The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 335 ขอให้นาราไปรับแขกที่สนามบิน
บทที่ 335 ขอให้นาราไปรับแขกที่สนามบิน
เคนโด้ยังคงตกใจ แม้แต่พูดยังพูดตะกุกตะกัก “นารา คณพศเขามาแล้ว เขามาทำอะไร จะมาจับเธอกลับไปใช่ไหม?”
“ไม่ใช่” นาราส่ายหัวเบาๆ “หรือจะแค่ความบังเอิญ บริษัทที่ฉันทำงานให้อยากให้บริษัทตระกูลปัญญาพนต์มาลงทุนด้วย ตอนนี้พวกเขามาที่นี่และบอกว่าประธานของเขาอยากคุยกับคนเขียนแบบ คงไม่ได้ตั้งใจมาหาฉันหรอกมั้ง”
แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง ปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น
“จะไปกลัวอะไร เขามาก็มาสิ” เคนโด้ยืดอก “นารา ฉันไม่ได้ดูโง่ๆ เหมือนตอนวัยรุ่นแล้วนะ ฉันปกป้องเธอได้แน่นอนแล้วว่าจะไม่ให้ใครมากลั่นแกล้งเธอได้อีก แม้แต่คณพศก็ไม่ได้”
นารายิ้มอย่างอ่อนโยน “เคนโด้ นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันว่าฉันคุยกับนายยังไม่ชัดเจนพอ คณพศไม่ใช่ไม่ดีกับฉัน ที่ฉันแยกทางกับเขาน่ะเพราะสาเหตุอื่น”
“ไม่ว่าสาเหตุอะไร นารา แยกทางก็คือแยกทาง ถ้าเขายังหน้าไม่อายมาเอาเธอคืน คิดว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น” เคนโด้พูดและมองนาราด้วยตาเป็นประกาย “นารา เธอให้โอกาสฉันสักครั้งไม่ได้หรอ? ฉันก็ทำให้ให้เธอมีความสุขได้นะ”
นารารู้สึกจำใจ “เคนโด้ เราคุยกับดีแล้วไม่ใช่หรอ จะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดหรอ?”
เคนโด้กลัวว่านาราจะรู้สึกไม่ดี เลยเปลี่ยนคำถาม “เอาเถอะ นารา แล้วตอนนี้เธอจะทำอย่างไร จะไปเจอคณพศไหม?”
“ฉัน… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ระหว่างที่เธอกำลังพูดก็ได้ยินเสียงแตรรถจากนอกประตู
เธอหันหน้าไปดู พบว่าวิลเลียมขับรถมาถึงหน้าบ้านเธอแล้ว “Boss มาได้ยังไงคะ?”
วิลเลียมลงมาจากรถ สวมกอดนาราอย่างร้อนใจ “อ้อ คุณดีไซเนอร์แสนสวยของผม เมื่อครู่ผมไม่ได้ยินเสียงคุณจากปลายสายโทรศัพท์ ผมกังวลมาก เลยมารับคุณด้วยตัวเอง รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
นาราเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองทำมือถือตกลงบนพื้น
หน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา “ บอส ขอโทษจริงๆ ค่ะ พอดีเมื่อกี้ เอ่อ ฉันไม่ทันระวังเลยทำมือถือตกพื้นนะค่ะ”
เคนโด้ก้มเก็บมือถือแล้วยื่นให้นารา จากนั้นจึงหันไปคุยกับวิลเลียม “สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของนารา วันนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย คงไปรับแขกที่สนามบินกับคุณไม่ได้แล้ว”
นาราอดไม่ได้ที่จะเบิกตามองเคนโด้ เธอคิดไม่ถึงว่าเคนโด้ จะมาตัดสินใจแทนเธอโดยพลการแบบนี้
วิลเลียมที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน นึกว่าเคนโด้จะเป็นแฟนของนาราซะอีก จึงยิ้มขึ้นมาทันที “อ้อ จริงๆ แล้วคุณดีไซเนอร์ไม่ค่อยสบายนี่เอง ผมขอโทษจริงๆ แต่ว่าประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์เขาอยากเจอดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบภาพเหล่านั้น นี่…”
เห็นสีหน้าลำบากใจของวิลเลียมแล้ว นาราลังเลเล็กน้อย “หรือว่า… จะให้ฉันไปกับคุณคะ?”
“ไม่ได้นะนารา!” เคนโด้ห้ามนาราเสียงดัง “เธอไปไม่ได้นะ ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกฉันครั้งก่อนว่าเธอรับผิดชอบแค่การออกแบบ ไม่ต้องไปออกงานคบค้าสมาคม อีกทั้งพวกเขาก็ตอบตกลงเธอแล้วด้วย พวกเขาไม่สามารถมาบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่สมัครใจ”
เคนโด้หันหน้าไปหาวิลเลียม “คุณว่าจริงไหม?”
“เรื่องนี้ เอ่อ…” วิลเลียม เก้ๆ กังๆ จนพูดไม่ออก จริงๆ แล้วเงื่อนไขนี้เราคุยกันดีแล้ว ตอนนี้เขามาขอให้นาราไปสนามบินกับเขา เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำ
นาราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เธอยังไปเจอคณพศไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาถ้าเจอเธอแล้ว ต้องคิดวิธีที่จะทำให้เธอกลับไปกับเขาแน่นอน
เธอหันไปหาวิลเลียม ที่มีความลำบากใจ “ บอส แบบร่างพวกนี้ คุณเจมม่า รับผิดชอบอยู่ทั้งหมดไม่ใช่หรอคะ? งั้นก็หมายความว่าเธอเป็นดีไซเนอร์ของแบบร่างพวกนี้ อีกทั้งฉันยังสามารถทำงานให้พวกคุณต่อได้ โดยไม่ต้องออกไปพบปะกับใคร ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
วิลเลียมอึ้งจนปากค้าง สำหรับดีไซเนอร์แล้ว ใครจะไม่อยากได้คำชื่นชมกันล่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนแบบนารา ยอมหลบซ่อนตำแหน่งของตัวเองอยู่หลังม่านแล้วให้ผู้อื่นได้รับคำชื่นชมแทน
“แต่คุณดีไซเนอร์ ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณงามความดีของคุณก็จะถูกคนอื่นเอาไปครอบครอง อีกทั้งถ้าพวกเราได้ร่วมงานกับบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ มันต้องมีสักวันที่ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกเปิดเผย” วิลเลียมรู้สึกว่าเขาต้องพูดเรื่องนี้กับนาราให้รู้เรื่อง
นารายิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกันคะ มันก็แค่ชื่อที่แต่งขึ้นเท่านั้น แรงกายที่ฉันเสียไปก็สมกับเงินเดือนที่ได้รับ ได้วาดรูปอย่างสบายใจ อีกทั้งยังไม่ต้องไปออกงานคบค้าสมาคมกับคนอื่น ฉันรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ สำหรับเรื่องข้อมูลของฉันที่จะถูกเปิดเผยนั้น คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ค่ะ”
แม้ว่าวิลเลียม จะไม่เข้าใจความคิดที่ยืดยาวเช่นนี้ แต่เขาก็เคารพความปรารถนาของเธอ
“โอเค ในเมื่อคุณยึดมั่นในความคิดเช่นนี้แล้ว งั้นฉันพาเจมม่าไปต้อนรับประธานของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ที่สนามบินแทนเธอเป็นการชั่วคราวก่อนละกัน”
พูดจบวิลเลียมก็ขับรถออกไป เครื่องบินของประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ใกล้จะถึงแล้ว เขาต้องรีบไปให้ถึงสนามบินก่อน เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจ สำหรับการร่วมงานกับบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ครั้งนี้ เขามีเป้าหมายชัดเจนอยู่ในใจแล้วว่าต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!
เมื่อเห็นรถของวิลเลียมหายลับไปจากมุมถนนอย่างรวดเร็ว ในใจลึกๆ ของเธอก็เกิดเสียงถอนหายใจที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
เธอถอนหายใจเงียบๆ อยู่คนเดียว บางทีในจิตใต้สำนึกของเธอ จริงๆ แล้วอยากเจอคณพศ ถึงแม้ปกติแล้วเธอจะเห็นเขาผ่านอินเทอร์เน็ตไม่น้อย แต่ในความเป็นจริง เธอไม่ได้เจอคณพศนานมากแล้ว
พูดจากใจจริง เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน คิดถึงเขาจนไม่อาจลืมได้
แต่เธอไม่กล้าไปพบหน้าคณพศ เพราะเธอกลัวว่าคำสาบานที่เธอเคยสาบานไว้จะเป็นจริง แม้จะมีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิด แต่เธอจะไม่ยอมให้มิราลูกของเธอเป็นอันตรายเด็ดขาด
ไม่เด็ดขาด!
เคนโด้เห็นสีหน้าของนาราที่กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย เขาเห็นแววตาของนาราก็รู้แล้วว่านารายังคิดถึงคณพศอยู่
ความจริงนี้ทำให้เคนโด้เกิดความกลัวขึ้นมา กลัวว่านาราจะใจอ่อนยอมกลับไปอยู่ข้างกายคณพศ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจแทนเธอโดยพลการ ปฏิเสธคำขอร้องของวิลเลียมไป
“นารา ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันเห็นแก่ตัวไปใช่ไหม?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโทษตัวเอง
นารายิ้มให้และส่ายหัว “ไม่หรอก นายทำดีแล้วเคนโด้ ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้จะปฏิเสธคำขอร้องของวิลเลียมยังไงเหมือนกัน โชคดีที่นายช่วยฉันไว้ ขอบคุณนะ”
เห็นรอยยิ้มที่นาราแค่นออกมา ไม่ได้แสดงถึงรอยยิ้มที่แท้จริง เคนโด้รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจ หกปีก่อน คณพศมาสู่ขอเธอ ในตอนนั้นเขาไม่ได้พูดอะไร มองดูนาราที่นับวันซูบผอมลงและไม่ค่อยพูด แม้กระทั่งเกือบจะเสียชีวิตในทะเล
หกปีต่อมา เขาที่คิดว่าในที่สุดตัวเองก็มีโอกาสกลับมาพบกับนาราเพราะชะตากรรมกำหนดไว้ แต่คณพศกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาทำได้เพียงเงียบงั้นหรอ?