The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 302 วิษณุส์ยึดอำนาจ กษาปณ์หมดสติ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 302 วิษณุส์ยึดอำนาจ กษาปณ์หมดสติ
ตอนที่ 302 วิษณุส์ยึดอำนาจ กษาปณ์หมดสติ
สิ้นคำพูดของเขา ทั้งห้องก็ราวกับระเบิดปะทุขึ้นมาทันที ผู้ถือหุ้นหารือกันอย่างตระหนกตกใจ
“มันเป็นไปได้ยังไง? อยู่ดีๆ จะไปยุ่งกับของแบบนั้นทำไม?”
“ จะว่า คนที่ติดยาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีทางเลิกได้”
“ถูกต้อง มันน่ากลัวมาก แล้วบริษัทจะทำยังไงล่ะ?”
“น่าทึ่งจริงๆ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน?”
วิษณุส์มองฉากตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ในใจยิ่งรู้สึกภูมิใจแทบกลั้นไม่ไหว เขาโบกมือ พูดเสียงดัง “ทุกท่านสงบก่อนครับ ด้วยเหตุนี้ ผมในฐานะรองประธานไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ขอให้ทุกคนรวมกลุ่มสามัคคีกันไว้ บริษัทของเราจะต้องไม่อยู่ในมือของผู้ติดสารเสพติด มันจะนำไปสู่เพียงการทำลายตัวเอง!”
คำพูดของวิษณุส์สะกดจิตส่วนลึกของทุกคน เดิมพวกเขานั้นยกผลประโยชน์เป็นสำคัญ ส่วนคณพศกับวิษณุส์ใครจะได้นั่งตำแหน่งประธาน สำหรับพวกเขาแล้วจะยังไงก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่พวกเขายังได้เงินปันผลประจำปีอยู่ แค่นั้นก็พอแล้ว
ดังนั้น ผู้ถือหุ้นที่เริ่มหารือกันก็ยืนขึ้น “ใช่ เราจะบริษัทอยู่ในมือของคนแบบนั้นไม่ได้ จะมองดูหอคอยพังทลายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้! ฉันเสนอ ให้ปลดประธานคณพศจากตำแหน่ง และให้รองประธานวิษณุส์ขึ้นเป็นประธานบริษัทคนใหม่”
คนเราก็แบบนี้ เมื่อมีคนเริ่ม ส่วนที่เหลือที่ลังเลก็จะค่อยๆ คล้อยตาม
คำพูดของผู้ถือหุ้นคนนั้นจบลงไม่นาน คนอื่นๆ ก็กลัวจะล้าหลัง ตอบกลับทีละคน “ ถูกต้อง ผมเห็นด้วยที่จะปลดตำแหน่งของประธานคณพศ และเปลี่ยนเป็นวิษณุส์แทน”
“ผมเห็นด้วย!”
“เห็นด้วย!”
“ฉันก็เห็นด้วย!”
……
ผ่านไปชั่วครู่ วิษณุส์ก็ได้มติเอกฉันท์ เข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์อย่างเป็นทางการ เขาเปลี่ยนผู้จัดการของแต่ละแผนกเป็นคนของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วจึงนั่งอยู่ในห้องประธานบริษัทอย่างภูมิใจ เขาให้คนทำความสะอาดกวาดของคณพศไปทิ้งให้หมดอย่างถือดี แทนที่ด้วยอุปกรณ์สำนักงานใหม่ที่เขาพอใจ
ก็นั่นแหละ ข่าวการติดยาเสพติดของคณพศแพร่ไปทั่วบริษัทเร็วเหมือนติดปีก ข่าวนี้ลอยเข้าจมูกของนักข่าวหนังสือพิมพ์ พวกเขาไม่รอช้ารีบพิมพ์ข่าวที่สะเทือนวงการนี้ทันที ใช้ตัวหนังสือสีแดงตัวโตพาดหัวข่าว《อดีตประธานเพชรยอดมงกุฎ วันนี้ตกต่ำติดยา》ตีพิมพ์ที่เมืองธิตกล
ข่าวนี้สะพัดไปทั่วถนนและตรอกซอกซอยในเมืองธิตกลอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ก็ทยอยถอนหุ้นไป ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงอย่างมาก
และทั้งหมดนั้น เหล่าผู้ที่อยู่ที่ห้องฉุกเฉินกู้ชีพกษาปณ์นั้นไม่ได้รับรู้เลย
ศุกลช่วยกษาปณ์ให้น้ำเกลือ มองไปยังจอแสดงของเครื่องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจที่ยังเต้นอย่างต่อเนื่อง แล้วจึงวางใจ เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก สั่งกับพยาบาลที่ดูแลกษาปณ์ “นายท่านชีวิตคาบเกี่ยวบนเส้นด้ายจริงๆ ช่วยไว้ได้ก็นับว่าโชคดีมาก จำให้ดี จากนี้อย่าให้ท่านมีอารมณ์ไม่ดีหรือหวาดกลัวอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็สุดกำลังจะช่วยได้แล้ว”
ถ่ายทอดคำสั่งทั้งหมดเสร็จ ศุกลก็เดินออกจากห้องผู้ป่วย เหล่าพยาบาลเองก็ตามไปจัดเตรียมยาที่จะให้หลังจากให้น้ำเกลือแล้ว
ศุกลเดินไปถึงประตู พูดกับนาราที่เอนตัวพิงกับกำแพง “ไม่เป็นไรครับ นายท่านพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“ ดีแล้วล่ะค่ะ ไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ เฮ้อ”นาราถอนหายใจยาว วันนี้กษาปณ์กับคณพศพักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยสองห้องที่ตรงข้ามกัน มันน่าเศร้าใจจริงๆ
ศุกลเองก็ทำตัวไม่ถูก แต่ทันใดนั้นเขาก็พบว่าไร้เงาของวิษณุส์ที่มาด้วยกันกับกษาปณ์แล้ว จึงถามอย่างประหลาดใจ “จริงสิ ทำไมไม่เห็นวิษณุส์เลย?”
นาราเพิ่งจะพบว่า วิษณุส์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ เธอส่ายหน้า “ใครจะไปรู้ล่ะคะ? หมอนั่นมีแผนการบางอย่าง ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่”
คำพูดนั้นถูกนาราเอ่ยออกมาแล้ว สิ้นเสียงของเธอ ยชญ์ก็โทรศัพท์เข้ามา
นารารับสาย เสียงเป็นกังวลของยชญ์ดังออกมา “น้องสะใภ้ ไอ้วิษณุส์มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว! เขาประกาศออกไปว่าคุณชายสามติดยาเสพติดร้ายแรง ไม่ใช่แค่ชิงตำแหน่งประธานบริษัทไป ยังล้างสมองให้ทุกคนเทขายหุ้นของบริษัทไปอีก ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ตกฮวบ ฉันล่ะอยากฆ่ามันซะจริงๆ !”
นาราอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงเลยว่าความพยายามตั้งนานขนาดนี้ ข้างนอกเกิดเรื่องตั้งมากมาย เธอกลัวว่ายชญ์จะไปก่อเรื่องกับวิษณุส์เข้าจริงๆ จึงรีบพูด “ยชญ์ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องวิษณุส์ก่อน ตอนนี้ที่สำคัญที่สุด คือรีบตามหาเมษา เรื่องพวกนี้รอให้คณพศตื่นแล้วค่อยจัดการ เชื่อมั่นรอเขาตื่นขึ้นมา พวกนี้ก็จะไม่ใช่ปัญหา”
ขอแค่เขาตื่นขึ้น โลกของเธอก็จะนิ่งสงบ นอกจากนี้ทุกคนบนโลกก็จะสงบสุข
เขาคือราชา คือพระเจ้าผู้ถือครองทุกสรรพสิ่ง เธอเชื่อในตัวเขา เธอเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องรอดไปได้แน่!
ยชญ์เห็นด้วยกับนาราอย่างเต็มที่ “ ใช่ๆๆ น้องสะใภ้พูดถูกแล้ว เธอคงคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตอนนี้ฉันจะตามหาเมษาต่อไป หล่อนน่ารังเกียจยิ่งกว่าวิษณุส์ซะอีก!”
นาราวางสาย แล้วจึงมองไปทางศุกล กระซิบเสียงเบา “เรื่องนี้จะให้คุณท่านรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงโกรธจนอาการกำเริบ”
ศุกลพยักหน้า “ใช่แล้ว คุณผู้หญิงวางเถอะ ผมจะปิดข่าวนี้ไว้”
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้นั่นคือ ทุกอย่างมันสายไปซะแล้ว
ตอนนี้ที่พวกเขาคุยเรื่องพวกนี้กันอยู่ข้างนอกห้องผู้ป่วย กษาปณ์ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว โทรศัพท์มือถือของเขาวางอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ด้วยความวุ่นวายของบริษัท ผู้ถือหุ้นของบริษัทหลายคนได้โทรมาหาเขาแล้ว
เขายกมือถือขึ้น “ฮัลโหล?”
“คุณกษาปณ์ คุณจะอธิบายเรื่องที่คณพศหลานชายของคุณติดยาเสพติดว่ายังไง ตอนนี้บริษัทกำลังเผชิญกับความวุ่นวาย หุ้นตก วิษณุส์ยึดอำนาจ เรื่องนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ….. “
เขายังไม่ได้ฟังสายของผู้ถือหุ้นจนจบ ก็หมดสติไปอีกครั้ง มือถือในมือของเขาตกลงกับพื้น…..
“ปี๊บ——ปี๊บ——ปี๊บ——”
จอแสดงผลส่งเสียงสัญญาณดังชัด ศุกลและนาราตกใจรีบหันไปมองห้องผู้ป่วยของกษาปณ์ จึงพบว่ากษาปณ์กำลังกุมหัวใจทุรนทุรายอยู่บนเตียง
ศุกลวิ่งเข้ามาในห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว เขาทำซีพีอาร์ไปขณะเอ่ยถามซ้ำๆ ไปด้วย “นายท่าน เป็นอะไรไปครับ? ไม่สบายตรงไหน?”
อย่างไรก็ตามเส้นในจอแสดงผลก็ค่อยๆ กลายเป็นเส้นตรง เสียงสัญญาณเตือนยังคงดังชัดในหู
ผู้ช่วยแพทย์ทยอยกันเข้ามา ช่วยศุกลเริ่มทำการช่วยชีวิตกษาปณ์
“อัตราหัวใจ……”
“เตรียมเครื่องช่วย……”
นารามองอยู่ข้างๆ อย่างวิตกกังวล ถึงแม้กษาปณ์จะไม่ได้ชอบใจตัวเธอนัก แต่เธอก็ไม่อยากให้คุณตาคนนี้เป็นอะไรไป นอกจากนี้ยังเกิดเรื่องแบบนี้กับคณพศ! ยังไงเขาก็เป็นคุณปู่ของคณพศ ตอนที่คณพศตื่นขึ้นมาเขาจะรับไหวได้ยังไง
ภายในห้องฉุกเฉินยุ่งเหมือนจะพันกันเป็นก้อน เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที แต่กราฟบนจอก็ยังไม่กระตุกขึ้นมาเลย เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ไร้ชีวิต