The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 353 แบบงานที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา
ตอนที่ 353 แบบงานที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา
วิลเลียมรีบไปที่ห้องของนารา
นารากำลังนั่งออกแบบงานอยู่ และมีแก้วน้ำผลไม้ที่ดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า
นาราที่นั่งอยู่ในห้องกระจก มองดูท้องฟ้าที่มีฝนตกลงมาจากเมฆ รู้สึกเรื่องอยู่ในใจของตัวเองคงตกต่ำลงเหมือนกับฝนที่ตกลงมา
“จุ้ๆๆ”
มีเสียงแตรรถเก๋งดังท่ามกลางเสียงปรอยฝน นารามองไปตามต้นเสียง มองเห็นรถของวิลเลียมก็รู้สึกแปลกใจ ฝนกำลังจะตกแล้ว เขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ
วิลเลียมรีบกางร่มแล้วเดินเข้ามาในสวน แล้วก็มองเห็นนารานี่นั่งอยู่ในห้องกระจกนั้น ตะโกนทักเสียงดัง “นักออกแบบครับ ดีมากเลยที่คุณอยู่บ้าน”
นารายิ้มแล้วพยักหน้า แล้วลุกขึ้นเชิญวิลเลียมเข้ามานั่ง
“บอสคะ ฝนตกแบบนี้ บอสมาทำอะไรหรอคะ”
วิลเลียมหุบร่มที่อยู่ในมือ แล้วก็พูดอย่างเขินอายว่า “คือแบบนี้ครับ บริษัทเรากำลังทำงานร่วมกับบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ทำโปรเจ็กขึ้นมา แล้ววันนี้ทางฝ่ายนั้นได้บอกมาว่า อยากให้รีบส่งแบบอย่างเร่งด่วน คุณดูนี่สิครับ ทางนั้นเค้าเร่งมา ผมกลัวว่าคุณจะไปไม่ได้เลยมาถึงที่ เผื่อคุณจะช่วยทำให้ได้”
นาราอึ้ง งานออกแบบเร่ง? หมายความว่ายังไง มันคือผลิตภัณฑ์อะไร ทำไมต้องรีบขนาดนั้น คณพศเป็นคนคิดหรอ
สักพัก นาราก็เริ่มปวดหัว แล้วก็คิดมากไปหมด แต่เพราะอยู่ต่อหน้าของวิลเลียม เลยไม่กล้าถามออกไป ทำได้แค่ยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันจะลองพยายามนะคะ ไม่ทราบว่าทางนั้นต้องการแบบไหนเป็นพิเศษรึเปล่าคะ”
“รายละเอียดอยู่ตรงนี้ครับ เป็นผลิตภัณฑ์หลักของซีซั่นนี้ แล้วคุณค่อยออกแบบอีกแบบนึงที่สไตล์เดียวกันไว้ เพื่อสำรองไว้ก็ได้แล้วครับ” วิลเลียมพูดแล้วก็ส่งข้อมูลให้กับนารา “ผมรู้ว่าครั้งนี้เป็นงานเร่งมาก คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ ถ้าไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวผมลองคุยกับทางนั้นแล้วขอเลื่อนไปอีกหน่อยได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” นารามองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าวิลเลียมนั้นลำบากใจ ถ้าไม่อย่างงั้นคงโทรศัพท์มาบอกก็พอแล้ว ยังยอมที่จะฝ่าฝนมาบอกรายละเอียดถึงที่ด้วยตัวเอง “ฉันยังไม่มีแบบที่ยังวาดไม่เสร็จอีกหลายงาน นี่ก็คล้ายๆ กันกับงานที่ทำไว้ เดี๋ยวตอนดึกฉันทำโอทีเพิ่มก็คงจะเสร็จแล้วล่ะค่ะ”
วิลเลียมพยักหน้าอย่างดีใจ แต่ในใจก็ยังรู้สึกว่าเป็นการเร่งเกินไป เลยอดไม่ได้ที่จะถามอีกว่า “ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมครับ ทำได้ใช่ไหมครับ ถ้ามีปัญหาอะไรคุณรีบบอกได้เลยนะครับ”
“ยังโอเคค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ คุณวางใจได้เลยค่ะ” นาราพูดแล้วก็จะหันหลังไปเทน้ำให้วิลเลียม “ฉันยุ่งจนลืมเทน้ำให้คุณเลย เดี๋ยวฉันไปเทให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่มาถามความเห็นคุณ เรื่องอื่นไม่สำคัญเลยครับ ในเมื่อคุณคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ผมก็วางใจแล้วครับ” วิลเลียมพูดแล้วก็หยิบร่มเดินออกไป
แล้วเคนโด้ก็ถือน้ำเดินมาพอดี เมื่อกี้เขาเห็นว่ามีคนมาหานารา พอดูแล้วก็เห็นว่าเป็นเจ้านายของนารา เลยเทน้ำเพื่อไปทักทาย “ฝนตกหนักแบบนี้ คุณนั่งพักสักแป้ปเถอะครับ”
วิลเลียมหันไป เห็นเคนโด้ที่กำลังถือน้ำมา แล้วยิ้มให้เขาด้วยมารยาท “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะไปแล้ว แป้ปเดียวก็ถึงแล้วครับ ไม่รบกวนแล้วล่ะครับ”
พูดจบวิลเลียมก็กางร่มแล้วก็รีบเดินออกไปท่ามกลางฝนที่ตก
เคนโด้เห็นวิลเลียมเดินไปแล้ว เลยวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ แล้วมองไปที่นาราแล้วพูดว่า “ฝนตกหนักขนาดนี้ มีเรื่องด่วนอะไร ทำไมถึงมาหาคุณถึงที่ล่ะ”
นาราค่อยๆ นั่งลงตรงโต๊ะเขียนแบบ ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการอะไร “ไม่มีอะไรหรอก ก็เรื่องแบบน่ะ บอกว่าทางธิตกลมีงานเร่ง”
เคนโด้ ได้ยินคำว่าธิตกลแล้ว ทำให้เขารู้ว่าคณพศได้ติดต่อกับนาราผ่านทางบริษัทนี้แล้ว เขาคงวางแผนเรื่องงาน แต่เคนโด้ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะรู้สึกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็กำจัดคณพศไม่ได้
เขาบอกดูนาราที่เริ่มออกแบบงานอย่างตั้งใจ เลยพูดอย่างเป็นห่วงว่า “แล้วคุณทำทันรึเปล่า ถ้าลำบากจริงๆ ก็แคนเซิลเถอะ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ”
นาราจับปากกาขึ้นมาแล้วก็เริ่มวาดอย่างตั้งใจ “ยังโอเคดี แค่ทำโอทีเพิ่ม ก็น่าจะทำทันแล้วล่ะ”
“อื้ม อย่าหักโหมเกินไปล่ะ” เห็นนารากำลังเริ่มทำงานของตัวเองอย่างจริงจังแล้ว เคนโด้เลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรไปรบกวน เลยกลับไปที่ห้องครัว รีบไปเตรียมอาหารเย็นให้เขา
พอเคนโด้เดินออกไปแล้ว น้ำตาของนาราก็ค่อยไหลลงมาเป็นทางจากหางตาถึงไหปลาร้า
ในใจของเขารู้สึกคิดถึงคณพศ ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดว่าคณพศมาถึงกรุงโรมแล้ว นึกว่าเขาต้องดูผลงานของตัวเองออกและจำได้ เลยมาตามหาเขา
แต่พอดูๆแล้ว คงเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง คณพศไม่ได้มองเห็นตัวเองเขาจากแบบนั้นเลย แล้วยังเร่งให้บริษัทส่งแบบภายในหนึ่งอาทิตย์อีกด้วย
นารารู้ว่าที่ตัวเองคิดอยู่นั้นไม่ถูกต้อง แค่เขาก็อยากให้คณพศมองออกจริงๆ งานทุกชิ้นที่ถูกเขาชมนั้น จริงๆ แล้วเป็นฝีมือของตัวเอง ไม่ขอลงนามไม่ขอลงชื่อ แต่ขอแค่คณพศเห็นความคิดถึงที่ตัวเองมีต่อเขาจากแบบพวกนี้ และอยากให้รู้ถึงความรักของเขาที่มีให้ตลอดมา
พอดูตอนนี้แล้ว คงเป็นเพราะเขาคิดมากเกินไป เขาเชื่อแล้วว่างานแบบนั้นเป็นงานที่เจมม่าออกแบบ แล้วก็กำลังจะหมั้นกับเขา เหอะๆ
เขายังคงคาใจอยู่ แต่เขาก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะเขากลับไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้แล้วคณพศ ถ้านี่เป็นสิ่งที่คุณอยากได้ ฉันยินดีด้วย
แต่ว่าทำไมในใจของเขารู้สึกสิ้นหวังได้ขนาดนี้……
นาราพูดถึงความเจ็บปวดและผิดหวังของตัวเองอยู่ในใจ ตามองไปที่แผ่นเฟรมสีขาวที่ว่างเปล่า
เขาหยิบข้อมูลขึ้นมา แล้วดูผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สะอื้นด้วยความเสียใจ
แบบของเขาทุกแผ่นถูกทาทับด้วยสี จริงๆ แล้วโปรเจคนี้ควรจะมีสีสันและสะดุดตา แต่เขากลับออกแบบให้เป็นสีเทา
งานที่เขาออกแบบมองดูแล้วเต็มไปด้วยความเศร้า
ในตอนที่เขาลงนาม ไม่ได้เขียนคำว่าเจม แต่กลับใช้ดอกแมกโนเลียในการจบแบบแทน
และบนเฟรมแบบนั้นมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เคนโด้เดินมาจากห้องครัว มองเห็นนารายังคงตั้งใจกับการออกแบบ เลยพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “พักสักหน่อยเถอะ ดึกแล้ว จะรีบแค่ไหนแต่จะไม่กินข้าวไม่ได้นะ”
สายตาของนาราจดจ่อไปที่แผ่นแบบ “ฉันไม่หิวน่ะ จริงๆ คุณทานก่อนเลย ฉันยังเหลืออีกนิดหน่อย ทิ้งงานกลางคันไม่ได้”
“โอเค” เคนโด้เช็ดมือด้วยอาการทำตัวไม่ถูก และไม่กล้ารบกวนนารา ทำได้แค่ให้เขาวาดแบบต่อไป
ฟ้าเริ่มมืดขึ้นทีละนิด ค่อยๆ มืดจนไม่เห็นสีขาวเลยสักนิด กลายเป็นพื้นสีดำไปหมด
ตรงที่นารานั่งอยู่นั้นมีไฟสว่างขึ้น ส่องไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของเขาที่กำลังตั้งใจจดจ่ออยู่ เขาที่อยู่ใต้แสงไฟช่างดูน่าทะนุถนอมเหลือเกิน