The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 345 ชัดเจนว่าอยากจะอยู่ถาวร
ตอนที่ 345 ชัดเจนว่าอยากจะอยู่ถาวร
เขาอยากจะหาผู้หญิงสักคนที่เหมือนกับนาราเหมือนคณพศ อยู่เคียงข้างเขาอย่างอบอุ่นอ่อนโยน ความคิดนี้เขาเก็บไว้แค่ในใจ ถ้าถูกคณพศรู้เข้า ต้องโดนฆ่าตายแน่!
ราตรีดึกสงัด ค่ำคืนอันหนักหน่วงซุกซ่อนอารมณ์ที่แตกต่างกันของทุกคน แล้วค่อยๆ พาเข้าสู่ภวังค์ฝัน
แต่ในขณะเดียวกัน ณ สหราชอาณาจักรซึ่งเวลาช้าว่าโรมหนึ่งชั่วโมง ไลลากำลังนอนอยู่บนเตียงกว้างอย่างกระอักกระอ่วน ใบหน้าแดงเห่อไปหมด
เธอเพิ่งจะให้นมลูกเสร็จ มองใบหน้าสีชมพูน้อยๆ ของเจ้าตัวเล็ก จิตใจก็สงบขึ้นมา แต่ว่า แต่ว่าทั้งหมดนี่มันเริ่มต้นมาจากเคลลี่ลั่วเจ้าคนไร้ยางอายนั่น
ในตอนที่เธอกำลังติดกระดุมผ้ากันเปื้อน เจ้าคนหน้าหนานั่นก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ถอดผ้ากันเปื้อนที่เธอเพิ่งจะใส่ออกอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ขึ้นคร่อมมาได้หน้าไม่อาย
แม้ว่าไลลาจะต่อต้านสุดแรง แต่ด้วยร่างกายเล็กๆ ของเธอ มันไม่มีผลอะไรกับคนถึกทึนอย่างเคลลี่ลั่วเลยสักนิด แถมเขายังเข้าข้างตัวเองเต็มที่ ลูกยังกินไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ
ไลลาถูกเขากดร่างลง ทั้งยังไม่กล้าส่งเสียงดัง กลัวว่าจะปลุกลูกน้อยที่เพิ่งกินอิ่มหลับไปจะตื่นขึ้นมา เธอใบหน้าแดงเถือกทุบหลังเขาด้วยกำปั้นเล็กๆ นั้นไม่หยุด
“ชู่ว ไลลาคนดีของผม คุณทำอย่างนี้เดี๋ยวผมก็สำลักหรอก”เคลลี่ลั่วเงยหน้าขึ้นพูดพึมพำ กลัวว่าจะทำอาหารของลูกชายหกสูญเปล่า ก่อนซุกหน้าลงไปกับอกดั่งปทุมถันขาวนวลของไลลาอีกครั้ง
เมื่อมองไปยังหัวที่ปกคลุมด้วยผมดกที่ไล้อยู่ใกล้ลำคอของตัวเอง ไลลายื่นมือไปบิดหูของเขา แล้วกระซิบเบาๆ “เคลลี่ลั่ว ฉันไว้หน้าคุณแล้วใช่ไหม? คุณนี่นับวันจะยิ่งเอาใหญ่แล้วนะ!”
เคลลี่ลั่วถูกดึงออกจากทรวงอกของไลลาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนส่งสายตาน้อยใจให้กับไลลาอย่างไม่พอใจ และเต็มไปด้วยความทักท้วง “ที่รัก คุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไงกัน คนอื่นเค้าไม่อยากให้คุณอึดอัดแท้ๆ กลัวว่าจะรู้สึกไม่สบายตัว แต่คุณน่ะ ไม่มีน้ำใจไม่ว่า ตอนนี้ยังมาตำหนิผมอีกเหรอ? คุณรู้รึเปล่าว่าผมต้องแบกความกดดันไว้เท่าไหร่?”
ว่าดังนั้น เคลลี่ลั่วก็จับมือของไลลา เอามาไว้ที่ส่วนใต้สะดือของตัวเองอย่างหน้าไม่อาย
มีที่ไหนไลลาจะไม่รู้ความคิดของเขา เธอออกแรงชักมือกลับมา แต่พยายามอยู่นาน สุดท้ายก็ดึงกลับมาไม่ได้ กลับกันถูกเคลลี่ลั่วดึงไปสัมผัสยังส่วนอ่อนไหวที่สุดของเขา
“เคลลี่ลั่ว คุณนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ รีบปล่อยฉันเลยนะ”ไลลากระซิบเสียงเบา
เคลลี่ลั่วยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไลลา ผู้ชายก็ต้องหน้าหนาแบบนี้แหละ ไม่อย่างนั้นจะสืบสกุลได้ยังไงล่ะ! ผมว่าลูกเราคนเดียวคงจะน้อยไปจริงๆ คุณพร้อมจะคลอดทีมฟุตบอลให้ผมรึยัง?”
“เฮ้ย! นายคิดว่าฉันเป็นแม่หมูรึไง?!”ไลลาดุเคลลี่ลั่วเบาๆ ยื่นมือไปคิดจะผลักเขาออก “น่าเกลียด ลุกออกไปนะ!”
“ไม่เอา ไลลาที่รัก ดูสิแสงจันทรข้างนอกสวยออกขนาดนี้ พวกเราสองคนต้องคุยเรื่องดีๆ กันสิ”เคลลี่ลั่วเอ่ยเบาๆ โอบกอดไลลา ก่อนประทับจูบนุ่มนวล
จุมพิตของเขาเพียงเพิ่งเริ่มบรรจง ไม่นานก็ไม่อาจทนไหว เขาดูดดึงริมฝีปากของเธออย่างดุดัน สอดแทรกผ่านซี่ฟัน กวัดเกี่ยวลิ้นเล็กของเธอ
ไลลาจะต้านทานการรุกล้ำที่ทรงนี้ของเขาได้ยังไง เพียงชั่วขณะร่างกายก็อ่อนระทวยเหมือนน้ำ
เคลลี่ลั่วถอดสิ่งกีดขวางทิ้งไปอย่างรวดเร็ว “ที่รัก พวกเรามาทำลูกกันต่อนะ”เมื่อเอ่ยจบก็ได้ครอบครองหญิงสาวเข้าไปเรียบร้อยแล้ว…..
แสงจันทร์สลัวลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ฉาบแสงสีเงินสู่ทุกสิ่ง และในห้องที่อุณหภูมิกำลังพุ่งสูง ใบไม้ผลิก็แย้มบาน
ไลลาไม่รู้ว่ากี่ครั้ง จนเมื่อลูกน้อยเริ่มส่งเสียงร้อง ชายหนุ่มบนร่างจึงได้ยอมถอนกายออกไป
เธออยากจะไปอุ้มลูก แต่แม้กำลังจะพลิกตัวก็ยังไม่มี
ได้ยินเพียงแค่เสียงแผ่วเบาของเคลลี่ลั่วที่เอ่ยปลอบทารกน้อย “เป็นเด็กดีนะ ลูกพ่อ หม่ามี๊ของลูกเหนื่อยแล้ว อยากโดนตีไหม ถ้ายังร้องอีกพ่อจะเอาลูกไปโยนทิ้งไว้ข้างถนนแล้วนะ”
ก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยเข้าใจคำพูดของเขา หรือกลัวจะถูกทิ้งจริงๆ ไม่นานก็หยุดร้อง ลืมตากลมโตจ้องมองเคลลี่ลั่ว
เมื่อไลลาไม่ได้ยินลูกร้อง ก็ค่อยๆ หลับไป หลังเคลลี่ลั่วกล่อมลูกจนหลับแล้วก็วางลงในเปล
เขาค่อยๆ เอนกายลงนอนข้างๆ ไลลาอย่างช้าๆ โอบเอวของเธอ สูดกลิ่นหอมจากกลุ่มผมนุ่ม แล้วหลับตาลงอย่างมีความสุข
*
โรม
เวลาฟ้าสาง คณพศและยชญ์ที่นอนหลับอย่างเต็มอิ่มกำลังอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวลำที่พวกเขานั่งตอนขามา
คณพศนั่งอย่างสบายๆ อยู่บนเบาะหนังแท้ พลางถามอย่างเกียจคร้าน “ยชญ์ เจมม่า คงตื่นไม่ทันซะล่ะมั้ง?”
“ไม่หรอก ฉันกล้ายืนยันได้เลยว่าตอนนี้เธอต้องกำลังเติมมเครื่องสำอางค์อยู่แน่ คณพศ นายดูถูกคาริสม่าของนายเกินไปแล้ว ตอนนี้ถึงนายอยากจะขาย เจมม่า ก็ยังน่ากลัวว่าเธอจะช่วยนายนับเงินเลยด้วยซ้ำ”
ขณะยชญ์กำลังพูด หางตาก็เห็น เจมม่า ที่รีบสับขาเดินมาแต่ไกล ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โบกไม้โบอกมือให้กับคณพศ “นั่นไง พูดถึงก็มาเลย”
คณพศหันไปมองด้านข้าง อย่างที่คาด ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนั่นก็คือ เจมม่า ที่กำลังเดินมาอย่างเร่งร้อน ด้านหลังเธอยังมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินอยู่อีกสองคน ซึ่งกำลังช่วยเธอเข็นกระเป๋าสัมภาระอีกกว่าสิบใบ
ยชญ์มองกระเป๋าสัมภาระกองพะเนินแทบจะสูงท่วมกหัวพวกนั้น แล้วส่ายหน้าช้าๆ อย่างเสียดสี “สภาพนี้ ชัดเลยว่าอยากจะอยู่ถาวร! นายเสร็จแน่!”
คณพศเหลือบมองอย่างเย็นชา ก่อนละสายตามาด้วยความอดทน แล้วปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไร
เขาแค่ต้องการให้เจมม่า เผยออกมาว่าเจ้าของผลงานที่แท้จริงของงานออกแบบชิ้นนั้นคืนใครก็เท่านั้น ส่วนอย่างอื่น เขาไม่สน
เพียงพริบตา เจมม่า ก็เดินมาถึงประตูขึ้นเครื่องแล้ว และกำลังเดินตามบันไดเข้ามา
เจมม่า ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร มองเห็นคณพศที่ดูสดชื่น อารมณ์ก็พลันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ชายหนุ่มรูปงามขนาดนี้ คุ้มกับที่เธอตื่นขึ้นมาขัดสีฉวีวรรณแต่งตัวแต่งหน้าตั้งแต่ดึกดื่นจริงๆ
“ไฮ อรุณสวัสดิ์!” เจมม่า พูดพลางส่งจูบให้กับคณพศ
คณพศขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าขอบคุณไปตามมารยาทอย่างเป็นสุภาพบุรุษ “อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้คุณสวยมาก”
นั่นเป็นเพียงคำที่คณพศพูดไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ เจมม่า กลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เธอมาอยู่ข้างคณพศอย่างถือวิสาสะ ลืมแม้กระทั่งจะทักทายยชญ์ที่นั่งอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันไปแล้ว
“ประธานคณพศ ดูเหมือนว่าคุณว่าอารมณ์ดีนะคะ หล่อจนทำให้หัวใจสาวน้อยของฉันแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว” เจมม่า เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ไม่คิดจะปกปิดความหลงใหลของตัวเองที่มีต่อคณพศเลยสักนิด
เมื่อได้ยินทั้งหมดนั้นคณพศก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ขมวดคิ้วน้อยๆ อีกครั้ง แล้วพูดเบี่ยงประเด็น “คุณ เจมม่า เมื่อครู่ผมเห็นว่าคุณพาสัมภาระมาเยอะมากเลยนะครับ? ความจริงคุณไม่ต้องเอาของไปมากขนาดนั้นก็ได้ ถึงประเทศจีนแล้วถ้าต้องการอะไรก็บอกยชญ์ เขาจะช่วยจัดหามาให้ได้”
เดิมคณพศก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง แต่ เจมม่า กลับหัวใจพองโต แววตาของเธอส่องเป็นประกายวิบวันขึ้นมาทันที
พระเจ้า นี่ประธานคณพศอยากจะดูแลเธอเป็นพิเศษงั้นเหรอ? ไม่ต้องเอาอะไรไป แล้วจะซื้อให้เธอหมดเลยเหรอ?
พระเจ้า! ความสุขจะมากะทันหันแบบนี้ได้ยังไงกัน เธอดีใจจนแทบจะตัวลอยอยู่แล้ว!