The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 452 ปฏิญาณ: ถึงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ต้องค้นหาลูกสาวกลับคืนมาให้ได้!
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 452 ปฏิญาณ: ถึงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ต้องค้นหาลูกสาวกลับคืนมาให้ได้!
บทที่ 452 ปฏิญาณ: ถึงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ต้องค้นหาลูกสาวกลับคืนมาให้ได้!
นาราสะเทือนใจมาก เธอโน้มตัวก้มลงจูบใบหน้าเล็กอมชมพูของมิรา “ขอบคุณมิราที่เล่าเรื่องตลกให้แม่ฟัง แม่มีความสุขมากจ้ะ”
มิราเห็นสีหน้าที่เริ่มสดใสของนาราแล้วก็พยักหน้าอย่างสุขใจ “คุณแม่ครับ อูฐน้อยรักอูฐใหญ่ ก็เหมือนกับมิราที่รักคุณแม่”
นาราพยักหน้า แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความขมขื่นไม่มีที่สิ้นสุด ใช่ อูฐใหญ่รักอูฐน้อย แต่เธอกลับสูญเสียลูกสาวของตัวเองไป…
แต่นาราไม่ได้แสดงสีหน้ากลัดกลุ้มเหล่านี้ออกมา เพราะเธอไม่อยากให้ลูกชายตัวเองกลัดกลุ้มตาม
เธอพูดคุยกับมิราไปเรื่อยๆ มือเคลื่อนไหวไม่หยุด ไม่นานก็ทำอาหารจานเล็กๆ สองสามอย่างเสร็จ แล้วยกไปที่โต๊ะ
หลังจากนั้นมิราตามมา รอจนเมื่ออาหารอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็จัดชามอย่างขยันขันแข็ง หลังจากนั้นก็พานารามานั่งที่โต๊ะอาหาร “คุณแม่ทานข้าวเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ”
โดยธรรมชาติแล้วแน่นอนว่านาราก็ทนปฏิเสธคำขอของลูกชายที่แสนเฉลียวฉลาดของตนไม่ได้ นั่งลงตามมา ช่วยมิราคีบอาหารใส่ชามให้
มิราทานรสหวานมาก ส่งเสียงพูดออกมาอย่างมีความสุข คีบจากชามขึ้นมาเข้าปาก ทานไปพยักหน้าไป “อาหารที่คุณแม่ทำยังอร่อยเหมือนเดิมเลยครับ มิราชอบทานพวกนี้มากที่สุดเลยครับ”
นาราเห็นเหมือนมิราเป็นลูกแมวตะกละ จึงยิ้มและชี้ไปยังมือของมิราที่แอบหยิบอาหาร “ลูกแมวตะกละ รีบไปล้างมือแล้วค่อยทาน”
“ก็ได้ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” มิราเดินไปที่ห้องครัวพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข
เวลานี้คณพศเดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี เขามองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างนารากับมิรา ก็แทบจะทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาตรงนั้น
นานแค่ไหนแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของภรรยาของเขา
ทั้งทั้งที่รอยยิ้มของเธอบริสุทธิ์และสวยงามมากขนาดนั้น แต่เวลาปีกว่าที่ผ่านมา กลับไม่มีรอยยิ้มเผยออกมาอีกเลยแม้สักเล็กน้อย
คณพศยืนอยู่ตรงปากประตู มองนาราที่ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอึ้งๆ ร่างกายแน่นอนว่าอยู่ตรงนั้น ส่วนในใจเกิดคลื่นม้วนซัดถาโถมเป็นพันลูกอยู่นานแล้ว
รอยยิ้มที่สดใสนี้ คือสิ่งที่เขาเฝ้าคอยมาทั้งชีวิต!
ตราบใดที่ภรรยาของเขาสามารถยิ้มได้อีกครั้ง เขายินยอมจะจ่ายทั้งหมดที่มี!
มิราล้างมือเสร็จแล้ว เห็นคณพศยืนอยู่ตรงประตู เขาจึงรีบโบกมือให้คณพศ “คุณพ่อครับ ตรงนี้ มาเร็วครับ คุณแม่ทำอาหารอร่อยมากเลยครับ”
นาราเงยหน้ามองตาม เห็นคณพศกำลังมองตัวเองอย่างอึ้งๆ อยู่ในใจก็อ่อนนุ่มขึ้น
เธอเผยยิ้มอ่อนโยนให้คณพศ พยักหน้าพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มาทานอาหารด้วยกันเร็วค่ะ”
คณพศมีความสุขจนแทบอยากจะกระโดดโลดเต้น เขาเหลือบไปเห็นว่ายังมีอาหารที่ยังไม่ได้เสิร์ฟ จึงเดินเข้าไปเอาออกมาวางที่โต๊ะ “เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นฝีมือนารา สีสันน่าทานรสชาติก็อร่อย”
นาราพยักหน้าอย่างค่อนข้างเขินอาย “ที่ไหนกันคะคุณพูดเกินจริงไปหรือเปล่า”
แต่มิรากลับพยักหน้าตาม “ก็มันเป็นอาหารที่คุณแม่ผมทำ อาหารที่คุณแม่ทำอร่อยเป็นพิเศษอยู่แล้วครับ คุณพ่อมาทานด้วยกันเร็วครับ!”
คณพศพยักหน้า แล้วตามลงไปนั่งที่โต๊ะ หยิบชามและตะเกียบขึ้นมาคีบทาน
ครอบครัวสามคนส่งเสียงหัวเราะกัน ทานอาหารที่อร่อยที่สุดในรอบปีกว่า
ทุกสิ่งเหมือนย้อนกลับไปอดีต โดยเฉพาะมิราที่เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจในโรงเรียนไม่หยุด ยิ่งทำให้นารายิ้มได้ตลอดเวลา เป็นชั่วขณะที่ทุกคนทานอาหารกันอย่างมีความสุขมาก
หลังจากอาหารเย็น นาราก็เล่นกับมิราสักพัก ไม่นานก็เอามิราไปกล่อมเข้านอน
เธอเพิ่งออกจากห้องนอนของมิราก็ตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
ภายในห้องนอน คณพศกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงรอนารา เห็นนาราเดินเข้ามา เขาลุกขึ้นทันที ดึงมือนาราเข้าหา “นารา คุณลำบากแล้ว”
นาราเผยรอยยิ้มให้คณพศ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเจือความซาบซึ้ง “ไม่หรอก ก่อนหน้านี้คุณสิยิ่งลำบาก คุณคณพศฉันขอโทษนะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของนารา คณพศก็ตาแดง ตราบใดที่นารายิ้มได้ ให้เขาทำอะไรเขาก็เต็มใจทั้งนั้น
เขารอช่วงเวลานี้มานานมาก อดไม่ได้ที่จะแสบจมูกอยากร้องไห้ พูดอย่างอู้อี้ว่า “ไม่ลำบากเลย นารา ตราบใดที่คุณสามารถมีความสุขขึ้นได้ ทุกอย่างล้วนคุ้มค่าแล้ว”
ในใจนาราเต็มไปด้วยความสะเทือนใจซาบซึ้ง นี่คือผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วย ภายนอกเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง แต่อยู่ตรงหน้าเธอกลับอ่อนโยนดั่งท้องทะเล ทั้งหัวใจที่เป็นดั่งทะเลกว้างล้วนมีเธออยู่ทั่วทุกพื้นที่มาโดยตลอด
เธอโผเข้าหาอ้อมกอดของคณพศ ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขาเงียบๆ รู้สึกว่าหัวใจว่างเปล่าของตัวเองได้เต้นตามจังหวะไปด้วย
“ฉันเอาแต่ใจมากเลยใช่ไหม” นาราถามด้วยเสียงแหบแห้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเหมือนหุ่นที่ไร้วิญญาณ ในวันแบบนั้น ไม่รู้ว่าคณพศข้ามผ่านมาได้อย่างไร
คณพศกระชับกอดนาราแน่น เหมือนกับว่าเขาต้องการให้เธอหลอมรวมเข้ากับสายเลือดของตัวเอง “นารา ตราบใดที่คุณสามารถเดินออกจากปัญหาได้ ทุกอย่างมันคุ้มค่าแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ยังอีกยาวไกล ยังต้องขอให้คุณภรรยาชี้แนะอีกมาก”
น้ำตาคริสตัลใสร่วงหล่นลงมาจากดวงตาของนาราเงียบๆ ผู้ชายคนนี้แต่ไหนแต่ไรมามักจะมีความอดทนต่อเธอเสมอ ตามใจกับความเอาแต่ใจและเย่อหยิ่งของเธอ เขาที่เป็นแบบนี้ ทำให้รู้สึกผิดมากที่หนึ่งปีมานี้ไม่แยแสเขาเลย
คณพศรู้สึกว่าแขนของตัวเองค่อนข้างเย็น เขาก้มลงมอง พบว่าหยดน้ำตาหยดลงบนแขนของตน ก้มหน้าลงอย่างปวดใจ ประคองแก้มบางของนาราขึ้นแล้วจูบลงไปเบาๆ และสัมผัสขนตายาวของเธอแผ่วเบา
“นารา ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว พวกเรามาจับมือกันเผชิญหน้ากับทุกสิ่งด้วยกันอีกครั้ง ดีไหม” คณพศจูบซับน้ำตาและมองนาราอย่างคาดหวัง
นาราพยักหน้า ค่อยๆ เอนพิงในอ้อมแขนของคณพศ หลับดวงตาสีฟ้าจาง ช่วงเวลานี้คณพศกระชับกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแนบแน่นราวกับสมบัติล้ำค่า
ค่ำคืนมืดลงเรื่อยๆ คณพศมองนาราที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนอย่างหลงใหลไม่ยอมปล่อย
ตลอดมาปีกว่าที่ยากลำบาก ราวกับเดินบนน้ำแข็งบางๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันกับภรรยา
ยังดีที่ภรรยาที่ดูอ่อนแอสุดท้ายก็แข็งแรงพอจะยืนหยัดขึ้นมาได้ ในที่สุดก็เลิกทำร้ายตัวเอง ในที่สุดก็ผ่านมาจนได้
ความรู้สึกนี้ มันเหมือนสมบัติที่หายไปจู่ๆ ก็หวนคืนมา เป็นความปีติยินดียิ่งสำหรับคณพศ เขามีความสุขมากจนนอนไม่หลับเลย สายตาจับจ้องไปยังผู้หญิงที่รักซึ่งอยู่ข้างๆ ตัวเองโดยไม่ละสายตา ทั้งรักใคร่และจริงใจ
ยาวนานกว่าที่คณพศได้เอามือของนารามาจับเบาๆ แล้วค่อยๆ จูบลงไปแผ่วเบา
เขากลัวว่าจะเป็นการปลุกนารา จึงกระซิบแผ่วเบา “นารา ขอคุณได้โปรดเชื่อผม ตราบชั่วชีวิตนี้ จะต้องหาลูกสาวของพวกเรากลับคืนมาแน่นอน”
นอกหน้าต่างมีน้ำค้างหนาทึบ ภายในมีความรักลึกซึ้งอบอวล รู้จักกันและพบกัน สาบานว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
*
ดูไบ
ในบาร์มืดสลัว วิษณุส์ขนาบข้างด้วยสองสาวเซ็กซี่แต่งหน้าจัด
ร่างกายของพวกเธอแนบชิดตัววิษณุส์ ระหว่างนิ้วมีมวนบุหรี่เรียวยาว ข้างหนึ่งใช้มือลูบอกวิษณุส์ อีกข้างสูบบุหรี่คลุมเครือ