The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 453 คืนสติ: เผยแก่นแท้ของปีศาจ!
บทที่ 453 คืนสติ: เผยแก่นแท้ของปีศาจ!
ตรงข้ามกับพวกเธอ มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งเฉียง เหมือนกับวิษณุส์ที่กอดผู้หญิงไว้สองข้าง แขนซ้ายแขนขวาท่าทางยโส
คนคนนี้เป็นหุ้นส่วนคนใหม่ของวิษณุส์ นิสัยเหมือนกัน รสนิยมตรงกัน พวกเขามักจะออกไปเที่ยวกินดื่มสังสรรค์และเล่นการพนันด้วยกัน วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มาดื่มกินป้อสาวด้วยกันที่บาร์
เหล่าผู้หญิงที่มากับเขาล้วนชำนิชำนาญผ่านร้อนผ่านหนาว พวกเธอเก่งที่สุดในการพะเน้าพะนอผู้ชาย ไม่นานก็ยั่วยวนจนวิษณุส์ทนไม่ไหว โอบเอาผู้หญิงอวบอั๋นคนหนึ่งขึ้น ก้าวกว้างเดินเข้าไปในห้องพิเศษ
ไม่นาน ในห้องพิเศษก็มีเสียงร้องครวญครางของผู้หญิงและเสียงคำรามของผู้ชาย คนที่ได้ยินเสียงไม่วายหน้าแดง
ผู้ชายที่อยู่นอกห้องพิเศษฟังแล้วมีอารมณ์ตาม จนพาผู้หญิงข้างตัวเข้าไปในห้องพิเศษห้องหนึ่งด้วย ระบายความต้องการท่วมตัวออกมา
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผู้หญิงที่เข้าไปกับวิษณุส์ก็เดินสโหลสเหลออกมา ทำปากขมุบขมิบพูดกับเพื่อนที่รออยู่ข้างนอก เพื่อนของเธอยิ้มอย่างรู้ความหมาย จัดแต่งทรงผมของตัวเองด้วยความรู้สึกปรารถนา เดินเอวบิดเข้าไปในห้องพิเศษ ไปทำเรื่องฉาบฉวยไม่น่าดูกับวิษณุส์ต่อ
ในบาร์เสียงเพลงดังลั่น สิ่งที่คล้ายกันกำลังเกิดขึ้นในห้องพิเศษด้วยหลากหลายรูปแบบ
จนกระทั่งถึงรุ่งสาง เหล่าหญิงชายที่ออกมาสนุกสนานก็กระจัดกระจายไป ทิ้งเศษกระดาษทิชชู่สกปรกและขวดไวน์เปล่าๆ ไว้ทั่วบาร์ บวกกับกลิ่นบุหรี่อบอวลในอากาศ ผสมปนเปกันไปหมด จนพาให้ขยะแขยง
วิษณุส์หลงระเริงตลอดทั้งคืน ลากร่างอันอ่อนล้าขับรถกลับไปยังวิลล่า
ในวิลล่าเปิดไฟอยู่ วิษณุส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงรู้ว่ากาก้าต้องรอเขากลับบ้านแน่นอน
จนเมื่อวิษณุส์เข้าไปในห้องนั่งเล่น ไม่คาดคิดว่าจะเห็นกาก้านอนกอดรุ่งอรุณหลับอยู่บนโซฟา
มองไปยังกาก้าที่ไร้ซึ่งเสน่ห์ความงาม วิษณุส์ขยะแขยงจนเดินขึ้นไปข้างบน เขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลยจากใจจริง แต่กลับไม่มีเวลากำจัดเธอไปให้พ้นสักที
วิษณุส์เพิ่งผ่านกาก้าไป กาก้าก็ตื่นขึ้นมา
เธองัวเงียมองวิษณุส์เดินขึ้นไปข้างบน หัวใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ผู้ชายคนนี้เธอรักทั้งตัวและหัวใจ แต่เขากลับไม่ได้รักเธออย่างสุดซึ้งเท่าที่เธอรัก
เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดในโลก ก็คือการตกหลุมรักคนที่ไม่รักตัวเอง ความอดทนของคุณ ความพยายามของคุณ ในสายตาของเขา มันกลับกลายเป็นภาระที่ยุ่งยาก
จิตใจของกาก้าเศร้ามาก เธอช่างต่ำต้อย เหมือนกุ้งที่ดำดิ่งอยู่ก้นสระ มองขึ้นไปที่นกอินทรีกางปีกบินบนท้องฟ้าสีคราม ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ กลับอยากกระเสือกกระสนเข้าไปอยู่ใกล้
โดยไม่ได้ตั้งใจ ความเศร้าของกาก้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอหายใจไม่ออก เศร้าจนอยากร้องไห้
แต่ต่อให้เสียใจ กาก้าก็ยังรวบรวมความกล้าเรียกวิษณุส์ “ตะวัน เมื่อคืนทำไมคุณไม่กลับบ้าน ฉันกับรุ่งอรุณรอคุณกลับบ้านอยู่ตลอด” ตั้งแต่แรกวิษณุส์บอกให้เธอเรียกตะวัน ไม่อนุญาตให้เธอเรียกเขาว่าวิษณุส์
เมื่อได้ยินกาก้าเรียก วิษณุส์ก็หลับตาลง
เขาหยุดก้าวเดิน หันมองไปยังกาก้า และพูดอย่างหงุดหงิด “ผมไปงานเลี้ยง ไปดื่มกับลูกค้า มันเป็นเรื่องของงานทั้งนั้น คุณไม่ต้องถามมากได้ไหม”
เวลานี้กาก้าลุกขึ้นจากโซฟา เธอเดินช้าๆ เข้าไปหาวิษณุส์ เห็นเขาลักษณะซีดเซียว หัวใจก็พลันเจ็บปวดมาก
“อย่าทำงานหนักนักเลย…” กาก้าเพิ่งพูดแบบนี้ แล้วก็พลันเห็นรอยริมฝีปากที่ผู้หญิงทิ้งไว้บนลำคอของวิษณุส์ เธอจึงไม่พูดต่ออีก ในหัวใจเอ่อท้นความเจ็บปวด
“พูดจบหรือยัง ถ้าพูดจบแล้วผมจะขึ้นไปนอน การเข้าสังคมมันก็ลำบากมากแบบนี้แหละ” วิษณุส์พูดจบ ก็คิดจะหันหน้ากลับแล้วจากไป
กาก้าดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา มองวิษณุส์ด้วยความเสียใจ “ตะวัน คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ หรือว่าคุณไม่สามารถใช้ชีวิตดีๆ กับฉันได้ เพื่อคุณ ฉันออกจากบ้าน หลบๆ ซ่อนๆ หรือสิ่งที่แลกมา กลับเป็นความทรยศของคุณงั้นเหรอ”
มองดูท่าทางร้องเรียนของกาก้าแล้วใจวิษณุส์ก็ยิ่งโกรธใหญ่ เขาเหล่มองกาก้าอย่างหงุดหงิดพลางพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก ไม่มีเวลามาพูดกับคุณมากมาย ถ้าคุณรู้สึกผิดต่อตัวเองที่ตามผมมา จะไสหัวไปตอนนี้ก็ได้!”
เมื่อพูดจบ วิษณุส์ก็เดินตรงไปข้างหน้าไม่หันกลับไปมอง
กาก้าคว้าแขนจองวิษณุส์ไว้พร้อมกับขอร้อง “ตะวัน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณกลายเป็นแบบนี้ ทั้งทั้งที่ตอนนั้นคุณเคยสัญญากับฉันว่าคุณจะรักฉันไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้กลับให้ฉันไสหัวไปเหรอ”
วิษณุส์มองไปยังกาก้าอย่างเย็นชา “กาก้า ก็คุณเป็นผู้หญิงแบบนี้ ทำไมถึงไม่รู้ตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้คุณช่วยให้ผมได้ผลประโยชน์ คุณคิดว่าด้วยเสน่ห์ของคุณ ผมจะสนใจคุณเหรอ หยุดฝันกลางวันได้แล้ว! ยังคิดให้ผมรักคุณอีกเหรอ คุณไปหากระจกมาส่องหน้าตาโง่เง่าของคุณดู มันแทบจะทำให้ผมอยากจะอ้วก!”
เมื่อพูดจบก็เหวี่ยงมือของกาก้าทิ้ง ตรงขึ้นชั้นบนไป เขาคลั่งมาทั้งคืน ร่างกายถูกผู้หญิงทำจนเหนียวเหนอะ อยากจะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที
กาก้าคิดไม่ถึงว่าวิษณุส์จะสร้างความอัปยศอดสูให้เธอขนาดนี้ เธอคว้าแขนของวิษณุส์ทันทีและพูดทั้งน้ำตาว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตะวัน งั้นเอาเงินคืนฉันมา ฉันจะพารุ่งอรุณไปจากที่นี่ ห่างจากคุณไปไกลๆ และไม่มารบกวนคุณอีก”
ได้ยินกาก้าพูดแบบนี้ ตัววิษณุส์ก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาตวัดมือตบกาก้าย่างรุนแรง “สารเลว! ลำพังคุณเป็นแบบนี้ยังอยากได้เงินอีกเหรอ จะบอกอะไรให้ ก่อนที่ผมจะโกรธไปมากกว่านี้ คุณรีบไสหัวไปไกลๆ เลย!”
กาก้าถูกวิษณุส์ตบจนล้มลงกับพื้นอย่างแรง เสียงนั้นไปปลุกรุ่งอรุณที่นอนหลับอยู่บนโซฟา
รุ่งอรุณที่อายุขวบกว่างัวเงียมองไปยังกาก้าที่ร้องไห้อยู่บนพื้น และก็เห็นวิษณุส์ที่ก้าวเข้าใกล้กาก้าที่ละก้าว จึงกระโดดลงจากโซฟาทันที แล้วรีบวิ่งไปด้านหน้ากาก้า ใช้ร่างกายเล็กๆ ขวางด้านหน้าของกาก้าเอาไว้ “คุณพ่ออย่าทำร้ายคุณแม่ของหนูนะ คุณพ่อเป็นคนไม่ดี!”
ใจวิษณุส์ลุกเป็นไฟ เขามองรุ่งอรุณอย่างเย็นชา เท้าก้าวโดยไม่มีการหยุด อารมณ์รุนแรงภายในจิตใจผลักดันให้ก้าวเดินหน้า จะเอาพวกคนน่ารำคาญที่อยู่ในสายตาตรงหน้าโยนทิ้งไปให้หมด
รุ่งอรุณตัวน้อยขวางหน้ากาก้าไว้ แต่สายตากลับไม่เกรงกลัวอันตรายจากวิษณุส์ที่ก้าวเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย
เธอมองไปยังวิษณุส์เงียบๆ ด้วยดวงตาสีฟ้าจาง รูปลักษณ์แบบนี้ ดูเหมือนกับนาราเมื่อก่อนมาก
วิษณุส์เดินไปถึงตรงหน้ารุ่งอรุณแล้ว แต่เมื่อเขายกมือขึ้น ขณะที่สายตาลดลงไปมองรุ่งอรุณกำลังก็กลับอ่อนแรงลง
วิษณุส์สูดลมหายใจเข้าลึก ที่สุดแล้วก็ไม่ได้ลงมือกับรุ่งอรุณ และหันหลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นแทน แล้วขับรถด้วยความเร็วสูงออกไปจากวิลล่า
ภายในห้องนั่งเล่น เหลือเพียงกาก้าที่ล้มอยู่บนพื้น กับรุ่งอรุณตัวน้อยเท่านั้น
กาก้าไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย รีบเอารุ่งอรุณเข้าอ้อมกอดตัวเองพร้อมกับแผดเสียงร้องไห้
รุ่งอรุณตัวน้อยตบหลังกาก้าอย่างฉลาด เสียงเล็กๆ ปลอบโยนเธอ “คุณแม่ไม่ร้องนะคะ รุ่งอรุณอยู่กับคุณแม่นะ”
ได้ยินอย่างนี้แล้วใจของกาก้าก็ยิ่งเศร้า เธอมองดวงตาใสของรุ่งอรุณ กระชับกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น