The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 342 นอกจากเล่ห์อุบายก็ไม่มีอะไรอื่น
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 342 นอกจากเล่ห์อุบายก็ไม่มีอะไรอื่น
ตอนที่ 342 นอกจากเล่ห์อุบายก็ไม่มีอะไรอื่น
วิลเลียม เครียดจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก โดยที่เขาไม่สนใจจะเช็ดมันออก แล้วตามอธิบายซ้ำไปซ้ำมากับคณพศและยชญ์อยู่ข้างหลัง “ประธานคณพศ คุณยชญ์ ผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้นจริงๆ นะครับ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ได้โปรดฟังผมก่อน….”
คณพศและยชญ์ที่ตีสีหน้าเย็นชา เดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดฝีเท้า โดยไม่สนใจ วิลเลียม ที่พยายามจะอธิบายอยู่ข้างหลังพวกเขาเลย
พวกคณพศออกจากงานเลี้ยงไปอย่างเย็นชา วิลเลียม กระวนกระวายจนอยู่ไม่ติด เขากังวลว่าน้องสาวของตัวเอง เจมม่า จะไปเมืองธิตกลกับคณพศจริงๆ ถึงตอนนั้นถ้าถูกคณพศพบเข้าว่าตัวเขาโกหก งั้นความร่วมมือเหล่านี้ก็คงจะไม่เหลืออีกแล้ว
ไม่มีทางเลือก วิลเลียม โทรหานารา หวังว่าเธอจะสามารถช่วยให้เขาผ่านวิกฤตนี้ไปได้
นาราในขณะนั้นกำลังนั่งอยู่ในสวนเล็กๆ ของตัวเอง รายล้อมด้วยกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา เมื่อมองดูพืชไม้นานาพันธุ์ที่อาบอยู่ใต้แสงจันทร์ หัวใจของนาราดำดิ่งสู่ความเศร้า
คณพศมาแล้วสินะ?
เพราะเขาเห็นแบบร่างนั้น ถึงได้มาโรมเพื่อตามหาเธอจริงๆ งั้นเหรอ?
แต่ว่า ขอโทษนะคณพศ ก่อนนี้เธอถูกเมษาบังคับให้ต้องเอ่ยคำสาบานหนักอึ้งแบบนั้นไปแล้ว ไม่สามารถให้เขาเจอกับเธอได้อีกแล้ว เธอเองก็ไม่อาจจะกลับไปกับเขาได้อีก
แล้วยังมิรา ไม่รู้ว่าเธอไม่อยู่มาหนึ่งปีนี้ เขาจะโตขึ้นบ้างไหมนะ? ปกติจะเชื่อฟังรึเปล่า จะคิดถึงหม่ามี๊รึเปล่านะ?
นาราที่กำลังครุ่นคิดอยู่ในภวังค์ความเศร้านั้น เคนโด้ก็กลับมาจากข้างนอกแล้ว ในมือถือกล่องขนมหวานสวยหรู และยังมีนมสดอีกสองแก้ว ถามกับนาราที่กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้อย่างอ่อนโยน “เธอคงจะไม่ได้กินข้าวเย็นสินะ? ตอนที่ฉันกลับมาระหว่างทางผ่านร้านขนมหวานพอดี ก็เลยซื้อติดมือมานิดหน่อย เร็วเข้า มาดูกันว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง”
นาราสลัดความคิดในหัวออก ก่อนยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เอน แล้วรับนมสดที่เคนโด้ส่งให้ เอ่ยออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณนะ”
เคนโด้วางกล่องขนมหวานในมือไว้บนโต้ะข้างๆ นารา เขาแกะกล่องขนมพลางพูดอย่างช้าๆ “ยัยบ้า พวกเราสองคนมีอะไรต้องมาขอบคุณที่ไหนกัน? ลืมแล้วเหรอ เมื่อก่อนฉันก็ซื้อกลับมาฝากเธอแบบนี้ตลอดนั่นแหละ”
นาราจิบนมสดไปคำหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รสชาติเหมือนที่เคยลิ้มในอดีต
ใช่แล้ว ยังจำเวลานั้นที่พวกเขายังอยู่ที่โรงเรียน ช่วงเวลาวัยรุ่นอันไร้ซึ่งความกังวล สามารถที่จะไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องพิจารณาอะไรให้มากมาย ขอแค่มีความสุขก็พอแล้ว แต่ว่า ในตอนนี้ทั้งหมดนั้นไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก
เคนโด้ตัดเค้กชาเขียวจากกล่องขนมเป็นชิ้นเล็กให้นารา แล้วส่งให้เธออย่างระมัดระวัง “เธอนี่ ชอบกินข้าวไม่ตรงเวลาอยู่เรื่อย ดูสิผอมจนดูไม่ได้แล้ว เอ้า โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าควรดูแลตัวเองยังไงเลยซะนี่”
นารารับเค้กชาเขียวมา ขณะจะเอ่ยขอบคุณอย่างเคยชิน ก็กลัวเคนโด้จะบ่นเอา จึงกลืนคำพูดนั้นลงไปซะ จากนั้นจึงก้มหน้ากัดเค้กชาเขียวไปคำเล็กๆ
เค้กตกลงท้อง รสชาตินั้นช่างหอมหวานกลมกล่อม ทำเอาอารมณ์ของนาราดีขึ้นมาในทันที มุมปากแย้มยกเล็กน้อย “อื้ม อร่อยดีนะ”
“แน่นอนสิ ดูซะบ้างว่าใครเป็นคนซื้อมา”เคนโด้พูดจบ ก็หันไปเห็นครีมติดอยู่ที่มุมปากของนารา จึงยื่นมือไปเพื่อจะช่วยเช็ดออกให้โดยไม่คิดอะไร
แต่เมื่อนิ้วมือของเขาสัมผัสผิวของนารา กลับหลงเหลือความรู้สึกคิดถึงยากจะถอนออก สัมผัสละเอียดเนียนนุ่มนี้ ทำให้เขาอ้อยอิ่งอยู่นานก่อนจะละมือออกมา
นาราชะงักอึ้ง ร่างสูงของเคนโด้โค้งตัวลงมาตรงหน้าเธอ สีหน้าของเขาตกตะลึงไปเล็กน้อย สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของเธอ บรรยากาศเริ่มจะอึดอัดเล็กน้อย
เคนโด้สับสนไปชั่วขณะ นี่คือผู้หญิงของเขา คือผู้หญิงที่เขาคอยถนุถนอมมาตั้งแต่เด็กจนโต ผ่านไปหกปีแล้ว เธอก็ยังคงงดงามอยู่เคียงข้างเขา
เขายกมือคิดจะสัมผัสผิวของเธออีกครั้ง
“บ่อน้ำแห่งความสุขซึ่งปลูกความฝันนั้นได้กลายเป็นมหาสมุทร เบิกตาอ้าปากร้องเสียงเพลงให้ดังลั่น….””
(music: กบกระโดด )
ในตอนนั้นโทรศัพท์ของนาราก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบที่ทำให้แทบหายใจไม่ออกระหว่างทั้งสองลง เคนโด้ค่อยๆ ลดมือลง “เอ่อ ฉัน ฉันจะไปหยิบกระดาษเช็ดปากให้เธอนะ”
ว่าจบก็รีบเดินออกไป
เมื่อแผ่นหลังที่ดูลุกลี้ลุกลนอยู่หน่อยๆ ของเคนโด้ นาราก็อดรู้สึกในใจไม่ได้ เธอรู้เรื่องที่เคนโด้คิดกับเธอดี บางที ตอนแรกเธอคงจะคิดอะไรไร้เดียงสาเกินไป ไม่ควรให้เคนโด้ขยับเข้ามา…..
แบบนี้มันเป็นการให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับเขา และให้สัญญากับเขาอีกครั้ง
“ฉันจะสามารถบินไปยังดวงตะวันด้วยปีกเล็กๆ ของฉัน ฉันเชื่อว่าปาฏิหาริย์นั้นอยู่ในตัวของฉัน”โทรศัพท์ยังคงส่งเสียงดังไม่หยุด นาราทิ้งความคิดนั้นไว้ชั่วคราว แล้วกดปุ่มตอบรับ “ฮัลโหล? ใครคะ?”
น้ำเสียงกระวนกระวายของ วิลเลียม ดังออกมา “ดีไซเนอร์นารา คุณอยู่ที่บ้านรึเปล่า”
หัวใจของนาราแทบกระโดดออกมา เธอรู้สึกได้ว่า วิลเลียม หาตัวเธอต้องมีเรื่องอะไรแน่ “Boss มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“คืออย่างนี้ นารา คุณมาที่งานเลี้ยงตอนนี้เลยได้รึเปล่า? หรือให้ผมไปรับคุณมาไหม?” วิลเลียม พูดกับนาราอย่างระมัดระวัง
“เอ้ะ? ทำไมเหรอคะ? ที่นั่นเกิดปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?”นารานึกว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคณพศซะอีก ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เธอก็ไม่อยากไป “คุณ วิลเลียม พวกเราคุยกันแล้วนะคะ ฉันเป็นเพียงจิตรกรเบื้องหลังผู้ออกแบบงานศิลปะเท่านั้น กิจกรรมอื่นๆ ของบริษัทนั้น ฉันไม่ขอเข้าร่วมทั้งสิ้น”
“แต่ว่า” วิลเลียม อายเกินกว่าที่จะเอ่ยโน้มน้าว ใช่ สัญญาที่เขาให้กับนาราตอนที่มาสมัครนั้นไม่มีเงื่อนไขอื่น นอกจากเงื่อนไขข้อเดียวว่าเธอจะไม่ขอมีส่วนร่วมกับงานปฏิสัมพันธ์สมาคมใดๆ ของบริษัท ตอนนั้นเขาได้ตกปากรับคำไปแล้ว ตอนนี้จะให้เธอมาก็คงจะยาก ไม่ใจดีสักหน่อยเลยจริงๆ นะ
“เฮ้อ…..” วิลเลียม ถอนหายใจยาว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ช่างเถอะ ผมค่อยคิดหาวิธีอื่นเอาก็ได้”
เขาแค่อยากให้นารามายอมรับว่า BYLนั้นออกแบบโดยเธอ ไม่ใช่ เจมม่า แบบนั้นอนาคตของบริษัทก็คงจะไม่เกิดเรื่องอะไร
ตอนนี้ เจมม่า หลงเสน่ห์ของคณพศจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว เขากังวลว่าเมื่อเรื่องถูกเปิดเผยจะไม่สามารถรับมือได้
วิลเลียม เก็บโทรศัพท์ลงอย่างช่วยไม่ได้ เขามองลงไปยังด้านล่าง เห็นน้องสาวของตัวเองกำลังเดินอยู่ข้างๆ คณพศ รู้ได้เลยว่าเธอมีใจให้กับคณพศจริงๆ
ว่ากันตามเหตุผลแล้วการแต่งงานทางธุรกิจเป็นการได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ว่า ในฐานะจิ้กจอกเฒ่าที่โลดแล่นในวงการธุรกิจมาหลายปี วิลเลียมไม่เห็นแม้ร่องรอยของความรักในแววตาของคณพศเลยสักนิด
เมื่อผู้ชายคนหนึ่งเชื้อเชิญหญิงสาวโดยไร้ซึ่งความรักนั้น นอกเสียจากแผนเล่ห์อุบายแล้วก็เป็นอื่นไม่ได้อีก
เขาจะต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ ยับยั้งน้องสาวที่จะบินเข้ากองไฟเอาไว้
คิดได้ดังนั้น วิลเลียม เร่งฝีเท้าตาม เจมม่า ไป ไม่ได้ เขาต้องเคาะปลุกยัยน้องสาวที่กำลังหน้ามืดตามัวนี่!
ส่วนอีกด้าน ความโศกเศร้าของนารากลับมาอีกครั้ง
เธอมองมือถือในมืออย่างว่างเปล่า เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเมื่อครู่ วิลเลียม บอกจะให้เธอไปทำอะไรที่งานเลี้ยง
หรือว่า จะเกี่ยวกับคณพศจริงๆ ?
ไม่ ไม่ห