The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 346 ดินเนอร์กับ เจมม่า
ตอนที่ 346 ดินเนอร์กับ เจมม่า
นิ่งไว้! ต้องนิ่งเอาไว้!
เจมม่า หายใจเข้าออกลึกๆ แอบเตือนตัวเองให้นิ่งเข้าไว้ จะกระเจิดกระเจิงไปไม่ได้ ให้คณพศคิดว่าตัวเธอนั้นไม่ประสาโลก
ด้วยเหตุนี้ เจมม่า จึงแสร้งยกมือขึ้นทัดผมที่ข้างหูข้างสงบนิ่ง คิดว่าทำแบบนั้นจะทำให้ตัวเองดูเงียบขรึมและสง่างาม แถมยังมีความหมายพิเศษแฝงอยูด้วย แล้วจึงยิ้มบางๆ “ประธานคณพศคะ ของพวกนั้นเป็นของที่ฉันใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ฉันใช้เป็นผลิตภัณต์ระดับสูงทั้งนั้นเลยค่ะ ถ้าเปลี่ยนของกะทันหัน กลัวว่าจะปรับตัวไม่ทันน่ะค่ะ”
คณพศยกมุมปาก ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ใช้เบนสายตาไปทางยชญ์แทน
ยชญ์แบบมือ เหมือนกับจะบอกว่า คุณหนูหน้าใสใจเสือแบบนี้ เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ
“ประธานคะ พวกเราจะไปกันเมื่อไหร่เหรอคะ? ฉันอยากไปประเทศจีนจนอดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ นะคะ” เจมม่า พูดไปพลาง ดึงผ้าขนหนูใหม่ออกมาจากกระเป๋าสะพายตัวเองไปพลาง
เธอวางผ้าขนหนูผืนนั้นลงบนที่นั่งเครื่องบิน เมื่อแน่ใจแล้วว่าร่างกายตัวเองจะไม่สัมผัสกับที่นั่งนี้โดยตรง จึงนั่งลงด้วยท่วงท่าที่เธอคิดว่าสง่างามที่สุด จากนั้นก็ทำท่าทีที่คิดว่าดูเป็นสุภาพสตรีที่สุด แล้วมองคณพศด้วยสายตาที่เปี่ยมความรู้สึก “ประธานคณพศ พวกเราจะขึ้นบินกันได้รึยังคะ?”
คณพศโดนเธอจ้องจนขนลุกไปหมด ถ้าไม่ใช่เพื่อถามตำแหน่งของนารา เขาก็ไม่ขอเข้าใกล้ผู้หญิงน่าขนลุกที่หรอก!
แต่เขาก็อดทนอย่างสุดความสามารถ เอ่ยกับ เจมม่า “เอ่อ ผมไปดูที่ห้องนักบินสักหน่อย พวกเราพร้อมบินได้ทุกเมื่อ”
พูดจบ คณพศก็ลุกขึ้นโดยไม่ลังเล และยังลากยชญ์ที่อยู่ข้างไปด้วย “ไป พวกเราไปถามด้วยกัน”
ยชญ์เดินตามคณพศไปยังห้องนักบิน เมื่อพวกเขาพ้นจากสายตาของ เจมม่า แล้ว คณพศก็ชักสีหน้าทันที พูดกับยชญ์อย่างจริงจัง “ตอนนี้ฉันจะมอบงานยากให้นาย พอถึงเมืองธิตกลแล้ว นายต้องรับผิดชอบดูแล เจมม่า !”
ยชญ์ไหล่ทรุดอย่างรวดเร็ว อ้อนว้อนด้วยใบหน้าอันขมขื่น “คณพศ อย่าใจร้ายแบบนั้นสิ? ปล่อยฉันไปเถอะ! ถึงบั้นท้ายอวบอึ๋มนั่นจะดูเย้ายวนมาก แต่กลิ่นตัวแรงสุดๆ ฉันเป็นหนุ่มรักชาตินะ ฉันไม่สนสาวต่างชาติหรอกนะ!”
คณพศมองยชญ์อย่างเห็นอกเห็นใจ ส่งสายตาไม่อาจปฏิเสธได้ให้เขา “เพื่อน นี่แหละชีวิตล่ะ ทำตัวให้ชินซะเถอะ”
ว่าพลาง คณพศตบไหล่ยชญ์เบาๆ แล้วเดินผ่านเขาไปยังห้องนักบิน
เมื่อนักบินได้รับคำสั่งจากคณพศ จึงเก็บล้อลงจอดแล้วค่อยๆ นำเครื่องขึ้นบินสูท้องฟ้า
มองพื้นดินที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เจมม่า ก็ตื่นเต้นจนใบหน้าแดงเรื่อ เธอมองคณพศที่กลับมาอย่างระริกระรี้ พูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “ประธานคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปต่างประเทศเลยค่ะ หวังว่าฉันจะได้มีความทรงจำที่น่าประทับใจนะคะ”
“หืม? คุณ เจมม่า ไม่เคยออกจากประเทศเลยเหรอครับ?” คณพศูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
เจมม่า พยักหน้ายืนยัน “ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันแค่เพิ่งเคยไปต่างประเทศกับผู้ชายคนอื่นเป็นครั้งแรกน่ะค่ะ แถมยังสนิทสนมกันขนาดนี้”
เจมม่า พูดขณะก้มหน้าอย่างขวยเขิน
และก็เพราะเธอก้มหน้าอยู่แบบนั้น ถึงได้พลาดที่จะเห็นสีหน้าถมึงทึงของคณพศ และสายตาดูแคลนจากยชญ์
เจมม่า รอเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินคำชมเชยจากคณพศเลย เธอเงยหน้าขึ้นอย่างสับสน เห็นคณพศที่ปิดตาลงไปแล้ว คิดไปว่าเพราะเขาตื่นเช้าเกินไป ก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่เหตุผลที่คณพศหลับตาลงนั้น เพราะไม่อยากถูก เจมม่า รบกวนอีกต่างหาก
ในห้องโดยสารของเครื่องบินส่วนตัวนั้นเงียบเชียบไปตลอดทาง ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ถึงเมืองธิตกลอย่างสวัสดิภาพ
เครื่องบินเพิ่งจะลงจอด เจมม่า ก็มองออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างสนใจใคร่รู้ เมื่อล้อจอดสนิท แทบรอจะออกจากห้องโดยสารไม่ไหว เธอมองทิวทัศน์ข้างนอกไปพลาง ส่งเสียงอุทานไปพลาง “ว้าว! ประเทศจีนสวยจัง เมืองธิตกลงดงามจริงๆ !”
ยชญ์จุปาก ในใจแอบสบประมาท เจมม่า ยังไงก็เป็นคุณหนูมีชื่อเสียง ทำไมถึงได้ดูอ่อนประสบการณ์นักนะ?
คณพศเดินลงจากเครื่องเคียงข้างมาพร้อมกับ เจมม่า แล้วให้เธอพักที่โรงแรมห้าดาวของตระกูลปัญญาพนต์ จากนั้นก็เอ่ยอย่างสุภาพ “คุณ เจมม่า คุณพักผ่อนก่อนสักหน่อยนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมจะมารับคุณไปทานอาหาร เพื่อต้อนรับคุณที่มาจากแดนไกล”
เจมม่า กะพริบตาอย่างปลาบปลื้ม แล้วพยักหน้าซ้ำๆ “ได้ค่ะได้ ที่จริงไม่ต้องต้อนรับฉันได้ยิ่งใหญ่นักก็ได้นะคะ”
“ผมก็แค่ทำตามมารยาทของเจ้าบ้านน่ะครับ”คณพศพูดจบก็หันไปกล่าวอำลา “ผมยังต้องกลับไปสะสางงานของบริษัท ตอนเย็นจะมารับนะครับ ขอตัวก่อน”
มองคณพศจากไปอย่างสง่างาม เจมม่า ยืนอยู่ที่ประตูโรงแรมอยู่นาน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไป
เธอขึ้นลิฟต์ไปยังห้องเพรสซิเดนสูทโดยตรง
จากนั้นก็ผลักกระเป๋าเดินทางนับสิบใบของเชตัวเองกระจายเต็มพื้น เธอนั่งยองกับพื้นอย่างตื่นเต้นรื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์ที่จะใช้ในอีกไม่นาน
“ชุดนี้? ไม่ได้ สีสว่างเกินไป”
“ชุดนี้? ไม่ เหมือนจะยังโชว์ไม่พอนะ”
“ชุดนี้ล่ะ? โอ้ยก็ไม่ได้อีก เหมือนจะเวอร์ไปหน่อยเลย”
เจมม่า เลือกเฟ้นอย่างจริงจัง เลือกแล้วเลือกอีก ลองแล้วลองอีก แล้วยังวุ่นกับการแต่งหน้า วันหนึ่งผ่านไปเช่นนั้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งดึกดื่น สุดท้ายเธอก็ยังไม่พอใจลุคใหม่ของตัวเอง ขณะเดียวกันก็หงุดหงิดในใจ เสื้อผ้าพวกนี้ไม่น่าเอามาเลยจริงๆ ตัวไหนๆ ก็เคยใส่แล้ว ไม่ทันสมัยเลยสักนิด ดูเหมือนว่าเธอคงต้องไปซื้อที่ห้างซะแล้ว!
“ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างมีมารยาท เจมม่า เดินไปเปิดประตูอย่างเบิกบาน เมื่อเห็นยชญ์ที่ยืนอยู่นอกประตู รอยยิ้มบนหน้าก็แข็งค้างทันที
เธอเขย่งเท้ามองข้ามยชญ์ไปข้างหลัง จนเห็นว่าไม่มีวี่แววของคณพศ ก็เบะปากอย่างผิดหวัง “ประธานคณพศล่ะ? เขาไม่ได้บอกว่าจะมารับฉันด้วยตัวเองหรอกเหรอ?”
ยชญ์แอบกลอกตาใส่ เจมม่า ลับๆ ผู้หญิงคนนี้หน้าใหญ่ชะมัด! ยังคิดว่าจะให้ใครถ่อมารับเธอกัน! เฮอะ!
“ประธานคณพศอยู่บนรถครับ อีกไม่นานก็จะมา คุณรออีกหน่อยก็ได้”ยชญ์เพิ่งจะพูดจบประโยค เจมม่า ก็เหลือบไปเห็นคนที่เดินอยู่ตรงทางเดินอย่างชัดเจน คณพศกำลังเดินมาทางนี้
เธอพยายามเบียดเข้าไปข้างหน้าของยชญ์ ตอกรองเท้าส้นสูงสิบเซนเดินเข้าไปหาคณพศ เดินไปพลางตะโกนก้องทางเดิน “ประธานคะ ทำไมมาช้าจังเลยคะ? คนอื่นเค้ารออยู่นานแล้วนะคะเนี่ย”
คณพศมอง เจมม่า ที่แต่งหน้าหนาเตอะ เธอยังไม่ทันมาถึงตรงหน้าของเขา ก็ได้กลิ่นน้ำหอมเตะจมูกมาแล้ว ทำเอาเขาอยากจะอาเจียน
แต่คณพศก็ยังวางตัวอย่างสง่างามอยู่ตลอด เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางอย่างรวดเร็ว “สายไปหน่อย คุณหิวรึยังครับ? ผมจองร้านอาหารตะวันตกไว้แล้วล่ะครับ งั้นเราไปกันเถอะ