The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 24 มานั่ง
ตอนที่ 24 มานั่ง
เขาก้มลงมองดูหล่อนที่ยังชะงักงงอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มหัวเราะขึ้นมา “ไม่เคยจูบหรอ ยังจะงงอะไรอยู่อีก”
“คุณ…..” นาราหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ผู้ชายคนนี้ทำไมดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลย หล่อนถูกเขาจูบเขายังทำเป็นไม่รู้อีก
“คุณคณพศเมื่อก่อนคุณบอกว่ารังเกียจที่ฉันสกปรกไม่ใช่หรอ ยังบอกให้ฉันไปอยู่ห่างๆคุณอีก ทำไมมาจูบฉัน” ยังไงวันนี้เขาก็อารมณ์ดี แล้วยังจะมาจูบหล่อนอีก เอาเรื่องเก่ามาพูดคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เขามองดูหล่อน รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ ในตอนนั้นเขาคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงของวิษณุส์ เขาเลยพูดว่าเธอมันสกปรก แต่พอนึกถึงที่หล่อนร่วมมือกับคนอื่นโกหกเขา เขายังไม่ได้เอาคืนหล่อนเลย
สีหน้าเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมา นารากำลังจะพูดเสียงโทรศัพท์ของคณพศก็ดังขึ้น หล่อนฉวยโอกาสรีบลุกออกมาจากอ้อมกอดของเขา
คณพศหมุนรถเข็นไปรับโทรศัพท์แล้วออกจากห้องหนังสือไป
หล่อนเดินไปถึงระเบียงในใจของหล่อนยังคงเต้น ผู้ชายคนนี้ร้ายจริงๆ แต่ผู้ชายในคืนนั้นคือใครกันนะ หรือจะเป็นเขา
ถึงแม้ว่าจะมองเห็นไม่ชัดหน้าตาของเขา แต่ลมหายใจของเขามันคุ้นมาก หรือว่าจะเป็นคุณคณพศ
จริงๆ
หล่อนพูดได้เลยว่าลมหายใจของผู้ชายในคืนนั้นกับเขาเหมือนกันเลย
แต่เขา ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย แล้วทำไมเขาต้องแสร้งแกล้งพิการด้วย
หล่อนรีบเอามือมากุมหน้าตัวเอง นี่หล่อนเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมถึงอยากให้ผู้ชายในคืนนั้นคือเขา หล่อนบ้าไปแล้วใช่ไหม
แต่ถ้าเป็นเขาจริงๆ งั้นเขาก็หลอกหล่อนเช่นกัน แบบนี้ก็ยุติธรรมแล้ว
คณพศหมุนล้อรถเข็นเข้าไปในห้องออกกำลังกายแล้วปิดประตู จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมายืนรับโทรศัพท์ “เป็นไงบ้าง”
“คณพศตอนนี้หุ้นร้อยละหกสิบของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์เป็นของคุณในมือของคุณวิษณุส์มีแค่ร้อยละห้า ตอนนี้คุณกษาปณ์กำลังเริ่มตรวจสอบจำนวนหุ้นที่หายไปครับ” ตรัญพูดในสายอย่างสบายๆ
“หากตอนนี้คุณบอกเรื่องที่คุณวิษณุส์สับเปลี่ยนตัวเจ้าสาวให้คุณกษาปณ์รู้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้นั่งตำแหน่งประธาน แต่ยังไงเสียหุ้นในมือของเขาก็ยังคงคุ้มครองเขา คุณจะจัดการกับมันอย่างไร”
คณพศมองดูทะเลที่เงียบสงบ “หยุดซื้อหุ้นของปัญญาพนต์เอาไว้ก่อน ฉันอยากให้วันที่คุณปู่ประกาศชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานวันนั้นลงมือกับเขา มีเพียงเวลานั้นเขาถึงจะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่ตกลงมาจากที่สูง”
“แล้วก็พิมมี่ ให้เด่นภูมิหาคนคอยจับตาดูเอาไว้ อย่าให้หล่อนก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก” ผู้หญิงคนนี้รังเกียจที่เขาพิการ เขาต้องขอบคุณหล่อนที่พานารามาอยู่ข้างกายเขา ถ้าหากเป็นพิมมี่เองที่แต่งเข้ามา ไม่แน่ชาตินี้ชีวิตของเขาอาจจะขาดทุนจริงๆก็เป็นได้
วางสาย เขาก็กลับมานั่งที่รถเข็นแล้วกลับไปที่ห้องหนังสือ หล่อนไม่ได้อยู่ในนั้นแล้ว เขามองจากระเบียงลงไปที่ชายหาด เขามองเห็นชุดเดรสสีม่วงที่กำลังถูกลมทะเลพัดปลิวไสว ผมยาวปลิวราวกับกำลังเต้นรำ เขาหันกลับมาแล้วหมุนรถเข็นลงมาข้างล่างแล้วมุ่งตรงไปที่ชายหาด
นารามองดูทะเลอย่างใจลอย หล่อนไม่ได้สังเกตว่าเขามาอยู่ข้างหลัง เขามาถึงข้างหลังหล่อน “กำลังดูอะไรอยู่”
หล่อนรีบหันกลับมา มองดูเขาที่อยู่ข้างหลังหล่อน นึกถึงเรื่องเมื่อกี้สีหน้าของหล่อนก็เริ่มรู้สึกร้อนแล้วแดงขึ้นมาอีก หล่อนเดินไปเข็นรถให้เขา “ฉันไม่มีอะไรจะทำเลยมาอยู่ตรงนี้ คุณคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วหรอ งั้นเรากลับไปทำกายภาพต่อไหม”
หล่อนเข็นรถกลับ คณพศชี้ไปทางต้นมะพร้าว “ไปทางนั้นฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
นาราเข็นรถไปจนถึงต้นมะพร้าว ลมทะเลพัดมาจนทำให้ใบของต้นมะพร้าวปลิวสะบัดไปมาจนเกิดเป็นเสียงขึ้นมา “คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรอ”
คณพศมองดูใบหน้าเล็กๆของหล่อน ดวงตาสีฟ้าที่สดใสราวกับน้ำ ผมและชุดของหล่อนที่ถูกลมพัดจนปลิวไสว
“มา มานี่ มานั่งที่ขาของฉัน” เขาตบที่ขาของตนเอง
“….นี่” นาราหน้าแดง เขาให้หล่อนไปนั่งที่ขาของเขาอีกแล้ว เขามองดูหล่อนที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับตัว
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เขาให้หล่อนมานั่งหล่อนยังไม่มาอีก
พอเห็นสีหน้าเขาเริ่มไม่สบอารมณ์ นารามองดูรอบๆ แล้วรีบเดินไปยืนต่อหน้าเขา ผู้ชายคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้นะ หล่อนไม่นั่งที่ขาของเขา เขายังจะมาโกรธหล่อนอีก เขามองดูหล่อนที่เม้นปากว่าไม่เต็มใจ เขายักคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่าเธอคือภรรยาของฉัน พวกเราจะสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน อันดับแรกเลยคือจูบ จากนั้นค่อยๆคุ้นเคยกัน รีบทำให้พวกเรากลายเป็นสามีภรรยากันจริงๆ”
นาราได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา ในหัวหล่อนโล่งไม่รู้อะไร เขาพูดอะไรออกมา ไม่เหมือนเขาผู้ชายที่เย็นชาคนนั้นเลย เมื่อก่อนเขาเกลียดหล่อน รังเกียจหล่อน แล้วตอนนี้มาบอกอยากเป็นสามีภรรยากับหล่อน
นาราจ้องเขาเขม็ง ราวกับกำลังมองดูคนแปลกหน้า จนเขารู้สึกอึดอัด “แค๊กๆ” เสียงนี้ทำให้หล่อนดึงสติกลับมา
“คุณคณพศพวกเรายังไม่รู้จักกัน อีกอย่างขาของคุณไม่ดี ที่สำคัญอันดับแรกในตอนนี้คือรักษาขาของคุณให้หายดีก่อน ให้คุณกลับมาเดินได้อีกครั้ง สำหรับเรื่องอื่นเอาไว้พวกเราค่อยมาคิดกันทีหลัง” หล่อนพูดกับเขา
เขาได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ เขาจึงพูดออกมาอย่างเฉยๆว่า “เรื่องกายภาพก็ต้องทำ เรื่องความสัมพันธ์ของสามีภรรยาก็ต้องดำเนินไปด้วย ฉันตั้งใจไว้ว่าผ่านไปอีกสองสามวันจะพาเธอกลับไปเยี่ยมบ้านวรชัยลภัส เธอแต่งมาอยู่ที่เกาะนี้ได้เดือนกว่าแล้วยังไม่ได้กลับบ้านเลย ฉันจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่เธอพร้อมกับเธอ แล้วก็คุณปู่ของฉันท่านอยากเจอเธอ สองสามวันนี้เธอก็เตรียมตัวแล้วกันเราจะไปพักกันที่บ้านปัญญาพนต์”
นาราได้ยินก็รู้สึกกังวล เจาจะพาหล่อนกลับบ้าน แล้วยังต้องไปที่บ้านเขาอีก กลับไปแบบนี้ก็เท่ากับความลับถูกเปิดเผยน่ะสิ
“ไม่ไม่ ฉันไม่กลับคุณคณพศคะ ฉันคิดว่าพวกเราอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว มันดีสำหรับขาของคุณด้วย ฉันไม่กลับไปก็ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ของฉัน…..ทางนั้นพวกท่านไม่ว่าอะไรหรอก” หล่อนต้องหยุดไม่ให้เขาพาหล่อนกลับบ้าน
“ทำไมเธอไม่อยากกลับบ้าน” เขาจ้องหล่อนเขม็งราวกับจะทะลุใจของหล่อนให้ได้ “ผู้หญิงแต่งงานแล้วกลับไปเยี่ยมพ่อแม่เป็นเรื่องปกติ ถ้าหากฉันไม่พาเธอกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอคนจะว่าเอาได้ว่าฉันคณพศไม่มารยาท”
“แต่…..” นาราพูดขัดเขาขึ้นมา
“พอแล้วเอาแบบนี้แหละ ที่รักจากนี้สามวันเราจะกลับบ้านวรชัยลภัสกัน จากนั้นไปที่บ้านปัญญาพนต์ คุณปู่ของฉันท่านอายุจะแปดสิบแล้ว พวกเราต้องกลับไปอยู่ที่นั่นสักพัก”