The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 262 ครอบครัวตระกูลปัญญาพนต์
ตอนที่ 262 ครอบครัวตระกูลปัญญาพนต์
คณพศไม่ได้สนใจอะไรมาก ได้เอามือของนาราไปจับช่วงล้างของตนเอง
เสียงที่แหบ “นารา เธอดูสิมันคิดถึงเธอมากเลย”
หน้าของนาราในตอนนี้แดงไปหมดแล้ว เจ้าสัตว์ตัวนี้ เมื่อคืนยังไม่พออีกหรอ?
“ไม่ได้! นายหยุดนะ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นทำไง? เธอพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อที่จะเอามือกลับมา
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร คณพศก็ไม่ยอมให้นาราเอาแขนกลับไป
“ได้ ฉันจะไม่ทำ เธอเป็นคนทำได้มั้ย? ไม่ดื้อนะ”
ในหัวของนาราได้อึ้งไป ไอคนหน้าไม่อาย!
ยังไม่ทันที่นาราจะรู้สึกตัว
คณพศก็ได้อุ้มนาราโยนขึ้นไปที่เตียงใหญ่ในห้อง เขาก็ได้ทับลงไปที่ตัวของนารา
เอามือไปล้วงเข้าไปที่ใต้กระโปรงของนารา เสียงที่แหบแฝงไปด้วยเสียงที่เซ็กซี่
ที่รัก” ฉันทำเองก็ได้ เธอแค่เป็นคนที่เสพสุขก็พอ”
ได้ยินเสียงที่แหบ คลุมเครือและดึงดูดคน ทำให้นาราเป็นอัมพัดไปทั้งตัว
นารารักและแค้นคนนี้มาก เพราะเขาสามารถทำให้เธอจิตใจแปรปรวนและลุกลามประสาทของเธอได้โดยง่าย
พระเจ้า ช่วยฉันที ทำอย่างไรถึงจะไม่ถูกเขาล่อลวง?
คณพศได้ก้มหัวลงไป ได้เอาริมฝีปากไปแตะที่ริมฝีปากที่แดงอมชมพูของนารา
ครั้งนี้เขาจูบอย่างเบาๆ เหมือนกลัวจะทำให้นาราเจ็บ และคณพศก็ได้เริ่มจูบไล่จากคอลงไปทีละนิดทีละหน่อย ค่อยๆไปถึง…..
เรื่องที่งดงามที่สุดในโลก คือการที่สองคนได้รักกัน สองคนที่อยู่ในบ้านนี้
ได้กอดและจูบกันอย่างลึกซึ้ง กำลังทำเรื่องที่งดงามที่สุดในโลก
ผ้าม่านที่กว้างและใหญ่ ลมได้พัดเข้ามาตลอดเวลา เหมือนดั่งคนที่กำลังได้เห็นภาพที่หน้าเขินอาย
ในตอนดึก เขมินท์ ได้กลับถึงบ้านแล้ว ถีบไปที่ประตูอย่างแรก แล้วโยนกระเป๋าตังไปบนโต๊ะ
และตะโกนด้วยความโกรธว่า”บุรินทร์!”พร้อมกับตบไปที่โต๊ะ
บุรินทร์ที่กำลังอาบน้ำแปรงฟันอยู่นั้น ได้ยินเสียงตะโกนที่ดังของเขมินท์ เขาก็ได้เช็ดหน้าและรีบเดินออกมา
มีอะไรหรอ?
“มีเรื่องอะไรหรอ ?! บุรินทร์! นายรู้มั้ยว่าเช้านี้ฉันไปเจอใครมา?
ลูกรักของเธอได้กลับมาแล้ว!” เขมินท์ได้จ้องตาไปที่บุรินทร์ แล้วฉีกผ้าเช็ดปากที่อยู่บนโต๊ะด้วยความโกรธ
บุรินทร์ก็ตกใจ “ลูกสาวของเราก็อยู่บ้านทุกวันไม่ใช่หรอ? มีวันไหนที่เธอไม่เห็นลูกบ้าง?”
“ไอโง่ ฉันหมายถึงนารา! นารา!ผู้หญิงที่หน้าไม่อายคนนั้น! เป็นเพราะนาราที่ทำให้พิมมี่ตกทุกข์ลำบากขนาดนี้
แต่มันกลับยังไม่ตาย!” เขมินท์ได้พูดไปและฉีกผ้าเช็ดปากไป เสมือนผ้าเช็ดปากนั้นเป็นนารา ถ้าไม่ฉีกจนสิ้นซาก ก็ไม่สามารถลบล้างความแค้นที่อยู่ในใจได้
บุรินทร์ที่ยังไม่เชื่อ “เธอพูดอะไรนะ? นารายังไม่ตายหรอ?”
เขมินท์ได้จ้องไปที่บุรินทร์ “ใช่สิ! ไม่งั้นเช้านี้ฉันจะหายไปไหนละ? ฉันไปสะกดรอยตามมัน
ผู้หญิงที่หน้าไม่อายคนนี้ นอกจากจะยังไม่ตายแล้ว ยังมีลูกที่อายุห้าขวบอีกแล้วยังได้กลับไปอยู่ที่ตระกูลปัญญาพนต์อีกด้วย! ทำไมมันมันถึงได้อยู่อย่างมีความสุข? แต่พิมมี่กลับถูกนางนั้นทำร้ายจนกลายเป็นสภาพแบบนี้?!
บุรินทร์ที่คิดว่านาราได้จมลงไปในทะเลและตายไปเมื่อห้าปี่ที่แล้ว
แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด นารายังมีชีวิตอยู่และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แต่ลูกของเธอกลับต้องฉีดยาสลบและกินยาบรรเทาอาการโรคซึมเศร้า พิมมี่ถึงจะสงบลงได้
ในใจเขาเริ่มไม่สมดุลกัน
แต่นาราอยู่ในความดูแลของตระกูลปัญญาพนต์ ตระกูลในมีอำนาจมากในเมืองธิตกล
ถึงเขาจะไม่พอใจนารา แต่เขาจะทำอะไรได้?
บุรินทร์ที่กำลังคิดหาวิธีอยู่นั้น ก็ได้ถอนหายใจออกมา
โธ่ เราจะมีวิธีอะไร ในเมื่อเราสู้ตระกูลปัญญาพนต์ไม่ได้
เขมินท์ที่โกรธอยู่แล้ว เมื่อได้ยินบุรินทร์พูดแบบนี้
ยิ่งเหมือนเอาน้ำมันไปเทใส่ไฟ ทำให้เขมินท์โมโหจนกัดฟัน “ไอคนอ่อนแอ! ถึงตระกูลปัญญาพนต์จะมีอำนาจ แค้นของลูกสาวเราก็ไม่ต้องชำระแล้วหรอ?ฉันไม่สน ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าฉันต้องจ่ายราคาเท่าไร แค้นของลูกสาวฉันต้องชำระ”
บุรินทร์ที่ถูกด่าจนไม่กล้าพูดอะไร หลังจากที่ลูกสาวของตัวเองถูกช่วยกลับมา
เขาก็รู้สึกผิดมาก ไม่ว่าเขมินท์จะทำอะไรเขาไม่ได้ห้าม แถมยังสนับสนุนในบางครั้ง
บุรินทร์ก็ถามเขมินท์ว่า “แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป”
“เฮ้อ!” ได้ปรากฏแววตาที่ร้ายกาจของเธอ “จะทำอย่างไรหรอ? ฉันจะให้ผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นชดใช้! อะไรที่พิมมี่ได้เผชิญ
มันจะต้องเผชิญด้วย! ไม่ใช่แค่นี้นะ มันต้องเจ็บกว่าที่พิมมี่โดนร้อยเท่าพันเท่า!”
บุรินทร์ได้คิดดูแล้ว รู้สึกความคิดของเขมินท์เป็นเพียงแค่ฝัน
บุรินทร์ก็ได้บอกกับเธอว่า เธอไม่สามารถทำอย่างที่พูดได้
“ประการแรก คณพศดูแลนาราอย่างใกล้ชิดมาก
ประการที่สอง เราไม่มีทางไปที่ตระกูลปัญญาพนต์ย่างแน่นอน”
ความจริงเขาก็ไม่อยากให้เรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับนารา
เพราะเขาเคยรักแม่ของนารามาก่อน
หลังการที่เกิดเรื่อง คณพศได้ประกาศ ห้ามตระกูลวรชัยลภัสที่ยกเว้นนารานั้นเข้าใกล้บริเวณบ้านของเขา ถ้าฝ่าฝืนต้องรับผิดด้วยตัวเอง
เขมินท์ได้ปั้นกระดาษที่อยู่ในมือ แล้วปาไปที่หน้าของบุรินทร์อย่างแรง
แล้วด่าว่า “ไอโง่ นายไม่คิดจะหาวิธีเลยหรอ? สมองของนายหายไปแล้วใช่มั้ย?
ฉันไม่สน นายต้องไปคิดแผนให้ฉัน ฉันจะลากนารามาที่ตรงหน้าพิมมี่แล้ว
ฉีกหนังของมัน กินเนื้อของมัน ทุบกระดูกของมันจนแหลกสลาย ถึงจะทำให้แค้นที่อยู่ในใจฉันหายไป!”
เขมินท์ได้โมโหจนกัดฟัน บุรินทร์ก็ได้เข้าใจ ว่าอย่าไปมีเรื่องกับผู้หญิง
โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างภรรยาเขา ผู้หญิงที่เจ้าคิดเจ้าแค้น
“คุณนาย แย่แล้วคุณหนูได้อาละวาดขึ้นมาอีกแล้ว
รีบไปดูคุณหนูเถอะ”
เขมินท์ที่กำลังคิดแผนที่จะลักพาตัวนานากลับมา คนรับใช้ได้วิ่งมาอย่างลุกลี้ลุกลน
กลัวเสียงของตัวเองนั้นเบาเกิน
เขมินท์ได้นิ่งไปสักพัก แล้วเก็บกระดาษที่ตัวเองฉีกเอาไว้นั้น แล้วขึ้นชั้นสองไป
บุรินทร์ได้รีบตามขึ้นไป ทั้งสองคนได้รีบวิ่งขึ้นไป กลัวว่าพิมมี่จะทำร้ายตัวเอง
เขมินท์และบุรินทร์ที่ได้ตามคนรับใช้ขึ้นไปนั้น ได้เห็นพิมมี่ที่นอนอยู่บนพื้น
เธอได้ฉีกเสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่นั้นจนขาดไม่มีชิ้นดี พิมมี่ที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าดูเหมือนคนที่ถูลู่ถูกัง
เขมินท์ได้รีบเดินไปที่พิมมี่” ลูกรัก ลูกเป็นอะไรเนี่ย? แล้วหันไปด่าสาวรับใช้ว่า
“พวกเธอดูแลคุณหนูอย่างไงเนี่ย?”
สาวรับใช้ได้พูดอย่างติดๆขัดๆว่า“ หนูพยายามจะใส่เสื้อให้คุณหนูแล้วนะค่ะ
แต่ทุกครั้งที่หนูเข้าใกล้คุณหนู คุณหนูจะถีบและกัดพวกหนู พวกหนูไม่สามารถเข้าใกล้คุณหนูได้เลย!”
“ล้อเล่นไรกัน!” “ไม่สามารถเข้าใกล้คุณหนู หมายความว่าอะไร?” คุณหนูสุภาพมากนะ
พวกเธอไปได้แล้ว!