The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 315 การกลับมาของราชา (2)
ตอนที่ 315 การกลับมาของราชา (2)
ผู้ถือหุ้นลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุม ถึงแม้มูลค่าหุ้นที่พวกเขามีอยู่นั้นจะไม่มาก แต่การที่พวกเขาขายหุ้นออกไป ส่งผลกระทบถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยแน่นอน ห่วงโซ่เงินทุนแตกแบบนี้ บริษัทตระกูลปัญญาพนต์มีหวังจบเห่แน่นอน
วิษณุส์ต้องการแค่จะแสดงอำนาจของตนเอง คิดไม่ถึงว่าผู้ถือหุ้นจะไปจริงๆ เขาทำอะไรไม่ถูกจึงคว่ำโต๊ะโครม “พวกแกก็แค่หาประโยชน์จากบริษัท ไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วยังถือโอกาสตอนคนอื่นตกต่ำมาซ้ำเติมกันอีก น่ารังเกียจจริงๆ”
โต๊ะถูกวิษณุส์คว่ำจนเสียงดังโครม ผู้ถือหุ้นทั้งหลายมองดูวิษณุส์ด้วยสายตาเหยียดหยาม คิดว่าคนอย่างวิษณุส์หมดทางเยียวยาแล้วจริงๆ
“วิษณุส์ จนถึงตอนนี้แล้ว นายยังไม่รู้ถึงความผิดของตัวเองแถมโยนความผิดให้คนอื่น ฉันพูดไม่ออกจริงๆ”
“บริษัทตระกูลปัญญาพนต์เป็นแบบนี้ก็เพราะนาย ทั้งหมดเป็นเพราะนายทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบ ยังมีหน้ามาสั่งสอนคนอื่น ประธานแบบนายคือคนขี้แพ้อย่างแท้จริง!”
“เหอะ พูดกับคนแบบนี้เสียเวลาเปล่า เราจะไม่เอาเงินของเราให้นายอีก นายจะต้องเอามันไปทำให้ไร้ค่าอย่างแน่นอน ไปเถอะพวกเรา!”
วิษณุส์โกรธจนตัวสั่น ซัดหมัดต่อยหน้าผู้ถือหุ้น
“ฉันบอกให้นายไปแล้วหรือ คนไร้ประโยชน์แบบพวกนาย!” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งหลบไม่ทันเลยถูกหมัดของวิษณุส์ซัดเข้าเต็มๆ จนล้มลงกับพื้น ห้องประชุมเต็มไปด้วยความโกลาหล ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ต่างด่าทอวิษณุส์ คนที่ระงับความโกรธไม่ได้พุ่งเข้าไปต่อยวิษณุส์ จำนวนคนที่มากกว่าทำให้วิษณุส์โดนรุมจนล้มลงกับพื้น
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกจากข้างนอก คณพศเดินอย่างสง่าเข้ามาในห้องประชุม เขาไม่มีท่าทีโกรธ ไม่นานเขาก็ระงับความโกลาหลในห้องประชุมได้
ผู้ถือหุ้นทั้งหลายไม่คาดคิดกับการปรากฏตัวของคณพศ เขาไม่มีท่าทีของคนติดยาเลย ทุกคนต่างหันไปมองคณพศ
คณพศมองดูห้องประชุมที่เละเทะจากเหตุที่เกิดขึ้น ในใจรู้สึกเหยียดหยามผู้ถือหุ้นเหล่านี้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ที่นี่คือบริษัท ถ้าจะทะเลาะกันก็ออกไปข้างนอก!”
ผู้ถือหุ้นเมื่อเห็นว่าคณพศโกรธอย่างมาก พวกเขาก็รู้สึกอับอายและเสียหน้า ต่างลุกขึ้นมาและเดินไปหาคณพศ
“ประธาน ทำไมคุณมาที่นี่ได้”
“ใช่ครับ ได้ยิน เอ่อ ได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณสุขภาพไม่ค่อยดี ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรอครับ”
“นั่นสิครับ พวกเรารอให้ประธานกลับมาช่วยบริษัทในตอนนี้ หุ้นของบริษัทร่วงเอาๆ ถ้าเกิดยังเป็นอย่างนี้ต่อไป มีหวังบริษัทต้องแย่แน่ๆ เลยครับ”
“ประธานครับ ในเมื่อคุณแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็รีบกลับมาดูแลบริษัทเถอะครับ พวกเราต้องการประธานมาแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ครับ”
เพื่อผลประโยชน์ตรงหน้า แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีมิตรที่แท้จริง ผู้ถือหุ้นพวกนี้แท้จริงแล้วหมดความเชื่อใจในบริษัทตระกูลปัญญาพนต์แล้ว พวกเขาไม่ยอมให้ธุรกิจของพวกเขาพังพินาศอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้คณพศปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาแล้ว พวกผู้ถือหุ้นต่างไปขอร้องให้คณพศช่วย จนลืมวิษณุส์ไปเลย แถมวิษณุส์ที่โดนต่อยจนจมูกและหน้าบวมเป่งจนไม่สามารถพูดอะไรได้ ที่มุมปากของเขาก็เลือดซิบ
วิษณุส์ลุกขึ้นจากพื้นแบบมึนๆ มองไปยังคณพศที่มีสีหน้าโกรธจัด ทำไมเขาถึงปรากฏตัวที่นี่ได้ เขาไม่ได้ติดยาจนเอาชีวิตไม่รอดแล้วหรือ ทำไมเขาดูเหมือนคนที่แข็งแรงแบบนี้
“คณพศ นายมาที่นี่ทำไม ฉันจะบอกนายไว้นะ ตอนนี้ฉันเป็นประธานของบริษัทนี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย ออกไปซะ!” วิษณุส์พูดและเดินไปหาคณพศ
เขาเดินไปหยุดต่อหน้าคณพศ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ หมัดของคณพศก็ซัดเข้าหน้าเขาเต็มๆ
“กร๊อบ” เสียงดังของวิษณุส์ที่ถูกต่อยจนหัก เลือดกำเดาไหลออกมาแบบไม่หยุด
วิษณุส์กุมจมูกของตัวเอง โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาใช้มือที่เปื้อนเลือดชี้คณพศ “แก ไอ้ระยำ กล้าดียังไงมาต่อยฉัน ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบเข้ามา! ลากไอ้หมอนี่ออกไปที”
วิษณุส์ตะโกนเท่าไรก็ไม่มีใครมาช่วยเขา เขามองไปรอบๆ ด้วยความอับอาย “ไปไหนกันหมด ตายกันหมดแล้วหรือไง ในฐานะของประธานบริษัท ฉันขอสั่งให้พวกแกเอาไอ้คณพศออกไป!”
คณพศมองวิษณุส์ด้วยสายตาเยือกเย็น พูดแบบหยามเหยียด “วิษณุส์ นายใช้ช่วงเวลาที่ฉันป่วยปล่อยข่าวฉาว ตั้งใจจะใส่ร้ายฉัน ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกต่ำ เรื่องพวกนี้ฉันยอมได้ แต่การที่นายทำให้คุณปู่ต้องตาย หมัดนี้เพื่อคุณปู่ที่เลี้ยงดูคนอกตัญญูอย่างนาย!”
ดวงตาที่เยือกเย็นของคณพศ และร่างกายที่ผอมซูบของเขาแสดงถึงความทรมานที่เขาได้ผ่านมา
“อ้อ อีกไม่นานเดี๋ยวตำรวจก็มาจับนานแล้ว ฉันในฐานะประธานบริษัทขอประกาศว่า ฉันขอปลดนายออกจากบริษัท และขอสงวนสิทธิ์อำนาจทุกอย่างที่นายมี ต่อไปนายก็ไปใช้ชีวิตในคุกซะเถอะ!”
“ไม่ ไอ้คณพศ ไอ้ระยำ เพราะแกเสพยาจนไม่มีสติ ฉันเลยต้องมาแบกปัญหาพวกนี้ แล้วการที่คุณปู่ตายก็เพราะแก! แล้วนี่นายจะมาลอบกัดฉันหรอ แกนี่มันหน้าเนื้อใจเสือจริงๆ แกกับฉันไม่ใครก็ใคร ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง” วิษณุส์พูดและซัดหมัดหวังจะต่อยคณพศ
คณพศรับหมัดของวิษณุส์ได้อย่างง่ายดาย ผลักเขาจนเซไปอีกทาง “ไอ้ตัวตลก ไม่ต้องมาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก รปภ. เอามันออกไปส่งสถานีตำรวจ”
สิ้นเสียงของคณพศ รปภ. ที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ลากวิษณุส์ออกไป
วิษณุส์พยายามสะบัดออก “ปล่อยฉัน พวกแกปล่อยฉัน! ฉันคือประธานของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ไอ้คณพศมันไม่ใช่โว้ย ทางที่ดีพวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะไล่พวกแกออก!”
ผู้คนในที่นั้นต่างก็มองวิษณุส์ด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ไอ้คณพศ แกทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะไม่ปล่อยแกแน่ ฉันสัญญา ฉันจะทำให้แกอับอายมากกว่าฉันอีกหลายเท่า!”
วิษณุส์ยังคงตะโกนแบบไม่หยุด คณพศทำท่าสะบัดมือเป็นสัญญาณให้รปภ.เอาวิษณส์ออกไป “ต่อจากนี้ไปห้ามไม่ให้วิษณุส์เหยียบเข้ามาในบริษัทแม้แต่ครึ่งก้าว”
“รับทราบครับประธาน” รปภ. ลากวิษณุส์ออกจากห้องประชุม ในขณะเดียวกันประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมตำรวจที่เดินออกมา 2-3 นาย
ตำรวจมาจัดการเรื่องที่คณพศแจ้งไป เมื่อแน่ใจว่าคนที่รปภ.จับอยู่คือวิษณุ รปภ.จึงส่งเขาให้เจ้าหน้าที่จัดการต่อไป
ตำรวจยศสูงคนหนึ่งเดินไปคุยกับคณพศ “ประธานคณพศ เราจะจัดการเรื่องของวิษณุส์ด้วยความเป็นธรรมแน่นอน คุณคณพศวางใจได้”
คณพศพูดคุยกับตำรวจสองสามคำพอเป็นพิธี วิษณุส์ถูกตำรวจจับไปแล้ว หลังจากนั้นคณพศก็เดินกลับไปในห้องประชุม
คณพศยืนอยู่บนโพเดียม มองดูเหล่าผู้ถือหุ้นที่มีสีหน้าไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ช่วงที่ผมป่วยแล้วไปรักษาตัวที่อังกฤษ คิดไม่ถึงว่าวิษณุส์จะปล่อยข่าวฉาวในบริษัท สร้างความเสียหายให้บริษัทไม่น้อย หนำซ้ำยังทำให้คุณปู่ตาย ผมอยากขอโทษทุกคน ณ ที่นี้ ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว ผมอยากบอกทุกคนว่า ถ้าใครยอมฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปกับเราก็ขอให้อยู่ต่อ แต่ถ้าใครไม่อยากอยู่ต่อผมก็ไม่บังคับครับ บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ยืนหยัดมานานหลายปี คงไม่ล้มง่ายๆ เพราะวิกฤตครั้งนี้หรอกครับ