The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 270 มิราจถูกลักพาตัวไป
ตอนที่ 270 มิราจถูกลักพาตัวไป
ตอนนี้ทำได้เพียงแค่คิดไปทางที่ดี
“ใช่ นารา เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันได้ให้ลูกน้องของฉันไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว
ถ้ามีข่าวคาวอะไร เขาจะรีบโทรกลับมาหาฉัน อย่าไปคิดมากเองเลย ดีมั้ย?”
เห็นคณพศที่พูดแบบนี้แล้ว นาราจึงเก็บความรู้สึกที่เป็นห่วงไลลาไปก่อน
วันต่อมานาราได้ขับรถพามิราไปโรงเรียน
โรงเรียนที่มิราเรียนเป็นโรงเรียนตระกูลผู้ดีที่เป็นระบบปิด ปกติจะมีรถรับส่งอยู่แล้ว
แต่นาราที่รู้สึกเบื่อ เธอเลยขับรถไปส่งมิราที่โรงเรียน
ในช่วงเช้ามีอากาศที่ดีมาก อารมณ์ของนาราก็ดีตามไปด้วย
ขับไปได้สักพักเธอรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว เธอรู้สึกท่อนล่างของเธอรู้สึกร้อนๆ
ไม่นะ จบแล้ว น่าจะเป็นเมนมา
นาราที่เขินอายมากนั้นได้จอดรถไว้หน้าร้านสะดวกซื้อ และบอกกับมิราว่า “เดียวแม่ไปซื้อของใช้ประจำวันก่อนนะ
ลูกอยู่ในรถไปก่อนและอย่าดื้อนะ อย่าออกไปจากรถนะ”
“ได้ครับ แม่” ถึงจะไม่รู้ว่านาราจอดรถอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อทำไม แต่มิราก็ได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
นาราถึงจะวางใจและรีบเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
เมื่อเธอได้ซื้อผ้าอนามัยและหมากฝรั่งให้มิราเสร็จแล้ว เธอถึงเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ
“มิรา แม่ได้ซื้อหมากฝรั่งมาให้…..”
นารายังไม่ทันพูดจบ ของที่เธอถืออยู่ก็ได้ล่วงลงไปที่พื้น
ประตูรถตอนแรกที่ยังปิดอยู่นั้น ตอนนี้ได้เปิดออก แต่มิราที่อยู่ข้างในกลับหายไป
นาราในตอนนี้กระวนกระวายใจมาก เธอได้มองไปรอบๆ เพื่อที่จะเห็นมิรา
แต่ไม่มี บริเวณใกล้เคียงไม่มีวี่แววของมิราอยู่เลย
นารารู้สึกขาอ่อนแรงไปหมด เธอแค่ออกไปซื้อของไม่นาน มิราหายตัวไปไหนได้?
หรือมิราจะไปหาตัวนาราเอง?
เธอได้มุดเขาไปในรถและพยายามที่จะหาเบาะแสของการหายตัวไปของมิราได้
แต่ที่เธอได้หาไปทั่วทั้งรถแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นเบาะแสเลย
นาราได้ลงจากรถแล้วเดินวนรอบรถและได้เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
เปิดประตูเข้าไป พนักงานร้านที่ให้บริการเธอเมื่อกี้ได้”สวัสดีและต้อนรับ”เธออย่างเป็นกันเอง
ตอนนี้ไฟได้ลุกไหม้ใจของนาราไปหมดแล้ว เธอได้ถามพนักงานอย่างลุกลี้ลุกลนว่า
“สวัสดีค่ะ ขอดิฉันดูกล้องวงจรปิดที่หน้าร้านหน่อยได้มั้ย?”
พนักงานได้อึดไปพักหนึ่งแล้วส่ายหัวว่า “ขอโทษนะคะ มีเพียงแค่ตำรวจเท่านั้นที่สามารถดูกล้องวงจรปิดได้”
ใบหน้าของนาราในตอนนี้ได้ขาวซีดไปหมดแล้ว เธอได้ไปขอร้องพนักงานว่า “เมื่อกี่ฉันได้มาซื้อของในร้าน
และได้ทิ้งลูกของไว้ในรถและล๊อคประตูไว้ แต่ลูกของฉันได้หายไป ตอนนี้ฉันอย่างจะดูกล้องวงจรปิดของทางร้าน
เพื่อที่จะได้เบาะแสว่าลูกของฉันเขาไปไหนแล้ว”
พนักงานที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้จึงทำอะไรไม่ถูก ไม่นานผู้จัดการร้านได้ออกมา
“คุณผู้หญิง เชิญตามผมมา”
นาราก็ได้รีบตามผู้จัดการร้านไป เธอได้พูดคำว่าขอบคุณอย่างไม่ขาดปาก “ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณค่ะ!”
ผู้จัดการร้านส่ายหัว ทำหน้าเหมือนรู้สึกกังวล “รีบตามผมมาดูดีกว่า ลูกของผมก็เคยหายไปแบบนี้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเหมือนกัน ถ้าในสมัยนั้นมีกล้องวงจรปิดลูกผมอาจจะไม่หายไปก็ได้”
นาราไม่รู้ว่าผู้จัดการร้านคนนี้ก็เคยเจอเรื่องราวแบบเดียวกันกับเธอ เธอเลยมีความรู้สึกเสียใจ
“ดิฉันขอโทษ ดิฉันไม่รู้…..”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาเด็กให้เจอ
ผู้จัดการร้านได้เปิดกล้องวงจรปิดอย่างคล่องแคล่ว คุณมาซื้อของช่วงเวลาไหนครับ?”
“ประมาณสิบนาทีก่อนหน้านี้ค่ะ ฉันได้เข้าไปในร้านเพื่อซื้อของใช้ประจำวัน และปล่อยลูกไว้ในรถแล้วล๊อครถไว้
แต่ตอนที่ฉันกลับไปที่รถประตูได้เปิดออก และลูกของฉันก็ได้หายไป”
ฟังจากที่นาราได้เล่า ทางผู้จัดการร้านได้ย้อนกล้องวงจรปิดไปที่เวลาสิบนาทีก่อนหน้านี้
และได้เช็คดูอย่างละเอียด
นาราจ้องไปที่หน้าจออย่างไม่กะพริบตา ไม่นานเธอก็เห็นรถที่คุ้นตาคันหนึ่งมาจอดที่ข้างรถของเธอ
นั้นเป็นรถของเขมินท์
เธอเห็นเขมินท์ได้ลงมาจากรถและได้เคราะห์ไปที่กระจกรถของเธอ เหมือนกำลังพูดกับใครอยู่
ไม่นานมิราก็ได้เปิดประตูออกไปจากรถ
เห็นมิราที่เงยหน้าและใช้แรงในการตะเกียกตะกาย เหมือนกำลังทะเลาะกับเขมินท์ และเขมินท์ได้ปิดจมูกและปากของมิราจากด้านหลัง แล้วอุ้มมิราขึ้นมาโยนเข้าไปในรถ และขับรถออกไป
นาราตัวเริ่มสั่นไปทั้งตัว มิราถูกเขมินท์ลักพาตัวไปหรอ!
เพราะดูในกล้องวงจรปิดแล้วสามารถเห็นได้ชัดเจนว่า มือที่ใช้ปิดปากของมิรานั้นได้มีผ้าขนหนูลองไว้ที่มือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ตัวเองกับมิราไม่รู้ถูกเขมินท์สะกดรอยตามตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผู้หญิงที่บ้าคนนี้ เธอจะทำอะไรกันแน่?
“นี้เป็นการลักพาตัวนะ คุณผู้หญิงครับ คุณรู้จักผู้หญิงคนนี้มั้ยครับ?” จะแจ้งตำรวจมั้ยครับ
ผู้จัดการร้านถามเธอด้วยเสียงที่เบา แต่เห็นนาราที่ไม่ตอบสนองอะไรนั้น ผู้จัดการร้านได้ถามเธออีกครั้ง
“คุณผู้หญิง? คุณผู้หญิง?จะแจ้งตำรวจมั้ยครับ?”
เสียงของผู้จัดการร้านได้ดึงสตินารากลับมา นาราได้พยักหน้าและตอบว่า “ขอบคุณค่ะ ต้องไปแจ้งตำรวจ
แต่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง เราต้องรีบหาผู้หญิงที่บ้าคลั่งคนนั้นให้เจอก่อน”
“คุณผู้หญิง คุณอาจจะไปทำให้คนอื่นเขาแค้นก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามเด็กเขาไม่รู้เรื่องด้วย หวังว่าคุณจะเจอลูกของเธอเร็วนะ”
ผู้จัดการร้านได้อวยพรเธอ
นาราได้ขอบคุณผู้จัดการร้านอย่างจริงใจ ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือค่ะ ดิฉันต้องรีบไปหาผู้หญิงคนนั้นก่อน ลาก่อนนะค่ะ
เมื่อเธอพูดจบ เธอได้รีบเดินออกไปจากร้านและขับรถไปทางที่เขมินท์ไป ระหว่างทางเธอได้แวะไปแจ้งตำรวจ
ระหว่างทาง นาราขับรถเร็วมาก เพื่อจะรีบไปตามหาเขมินท์เพราะเธอไม่รู้ว่าผู้หญิงที่บ้าคลั่งอย่างเขมินท์จะทำอะไรกับลูกของเธอบ้าง
ในอีกด้านหนึ่ง เขมินท์ได้ขับรถมุ่งหน้าสู้บ้านของเธออย่างช้าๆ เขมินท์ได้หันไปมองมิราที่สลบอยู่เบาะหลังรถ
ในแววตาของเธอได้ปรากฏแววตาที่หน้าเนื้อใจเสือ!
“ฮึ่ม ฮึ่มเจ้าสัตว์น้อย ฉันแค่ตั้งใจด่าไอผู้หญิงที่หน้าไม่อายคนนั้นไปไม่กี่คำ ถึงกับทนไม่ได้กันเลยหรอ? หลังจากนี้จะมีเรื่องที่ทำให้หนูทนไม่ไหวยิ่งกว่านี้อีก!นารา เธอรอฉันก่อน สิ่งที่เธอทำกับลูกฉันทั้งหมด ฉันจะทวงคือมาทีละนิดทีละหน่อย”
เขมินท์ได้ตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง แต่นั้นยังไม่สามารถทำให้มิราที่สลบอยู่นั่นตื่นขึ้นมา
มิราไม่รู้เลยว่าที่เขมินท์ด่านาราข้างนอกรถนั้นเป็นการที่เธอตั้งใจที่จะท้าทาย เพื่อลักพาตัวเธอไป
เขมินท์ได้ขับรถอย่างเร้ว จนได้เกิดเสียงตูมตามเป็นระยะๆ ไม่นานเธอก็ได้ขับรถถึงบ้านตัวเอง
เธอได้จอดรถเสร็จก็ได้ไปอุ้มมิราลงมาจากรถ ถ้าเขมินท์ไม่กลัวว่ามิราจะตื่นขึ้นมาและร้องไห้ว
เธอจะลากขาของมิราลงมาจากรถด้วยซ้ำ
เธอเกลียดเด็กคนนี้ เพราะเขาเป็นลูกของนาราและคณพศ!
บุรินทร์ที่กำลังดื่มชาอยู่ในลานบ้านนั้นได้เห็นเขมินท์ได้อุ้มเด็กคนหนึ่งเข้ามา
บุรินทร์ก็ได้ถามอย่างสงสัยว่า “เธอไม่อุ้มลูกของใครมา?”
เขมินท์จ้องไปที่บุรินทร์แล้วพูดว่า “ไม่เห็นหรือว่า ฉันเหนื่อย? ยังไม่เข้ามาช่วยอีก”