อนผลักตัวเขาออก และร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “คุณเป็นใคร ออกไป ช่วยด้วย”
นาราตกใจกลัว มือสั่น มองดูชายชุดดำนี้ด้วยความกลัวราวกับว่าเขาเป็นปีศาจ
ผู้ชายคนนั้นเหมือนเขาจะโชคดี เขาพลิกมือมาจับที่ข้อเท้าของหล่อนแล้วลากมาเบาๆ
อยากเป็นเจ้าสาวแทนไม่ใช่หรอ งั้นก็เอาตามที่หวังไว้เลย ใจของคณพศในตอนนี้ราวกับเป็นปีศาจ
เต็มไปด้วยความโกรธโมโห