The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 372 ชีวิตของเขาขาดเธอไม่ได้
ตอนที่ 372 ชีวิตของเขาขาดเธอไม่ได้
เมื่อได้ฟังคำพูดของเคนโด้ คณพศโกรธจนแทบบ้า เข้าไปคว้าคอเสื้อของเคนโด้ เหวี่ยงหมัดเตรียมจะซัดหน้าเขา
หมัดที่กำแน่นแฝงไปด้วยความเยือกเย็น แต่หมัดที่กำลังพุ่งไปที่หน้าของเคนโด้ดันถูกเขารับเอาไว้ได้
เคนโด้มองคณพศอย่างเยือกเย็น แววตาแฝงด้วยความเหยียดหยาม “นอกจากเรื่องชกต่อยแล้ว คุณทำอย่างอื่นเป็นไหม? คณพศ คุณเข้าใจอะไรง่ายๆ หน่อยได้ไหม ความรู้สึกไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของเล่น ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่การใช้กำลังแล้วจะแย่งชิงไปได้!”
เขามองเคนโด้ที่อยู่ตรงหน้าเหมือนมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งคนที่นับถือเป็นพี่น้อง จะต้องมาชกต่อยกันแบบนี้ อีกทั้งคนที่โดนต่อยนั้น ยังใช้สายตาเฉยชามองเขาอยู่แบบนี้
ตอนแรกเขาคิดว่าจะต่อยเคนโด้ให้เละ แต่มาคิดดูแล้วต่อยเขาให้เละแล้วมันจะได้อะไร ?
ต่อยเขาให้เละแล้วสามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้หรือเปล่า?
ต่อยเขาให้เละแล้วสามารถชดเชยความทุกข์เพราะความคิดถึงตลอดหนึ่งปีกว่าของเขาได้หรือเปล่า?
ต่อยเขาให้เละแล้วสามารถทำให้นาราไปจากที่นี่กับเขาได้หรือเปล่า?
ไม่ได้…
ดังนั้นการใช้กำลังในตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องไร้ค่าและตลกสิ้นดี
คณพศหัวเราะออกมา “เหอะ เหอะ เคนโด้ ไม่ได้เจอกันนาน นับวันนายยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับนายแล้ว ภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?”
“ขอโทษด้วยประธานคณพศ ผมเปิดบริษัทเครื่องแต่งกาย ไม่มีภรรยาของคุณ” เคนโด้ยังคงตอบอย่างเยือกเย็น
“เคนโด้ นายนี่หน้าไม่อายจริงๆ เมื่อกี้ที่งานแฟชั่นโชว์ นายพาภรรยาของคณพศออกมาชัดๆ” ยชญ์ก้าวฉับๆ เข้ามาชี้หน้าของเคนโด้แล้วแผดเสียงดัง “ห้ามระรานภรรยาของเพื่อน นายที่นับถือกันเป็นพี่น้องช่างหวังดีจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมาฉกภรรยาเพื่อนไป นายไปเอาความหน้าไม่อายแบบนี้มาจากไหน เสียดายชุดดีๆ บนตัวนายเสียจริง ถุย!”
เสียงทะเลาะกันของทั้งสามคนดึงดูดความสนใจของพนักงานบริษัทNLเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
เคนโด้เผชิญหน้ากับคำด่าของยชญ์ เขาไม่สะทกสะท้านใดๆ “เริ่มแรกถ้าเขาไม่มาแทรกกลางระหว่างเรา ฉันกับนาราคงได้อยู่ด้วยกันแล้ว! คงไม่ต้องมายืนโดนเขาด่าอยู่ตรงนี้หรอก นายไม่ถามเขาดูล่ะว่าในปีที่ผ่านมาเขาทำลายนาราอย่างไรบ้าง!”
“ทำลาย? ฉันว่าคนที่ทำให้สามีภรรยาเขาแตกแยกกันจริงๆ น่ะ คือนายต่างหาก นายคือมือที่สามที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี” ยชญ์พูดพลางผลักเคนโด้เพื่อที่จะให้เขาหลีกทาง “หลีกไป พวกเราจะขึ้นไปหาภรรยาของคณพศ มิรายังรอให้เธอกลับไป”
เคนโด้ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม มองยชญ์อย่างเหยียดหยัน “ยชญ์ รบกวนนายช่วยมีความคิดหน่อยได้ไหม ที่นี่คือบริษัทของฉัน ไม่ใช่ถนนที่คนจะเดินไปเดินมาเหมือนตลาด! นายจะมาหาคน โอเค บริษัทของเรายินดีต้อนรับนายทุกเมื่อ แต่นายต้องแน่ใจก่อนสิว่าคนที่นายมาตามหาน่ะเขาอยากเจอนายหรือเปล่า? ไม่งั้นนายจะต่างอะไรกับอันธพาลล่ะ?”
“นะ นาย โอเคเคนโด้นายชนะ แต่การที่นายมาทำให้สามีภรรยาเขาแตกแยกกันนี่ มันสมเหตุสมผลแล้วเหรอ” ยชญ์โกรธจนจะยกเท้าเตะเคนโด้ แต่จังหวะที่เขายกเท้าจะเตะเคนโด้ก็ถูกคณพศรั้งไว้เสียก่อน
คณพศหันมองไปทางยชญ์ พูดออกมาอย่างเฉยชา “พวกเรากลับ”
“แต่ว่าภรรยาของนายอยู่ข้างบน คณพศ รอฉันจัดการไอ้คนใจดำที่คอยเข้ามาแทรกกลางระหว่างความรักของคนอื่นเสียก่อน จากนั้นเราค่อย…”
ไม่รอให้ยชญ์พูดจบ คณพศหมุนตัวแบบไม่เหลียวหลังเดินออกไปยังประตู
ยชญ์กลืนคำพูดอีกครึ่งประโยคของตัวเองลงคอ แล้วรีบจ้ำตามคณพศออกไป “คณพศ นายไม่ตามภรรยานายแล้วเหรอ ภรรยาของนายอยู่ข้างบนนะ เราต้องตามเธอกลับไปนะ!”
คณพศเดินก้มหน้าเดินไปข้างหน้า เดินจ้ำอ้าวเหมือนมีทหารเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างไรอย่างนั้น ถ้านาราอยากเจอเขา ทำไมเธอถึงไม่ปรากฏตัวออกมาล่ะ?
คำพูดของเคนโด้เมื่อครู่ยังวนเวียนอยู่ข้างหูของเขา ใช่แล้ว หลายปีมานี้ เขาไม่เคยทำลายเธอเลยหรือ?
หกปีก่อน เพราะความเฉยเมยของเขา ทำให้เธอต้องเสียใจจนกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย
หกปีต่อมา เพื่อช่วยชีวิตเขาจากการโดนวางยา ทำให้เธอต้องจากไปต่างแดนร่อนเร่พเนจรอยู่ข้างนอก
หรือว่า ผู้ชายอย่างเขาไม่ควรจะมีเธออยู่ข้างกายจริงๆ?
แต่ถ้าไม่มีเธอแล้วชีวิตต่อจากนี้ของเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร?
ถ้าสามารถย้อนกลับไปได้ เขายอมทิ้งทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้อยู่กับเธอก็พอแล้ว
บนโลกใบนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลังและไม่มีอะไรสามารถย้อนกลับไปได้อีก!
นารา หรือว่าโชคชะตาของเราจะสิ้นสุดกันแค่นี้?
ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งไม่ได้จริงๆ เหรอ?
เขาเดินไปบนถนนที่เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงด้วยคำถามมากมาย ใจนิ่งดั่งน้ำ เยือกเย็นถึงกระดูก
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้จะเผชิญหน้ากับนาราที่กำลังเด่นดังมีชื่อเสียงได้อย่างไร ยิ่งไม่รู้เลยว่าจะเอาเธอกลับมาได้อย่างไร
คณพศคิดจนสับสนวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็เหมือนกับที่เคนโด้พูดไว้ มันชดเชยกับสิ่งที่นาราโดนเอาเปรียบไม่ได้เลยสักนิดเดียว
เขาเดินไปบนถนนแสนยาวไกลด้วยความอ้างว้าง เขาว่างเปล่าไปทั้งใจ คณพศสะบัดหัว คิ้วขมวดเพราะความคิดที่กวนใจเขา เดินไปบนถนนอย่างไร้ทิศทาง ไร้จุดหมาย
ยชญ์เดินตามหลังคณพศอย่างเงียบๆ เขารู้ว่าในตอนนนี้ใจของคณพศไม่สู้ดีเอาเสียเลย เมื่อครู่ที่ NL 公司 เขาเห็นสายตาลำบากใจของคณพศตอนที่โดนเคนโด้ด่าทอได้อย่างชัดเจน
เฮ้อ ยชญ์รู้สึกว่าไม่ดีถ้าตัวเองจะออกความคิดเห็นเรื่องระหว่างพวกเขา เขาไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว ตอนนี้เขาแค่ต้องเดินตามหลังคณพศไป ค่อยดูไม่ให้เกิดเรื่องอะไรก็พอแล้ว
คนต่างถิ่นสองคนใส่สูทผูกไทเดินอยู่บนถนนที่เกาะฮาวาย วิวข้างหลังทั้งเปล่าเปลี่ยวและเย็นยะเยือก ภาพเขาสองคนดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาบนถนน
ตกดึก แสงไฟนีออนที่น่าหลงใหลส่องสว่างไปทั้งเมือง คณพศเดินวนเวียนอย่างปวดใจอยู่บนถนนทั้งวัน
เขามึนหัวไปหมด ตรงหน้าอกเขารู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยใยฝ้าย ขนาดหายใจยังลำบาก
ความคิดวิธีการมากมายแล่นเข้ามาในหัวสมองของเขา แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธไปทีละข้อๆ
นี่เขาจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้เหรอ เขาจะกลับเมืองธิตกลไปแบบโดดเดี่ยวเดียวดายแบบนี้เหรอ
ไม่!
ไม่ได้!
ต่อให้เอาชีวิตของเขาเพื่อเป็นค่าไถ เขาก็จะต้องเอานารากลับมาอยู่ข้างกายเขาให้ได้!
ทันใดนั้น คณพศก็หยุดเดิน หันกลับไปมองยชญ์ที่เดินตามมาข้างหลังอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ควรฟังความจากเคนโด้เพียงข้างเดียว ฉันจะไปหาภรรยาของฉัน ไปถามเธอต่อหน้าให้รู้แล้วรู้รอด!”
ยชญ์ที่กำลังเดินก้มมองพื้นถนนอยู่ การที่คณพศหยุดเดินแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว ทำให้เขาเกือบจะชนคณพศเข้าให้
เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของคณพศ ยชญ์พยักหน้าหงึกหงัก “ใช่แล้ว เรายังไม่ได้ฟังความจากปากของภรรยานายเลย จะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน”
“ไปกันเถอะ ตอนนี้ฉันต้องไปหานารา แม้แต่วินาทีเดียวก็รอไม่ได้แล้ว” คณพศพูดพลางหันหน้ากลับไปเดินต่อ
ยชญ์ตะโกนเสียงดังมาจากข้างหลัง “คณพศ ที่ที่นาราอยู่น่ะมันไปทางนี่โว้ย นายเดินผิดทางแล้ว!”
คณพศหันกลับมา แล้วเดินไปตามทางที่ยชญ์บอกอย่างเชื่อฟัง
ขณะเดียวกันนารากำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้อง ตาที่มองทีวีของเธอดูไร้ชีวิตชีวา ในความเป็นจริงแล้วเธอกำลังเหม่อลอยอยู่