The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 459 ในที่สุดก็แปลงกายเป็นปีศาจ!
บทที่ 459 ในที่สุดก็แปลงกายเป็นปีศาจ!
หญิงสาวยิ้มขี้เล่น ดวงตาเฉลียวฉลาดไม่มีตื่นเต้น “โอ้ ประธานวิษณุส์เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ผู้ชายแบบนี้ต้องมีภรรยาและครอบครัวอยู่แล้วแน่นอน หากว่าข้างในมีนายหญิงอยู่แล้วล่ะ งั้นควรจะทำยังไงดี”
พูดอย่างนั้นแล้ว หญิงสาวก็วนนิ้วในมือของวิษณุส์อย่างยั่วยวน สายตาล่อลวงตั้งใจมองวิษณุส์
วิษณุส์ส่ายหน้าโดยไม่คิด “ตราบใดที่คุณยินดีติดตามผม หญิงแก่หน้าเหลืองในนั้น ผมจะไล่เธอออกไปจากที่นี่แน่นอน!”
เช่นนั้นหญิงสาวถึงได้แย้มริมฝีปากแดงยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า
วิษณุส์เหมือนจะไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เขาจับจูงมือของหญิงสาวพาเธอเข้าไปในวิลล่า
เวลานี้กลางคืนเพิ่งมาเยือน กาก้ากำลังอุ้มรุ่งอรุณพิงโซฟาดูทีวี วิษณุส์ไม่ได้กลับมานานแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะอยากเจอเขา แต่ก็ไม่กล้ารบกวนเขา กลัวว่าเขาจะรำคาญตัวเอง และจะอารมณ์ไม่ดี
ตอนนั้นเอง วิษณุส์พาผู้หญิงเดินเข้ามา และสายตาก็มองกาก้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พาหญิงสาวตรงขึ้นไปบนห้องชั้นบน
กาก้าตกใจมากที่เห็นวิษณุส์พาหญิงสาวแสนสวยเข้ามา จิตใจช็อกมากเกินบรรยาย นานมากสติก็ไม่กลับมา
ก่อนหน้านี้เธอยังคาดว่าวิษณุส์จะใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดอยู่ข้างนอก แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเขาจะบ้าพอจะพาพวกผู้หญิงนอกคอกกลับบ้าน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” กาก้าลุกขึ้นยืนด้วยลมหายใจสุดท้ายของความสงบ ถามหญิงสาวที่อยู่ข้างกายวิษณุส์ด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ “คุณเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านฉันดึกๆ ดื่นๆ!”
หญิงสาวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับคำถามของกาก้า เธอเอนพิงตัววิษณุส์ และคล้องคอเขาพร้อมกับโต้ตอบกาก้า “ฮ่าๆ ฉันเป็นใครน่ะเหรอ ฉันเป็นนายหญิงในอนาคตของวิลล่านี้ไง ไม่ใช่เรื่องของคุณที่จะมาถามนั่นถามนี่”
เมื่อพูดจบ หญิงสาวก็ทำเหมือนว่ายังยั่วโมโหกาก้าไม่พอ ถึงขั้นตั้งใจเดินเข้าไปจูบแก้มวิษณุส์ หลังจากนั้นก็ถามวิษณุส์ด้วยเสียงหวาน “ใช่ไหมคะที่รัก เมื่อครู่คุณบอกว่าต่อไปฉันจะเป็นนายหญิงของที่นี่”
วิษณุส์รู้สึกดีมากที่ถูกจูบ มองดูใบหน้าเล็กยั่วยวนของหญิงสาว พยักหน้าและพูดว่า “ไม่ผิด ตราบใดที่คุณยินดี ที่นี่จะเป็นของคุณตลอดไป”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างพอใจ มองกาก้าอย่างดูถูก “ที่รักคะ คุณดูสาวแก่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้สิ เธอเป็นแม่บ้านที่คุณจ้างมาใช่ไหม ฉันไม่สนหรอกนะคะ พรุ่งนี้คุณต้องไล่เธอไป เพื่อบรรเทาความหงุดหงิดของฉัน”
กาก้าถูกหญิงสาวทรงเสน่ห์คนนี้ยั่วโมโหจนตัวสั่นไปหมด เธอเพิ่งอายุยี่สิบหก จะเป็นสาวแก่ไปได้ยังไง!
นอกจากนี้ผู้หญิงคนนี้ยังแก่กว่าเธอเสียอีก! วิษณุส์เขาตาบอดหรือไง!
เธอมองไปยังวิษณุส์อย่างผิดหวัง เอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ตะวัน เป็นแบบนั้นจริงเหรอ คุณหลงใหลสินค้าราคาถูกนี่ จนไล่ฉันออกไปจากที่นี่เลยเหรอ คุณกลายเป็นคนใจร้ายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ”
วิษณุส์มองสายตาผิดหวังของกาก้าด้วยความขยะแขยงเป็นที่สุด เขาดึงการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่แยแส แล้วโยนให้กาก้าโดยไม่มอง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไสหัวไปซะ! แล้วอย่าลืมไปจัดการเรื่องหย่าเด็ดขาด คุณไม่รู้หรอกว่าตัวเองน่ารังเกียจมากแค่ไหน! รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไสหัวไปให้ไกลเท่าไรยิ่งดี!”
กาก้าปิดปากอย่างไม่อยากเชื่อ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดกลั้น เพื่อไม่ทำให้ตัวเองส่งเสียงร้องไห้ออกมา
ที่แท้ นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของวิษณุส์ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอเอาแต่ลุ่มหลงมัวเมาในตัวเขามาโดยตลอด
มองเห็นแต่เขาดีทุกอย่าง แต่กลับไม่เคยคิดเลย ว่าอีกด้านของเขา ไม่อยากเชื่อว่าจะแย่เช่นนี้
เธอทุ่มเทให้ทุกอย่าง ทรยศต่อความไว้วางใจของจินดาคู่สมรสของเธอ ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองในชีวิตนี้ไม่สามารถเผชิญหน้ากับใครได้
เพื่อช่วยเหลือผู้ชายที่เธอรัก เธอไปกับเขาทั่วโลกเพื่อหลบหนีการไล่ล่าของคณพศ
เธอขาดการติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนเพื่อเขา เพียงเพื่อไปยังสุดขอบโลกกับเขา แต่การแลกเปลี่ยนนี้มันคืออะไรกัน
หรือว่านี่คือกรรมตามสนอง!
น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตาของกาก้า เธอใช้กำลังกำหมัดแน่น แอบบอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ เพื่อที่จะไม่ถูกหัวเราะเยาะจากผู้ชายสารเลวคนนี้
“จิ๊ๆ ยังจะร้องไห้อีกเหรอ” ส่วนหญิงสาวทรงเสน่ห์ไม่ได้วางแผนจะปล่อยกาก้าไป เธอกอดอกหัวเราะเยาะ มองดูน้ำตาบนใบหน้าของกาก้า พูดเยาะเย้ยอย่างเต็มที่ “จะมาไม้ไหน อยู่ดีๆ ร้องไห้ทำไม ฉันบอกอะไรให้นะที่รัก หรือว่าปกติแล้วเวลาหิวคุณกินไม่เลือก แม้แต่ของแบบนี้ก็ยังเอา”
วิษณุส์ส่ายหน้าปฏิเสธโดยไม่คิด “จะเป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนี้ จะสามารถทำให้ผมหิวได้ยังไง ฮ่าๆ ผมชอบสาวสวยทรงเสน่ห์แบบคุณที่เกี่ยวให้วิญญาณผมหลุดลอยไปต่างหาก ไปเถอะ!”
“ช่างพูด!” หญิงสาวทรงเสนห์ยื่นนิ้วสีแดงเข้มออกมาจิ้มศีรษะของวิษณุส์เบาๆ หลังจากนั้นก็เข้าใกล้ใบหูของเขา แล้วเลียติ่งหูของเขาอย่างคลุมเครือ
การยั่งยวนอย่างโจ่งแจ้งของเธอกระตุ้นความต้องการของวิษณุส์โดยทันที เขาคำรามเสียงต่ำ เขาจะพาหญิงสาวทรงเสน่ห์ขึ้นไปชั้นบน โดยไม่มองกาก้าอีกเลย
กาก้าไปขวางหน้าทั้งสองคนทันที “นี่เป็นบ้านของฉัน พวกคุณต้องออกไปเกลือกกลั้วกันที่อื่น อย่ามาทำให้เตียงของฉันสกปรก!”
“จิ๊ๆ” หญิงสาวทรงเสน่ห์ส่งสายตาไม่พอใจไปให้วิษณุส์ “ที่รักคะ คุณดูสิ เธอบอกว่ามันเป็นเตียงของเธอ โอ้มายก็อด คุณไม่ได้มีอะไรกับเธอจริงๆ หรอกใช่ไหม”
วิษณุส์โกรธไฟลุกโชน “กาก้า คุณอย่ามาไร้ยางอาย เหยียบจมูกขึ้นหน้า! สุนัขดีไม่ขวางทาง รีบไสหัวไปไกลๆ!”
กาก้ายังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ยอมต่อไป “นี่เป็นบ้านของฉัน ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำให้เตียงของฉันแปดเปื้อน”
วิษณุส์ผลักกาก้ารุนแรงอย่างหงุดหงิด “ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!”
กาก้าถูกวิษณุส์ผลักจนล้มลงไปกับพื้น นานมากก็ไม่ลุกขึ้น
รุ่งอรุณตัวน้อยเห็นวิษณุส์กับผู้หญิงแปลกหน้ารังแกแม่ของเธอ จึงจับจ้องมองวิษณุส์อย่างโกรธเคือง เธอก้าวเดินทีละก้าวไปหาวิษณุส์ ยืนเขย่งเท้าจับมือของวิษณุส์ แล้วกัดอย่างแรง
แต่ตอนนี้เธอยังเด็กเกินไป ไม่มีกำลังความแข็งแรงเลย เธอลงกำลังไปสุดแรงแล้วก็ยังเพียงทิ้งรอยฟันตื้นๆ เอาไว้บนมือของวิษณุส์เท่านั้น
วิษณุส์เห็นรุ่งอรุณตัวน้อย ก็ยิ่งโกรธหนักขึ้น! เขาใช้กำลังยกแขนขึ้น เหวี่ยงร่างของรุ่งอรุณลอยออกไป กลิ้งบนพื้นไปหลายเมตร
แต่รุ่งอรุณไม่มีการร้องไห้ ล้มลงบนพรม ดวงตาโกรธแค้นมองตรงไปยังวิษณุส์
กาก้ากรีดร้องอย่างตกใจ รีบวิ่งเข้าไปอุ้มรุ่งอรุณขึ้น ถามด้วยความกังวลว่า “ลูกรัก หนูเจ็บหรือเปล่า เป็นอะไรไหม”
รุ่งอรุณส่ายหน้ากลั้นน้ำตา ไม่มีแม้สักหยดหลั่งออกมา
เธอมองวิษณุส์ ดวงตาสีฟ้าจางเป็นประกายแห่งความเกลียดชัง พูดกับวิษณุส์อย่างไม่เกรงกลัวว่า “คุณไม่ใช่พ่อของหนู คุณเป็นคนเลว หนูจะให้ลุงตำรวจจับคุณ!”