The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 30 งานแต่งงานก็เหมือนคนดื่มน้ำเย็นน้ำอุ่นแล้วรู้ตัว
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 30 งานแต่งงานก็เหมือนคนดื่มน้ำเย็นน้ำอุ่นแล้วรู้ตัว
ตอนที่ 30 งานแต่งงานก็เหมือนคนดื่มน้ำเย็นน้ำอุ่นแล้วรู้ตัว
หล่อนรู้สึกแสบที่จมูก เกือบจะน้ำตาไหล
สุดท้ายหล่อนก้าวไปข้างหน้าแล้วสารภาพกับกษาปณ์ว่า “คุณปู่คะหนูขอโทษหนูไม่ใช่พิมมี่ค่ะ หนูคือลูกสาวคนเล็กของบุรินทร์ เพราะพี่พิมมี่ไม่ยอมแต่งงานกับคุณคณพศคุณพ่อกับคุณแม่ไม่มีทางเลือกจึงได้ส่งหนูไปที่เกาะฟ้าค่ะ หนูขอโทษจริงๆค่ะหนูไม่ได้ตั้งใจ”
กษาปณ์ได้ยินที่หล่อนพูดออกมาเขาวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วมองดูนารา
“ที่พูดมาคือเรื่องจริง” เมื่อกี้เขาแค่จะเอาหุ้นของบริษัทมาล่อนารา ถ้าหากหล่อนมาที่นี่เพื่อเงินงั้นก็เก็บเอาไว้ไม่ได้
แต่หล่อนไม่ได้ต้องการจะเอาหุ้น แต่กลับสารภาพความจริงทุกอย่างออกมาว่าหล่อนเป็นใคร สุดท้ายกษาปณ์ก็ได้แต่พยักหน้า
ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ
นาราพูดความจริงออกมาทำให้หล่อนรู้สึกโล่ง เรื่องนี้อัดอั้นอยู่ในใจหล่อนมานานนับเดือน หล่อนกลัววันนั้นที่ความลับจะถูกเปิดเผย
วันนี้ที่เห็นรัมพรกับวิษณุส์ยิ้มเย้ยหล่อน หล่อนก็รู้ได้ทันทีว่าวันนี้ในที่สุดก็มาถึง หล่อนสารภาพความจริงกับกษาปณ์หล่อนรู้ว่าเขาเป็นคนที่รู้ว่าอะไรต้องจัดการอย่างไร ถึงหล่อนจะมาแทนพี่สาวแต่เขาคงไม่ถึงขั้นเอาชีวิตหล่อน มากสุดก็ไล่กลับบ้าน
“ที่หนูพูดมาเป็นความจริงค่ะไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียว แต่คุณคณพศยังไม่รู้ว่าหนูคือนารา” ถ้าเขารู้เขาคงเอาหล่อนตายแน่
กษาณ์มองดูหญิงสาว ที่จริงแล้วเขาอยากบอกว่า ผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับคณพศมากกว่าพิมมี่เสียอีก แต่นาราคือลูกสาวนอกสมรสของบุรินทร์
สถานะแบบนี้มันไม่คู่ควรกับคณพศหลานรักของเขา
เขาโบกมือ “เหลวไหลนี่เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงกันถึงได้กล้ามาแต่งงานแทน”
แก้วที่อยู่บนโต๊ะถูกบัดจนตกแตกเกิดเสียงดังขึ้น นารากำมือตัวเองเอาไว้แน่นหลับตาปี๋
“ขอโทษค่ะคุณปู่” หล่อนไม่คิดว่าคุณกษาปณ์จะโมโหขนาดนี้ และในขณะที่หล่อนกำลังกลัวกับความโมโหของกษาปณ์นั้นประตูห้องหนังสือก็ดังปังปังขึ้น
หล่อนรีบหันไปเปิดประตูเห็นคณพศนั่งอยู่บนรถเข็นสีหน้าเขาดูรีบร้อนมาก
เขามองดูนาราแล้วรีบเข้าไปข้างในห้องหนังสือ “คุณปู่ครับเกิดอะไรขึ้น พิมมี่ทำให้โกรธหรอ เธอไม่รู้เรื่องท่านอย่าได้ไปอะไรกับเธอเลย”
กษาปณ์มองดูหลานรักของตัวเองปกป้องผู้หญิงคนอื่น เขาสงสารคณพศยิ่งนักที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอก ถ้าหากรู้แล้วจะเสียใจขนาดไหน เขาดูออกมาคณพศมีใจให้กับผู้หญิงคนนี้แล้ว
แต่ ไม่ได้
เขาจะไม่ยอมให้ตระกูลรวชัยลภัสหลอกพวกเขาแบบนี้ เขามองดูหลานรักที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขาโบกมือ “พอได้แล้วพวกเธอไปพักผ่อนเถอะ”
คณพศยิ้มแล้วมองไปทางกษาปณ์ “คุณปู่ท่านอย่าได้โมโหเลย อีกไม่กี่วันก็จะอายุครบแปดสิบแล้ว มีเรื่องอะไรทำให้ต้องโมโหขนาดนี้”
พูดจบเขาก็จับมือนาราแล้วขึ้นไปชั้นสามทันที
ปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเขามองดูหล่อนที่กำลังตกใจ “คุณปู่พูดอะไรกับเธอ”
นารามองดูสายตาที่เย็นชาของเขา หล่อนส่ายหัวไปมา “คุณปู่ให้ฉันเซ็นต์เอกสารเรื่องรับหุ้นแต่ฉันไม่เซ็นต์”
“แค่นี้”
เขาจ้องหล่อนเขม็ง ราวกับจะทะลุตัวหล่อนให้ได้ “ให้เวลาหนึ่งนาทีพูดความจริงออกมา” เขาหมุนรถเข็นไปหยุดอยู่ตรงหน้าหล่อน แล้วจับคางหล่อนเงยขึ้น
“ยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันอีก ฉันรอให้เธอพูดอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและฟังดูเหมือนกำลังโกรธ
“ฉัน ฉันบอกกับคุณปู่ว่าฉันไม่ใช่พิมมี่” พูดจบหล่อนก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา อัดอั้นอยู่ในใจมานานในที่สุดก็ได้ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว
ณ เวลานี้หล่อนได้พูดมันออกไปแล้วจะเป็นหรือตายก็ช่างมัน
หล่อนหลับตาปี๋รอความตาย แต่กลับรู้สึกว่าเขาค่อยๆปล่อยมือจากคางของหล่อนแล้วกอดหล่อนเบาๆไว้ในอ้อมกอดของเขา
หล่อนสบตากับเขาและเขาก็ดึงหล่อนเข้ามานั่งบนตักเขาอย่างที่เคยทำมา
ได้ยินแต่เพียงเสียงว่า “ไม่ต้องกลัว เธอเป็นภรรยาของฉันก็พอแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร เธอเป็นได้แค่ภรรยาของฉันคนเดียวเท่านั้น”
นาราชะงักมองดูเขา หล่อนพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้มาก่อนแล้วหรอคะว่าฉันไม่ใช่พิมพี่และตั้งใจไม่เปิดโปงฉัน”
“อืม” เขาตอบอย่างเรียบๆแล้วเงยหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง
เขากอดเธอเอาไว้บนตักแล้วหมุนรถเข็นไปเปิดไฟที่หัวเตียง หล่อนเหมือนกับกำลังฝันไป เห็นเขาที่อบอุ่นกับหล่อนอีกแล้ว เขาไม่ได้โกรธและไม่คิดจะทำร้ายหล่อน
เขาเอาหล่อนไปวางไว้บนเตียงแล้วมองดูหล่อน “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอแค่จำไว้ว่าเธอคือภรรยาของฉันก็พอ เธอทำได้ไหม”
ได้ไหม หล่อนไม่ใช่ภรรยาของเขานะ ภรรยาของเขาคือพิมมี่ แต่สายตาที่เขามองเธอทำให้เธอพยักหน้าตกลง
“อาบน้ำแล้วนอนเถอะ จากนี้ไปไม่ต้องออกห่างจากตัวฉันอีก รอหลังจากฉลองวันเกิดครบครอบแปดสิบปีของคุณปู่พวกเราจะรีบกลับไปที่เกาะทันที” เขายืดนั่งตัวตรงแล้วออกจากห้องนอนไป
เขาเปิดประตูออกไป เขารู้นานแล้วแต่เขากลับไม่คิดจะทำร้ายหล่อน แต่กษาปณ์คงไม่ปล่อยหล่อนเอาไว้แน่
พ่อ
หล่อนนึกขึ้นได้รีบลุกขึ้นไปจะไปขอร้องให้กษาปณ์อย่าได้โกรธพ่อของหล่อนเลย แต่พอนึกถึงคำพูดของคณพศที่พูดว่า “ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นขอแค่เธอจำเอาไว้ว่าเธอคือภรรยาของฉันก็พอแล้ว”
หล่อนกลับมานั่งที่เตียงอีกครั้ง
ห้องนอนชั้นสอง กษาปณ์มองดูชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขารู้สึกสงสารหลานคนนี้นักที่ถูกคนรังแกแบบนี้ เขาจะลืมแค้นนี้ลงได้อย่างไรกัน
“ไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากเกาะเสีย ส่วนทางฝั่งตระกูลวรชัยลภัสเดี๋ยวปู่จะจัดการเอง ถ้าหากพวกเขาไม่อธิบายอะไรมาเลยปู่จะให้พวกเขาหายไปจากเมืองธิตกลให้หมด” กษาปณ์โกรธจนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง
“คุณปู่ครับ ผมจะไม่ไล่หล่อนไปไหนทั้งนั้น หล่อนคือภรรยาของผม จะให้ผมไปหล่อนไปที่ไหน ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใคร ตอนนี้หล่อนคือภรรยาของผม การแต่งงานก็เหมือนกับการดื่มน้ำที่มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าเย็นหรือร้อน ขอโทษจริงๆคุณปู่” คณพศเงยหน้ามองดูชายแก่ที่ผมงอกเกือบทั้งหัว
“แต่หล่อนคือลูกนอกสมรสของบุรินทร์ ขนาดแม่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร บางทีแม่ของหล่อนอาจจะเป็นคนต่ำต้อยไม่มีหัวนอนปลายเท้าก็ได้ ผู้หญิงแบบนี้มันไม่คู่ควรกับหลานเลย” เขาชี้ไปที่ประตูอย่างบ้าคลั่ง
มือของคณพศจับรถเข็นเอาไว้แน่นและมองกษาปณ์ด้วยสายตาที่อ้อนวอนขอร้อง “ไม่ครับปู่ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณปู่อย่าได้เข้ามายุ่ง”
กษาปณ์มองดูหลานชายด้วยสายตาที่ดุ “นี่พึ่งจะกี่วันเอง หลานก็หลังหล่อนขนาดนี้แล้วหรอ คณพศหล่อนดูเป็นคนดีแต่ไม่เหมาะกับหลาน เรื่องนี้ตระกูลวรชัยลภัสต้องรับผิดชอบ
“เรื่องนี้ตระกูลวรชัยลภัสต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ผมขอจัดการเองและมันจะเหมาะสมหนือไม่เหมาะสมผมรู้ดี ปู่คงไม่อยากเห็นผมที่แม้กระทั่งอำนาจในการเลือกผู้หญิงที่จะอยู่กับผมไปทั้งชีวิตหรอกครับ” คณพศจ้องดูกษาปณ์อย่างนิ่งๆ
“นี่….” กษาปณ์รู้สึกว่าหลานรักคนนี้ทำไมมันดื้ออย่างนี้นะ เขาเปลี่ยนไป และอาจจะเปลี่ยนไปจนบางทีเขาเองก็ไม่รู้แล้ว