The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 64 นาราคือผู้หญิงของผม ผมจะไม่ให้ใครมารังแกเธอ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 64 นาราคือผู้หญิงของผม ผมจะไม่ให้ใครมารังแกเธอ
บทที่ 64 นาราคือผู้หญิงของผม ผมจะไม่ให้ใครมารังแกเธอ
“ดูเหมือนคุณบุรินทร์จะไม่รู้ เมื่อวานก่อน พิมมี่จัดหาคนมาลักพาตัวภรรยาของผมพร้อมกับจะพาเธอไปอังก”ษ ระหว่างทางเจอตำรวจดักไว้ สุดท้ายก็โยนภรรยาของผมลงทะเลไป คุณเป็นพ่อแท้ๆแค่นี้ก็ยังไม่รู้หรอ”
“คุณพูดอะไร นาราถูกโยนลงทะเล เธอ เธอเป็นยังไงบ้าง” บุรินทร์ตกใจจนลุกขึ้นมา
สองมือเริ่มสั่น นาราจะเป็นอะไรไปไม่ได้
“หากว่าเกิดอะไรขึ้นวันนี้ผมคงไม่เชิญคุณมาง่ายๆแบบนี้หรอก” คณพศเงยหน้าขึ้น
“เรื่องที่พิมมี่ทำ วันนี้ผมสามารถส่งเธอไปเข้าคุกให้เธออยู่ที่นั้นสักสอบปีแปดปีก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เห็นแกหน้าคุณ ถึงเรียกคุณให้มาจัดการเรื่องนี้เอง หวังว่าคุณบุรินทร์จะไม่ทำให้คมเสียใจ
อีกอย่าง เรื่องแต่งงานหลอกลวงระหว่างผมและพิมมี่ ก็ให้มันจบๆไปซ่ะ หวังว่าคุณจะรีบจัดการเรื่องหย่าระหว่างผมกับพิมมี่ให้เรียบร้อย
หากว่าคุณบุรินทร์ยังถ่วงเวลาต่อไปหละก็ ผมไม่กล้ารับประกันว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมจะตายเร็วหรือว่าเรื่องหย่าจะเร็วกว่ากัน”
สายตาของเขามองไปที่บุรินทร์อย่างหนักแน่น
“ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ ท่านประธานคณพศก็วางใจได้ ครั้งนี้ผมจะสั่งสอนพิมมี่อย่างดี ขอบคุณคุณคณพศมากที่มีเมตตา ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”บุรินทร์ลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไป
“คุณบุรินทร์” คณพศเรียกเขา
เขาเดินถึงหน้าประตูแล้วหยุดลงก่อนจะหันหน้ามา
“นาราคือผู้หญิงของผม ผมจะไม่ให้ใครมารังแกเธอ”
คณพศพูด
บุรินทร์พยักหน้าแล้วเปิดประตูออกไป ในใจของเขาเต้นแรง เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธจนแทบจะฆ่าคนของคณพศ
คฤหาสน์ตระกูลวรชัยลภัส บุรินทร์โกรธจัดเดินเข้ามาเปิดประตูใหญ่ คนใช้รีบก้มหัวลง “คุณท่าน”
“ไปเรียกพิมมี่ออกมา” เขามีความรู้สึกที่โกรธจนพูดไม่ออก
“ค่ะ” คนใช้รู้สึกได้ว่าบ้านกำลังจะเกิดเรื่องแล้ว
พิมมี่ได้ยินที่พ่อเรียกเธอ เธอก็ลุกลี้ลุกลนเดินลงมาจากชั้นสอง “คุณพ่อ”
เธอเดินมานั่งลงบนโซฟาแล้วมองบุรินทร์ ในใจก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว
“เปี้ย” บุรินทร์ตบเข้าที่หน้าของพิมมี่
เลือดซึมออกมาที่ปากเล็กน้อย
พิมมี่มองบุรินทร์แบบแทบไม่อยากจะเชื่อเธอโตขนาดนี้ ไม่มีครั้งใดเลยที่พ่อจะตีเธอ
“คุณพ่อ ทำไมตบพิมมี่หละคะ” เธอพูดเสียงดัง
เขมินท์ออกจากห้องเดินลงมา “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น”
“เกิดอะไรขึ้นนะหรอ คุณก็ถามพิมมี่เองสิ กล้าหาคนมาลักพาตัวนารา ยังให้คนโยกนาราลงทะเลอีก นี้หรอลูกที่ถูกเลี้ยงดูออกมาอย่างดี กล้าทำร้ายน้องสาวแท้ๆของตัวเอง”
เขมินท์ตาโตมองบุรินทร์ “คุณพูดบ้าอะไร พิมพี่อ่อนโยนแม้แต่ยุงก็ยังไม่กล้าตบ ลูกจะกล้าไปลักพาตัวนาราได้ยังไง”
บุรินทร์มองเขมินท์อย่างโกรธจัด “คุณถามพิมพี่เอง หากว่าไม่ใช่เพราะวันนี้ผมไปขอร้องคณพศมา คณพศคงจับพิมมี่เข้าคุกไปแล้ว”
เขมินท์หันหน้ามามองพิมมี่ “พิมมี่ นี้ลูกทำอย่างนี้จริงไหม ลูกทำอย่า
นี้จริงหรอ” เธอไม่อยากจะเชื่อว่านี้เป็นฝีมือลูกรักของเธอ จะต้องเป็นฝีมือนางนารานางทรยศคนนั้นทำแน่ๆ
“ใช่ พิมมี่ทำเองหละ พิมมี่จะให้มันตาย” พิมมี่มองบุรินทร์อย่างโกรธแค้น
“มันแอบอยู่กินกัน ยังไม่ยอมถอยออกมา ลูกต่างหากที่เป็นภรรยาที่แท้จริงของคณพศ ลูกต่างหากที่เป็นคุณนายของคณพศ มันกล้าดียังไงมาแอบอ้างฐานะของลูกไม่ยอมถอยออกไป ยังให้พ่อมาตบลูกอีก” พิมมี่โกรธ
บุรินทร์โกรธจนตบหน้าพิมมี่อีกครั้ง “แกยังอยากให้นาราตาย นาราแต่งงานกับคณพศนั้นก็เพราะแกเป็นคนบังคับต่างหาก แกยังจะมาโกรธแค้นอีก นี้ฉันมีลูกอย่างแกได้ยังไง”
เขมินท์ลุกขึ้น “คุณบุรินทร์ คุณหยุดตีพิมมี่นะ นี้ นี้นาราไม่ใช่ไม่ตายหรอกหรอ”
บุรินทร์มองแม่ลูกที่กอดกัน โกรธจนกัดฟันแน่น “ลูกที่คุณเลี้ยงออกมา คุณก็จัดการเองหละกัน หากว่านาราตายแล้ว คุณคิดว่าคุณจะมีโอกาสปลอบโยนกันอยู่อย่างนี้หรอ ไม่แน่ทั้งบ้านเราคงจะต้องได้ชดใช้”
บุรินทร์มองพิมมี่“แกรีบเอาเอกสารออกมาเลยนะ จัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยไม่งั้นแกก็รอเข้าคุกได้เลย”
“ไม่ คุณพ่อค่ะ ลูกจะไม่หย่าเด็ดขาด ถึงแม้ลูกจะไม่ได้คุณคณพศมา แต่ลูกก็ยังคงเป็นคุณนายของประธานคณพศฐานะของฉันยังไม่เปลี่ยน ลูกจะไม่ยอมให้นารามันสมหวังได้หรอก นอกเสียจากลูกตายไปแล้ว” เธอร้องไห้แล้ววิ่งขึ้นห้องไป
บุรินทร์จ้องมองเขมินท์ “นี้คือสิ่งที่คุณให้ท้ายมา คุณไปแก้ไขมันเอง” พูดจบเขาก็เดินออกจากคฤหาสน์
ดึกตืนนั้น ในคลับแห่งหนึ่ง วิษณุส์นั่งอยู่ เขากำลังคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง แก้วแล้วแก้วเล่า
“คุณชายสอง คุณดื่มมากแล้ว คืนนี้จะให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณไหมค่ะ” ผู้หญิงเล็บสีแดงค่อยๆใช้มือลูบกลางหน้าอกของเขา
ค่อยๆไล่มาจนถึงข้างล่าง วิษณุส์ต้องการผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามาก เขานึกถึงพิมมี่ เพื่อที่จะให้ได้คณพศมาถึงขนาดไปหาคนมาลักพาตัวนารา
ผู้หญิงที่ไม่มีหน้าอกคนนี้ ทำไมเขาถึงรักได้มาตั้งนาน หรือว่าเขาจะบ้าไปแล้ว
เขาให้ปากกัดผู้หญิงตรงหน้าเบาๆ “อยากให้ฉันอยู่ต่อ แล้วคุณจะทำยังไง”
“คุณก็ รู้อยู่แล้วยังจะถามอีก”
วิษณุส์ดื่มเหล้าที่อยู่ในมือจนหมดแก้ว แล้วโยนแก้วนั้นทิ้งไป แล้วกอดจูบผู้หญิงตรงหน้า ในห้องวีไอพีนั้นสักพักจึงเงียบลงแล้วตามมาด้วยเสียงผู้หญิงและเสียงผู้ชาย
พิมมี่โทรศัพท์หาวิษณุส์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่มีใครรับโทรศัพท์แต่ในเวลานี้วิษณุส์
และผู้หญิงคนนั้นกำลังเข้าที่เข้าทางกัน จะได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอได้อย่างไร
เธอขว้างโทรศัพท์
วันที่สองนาราไปโรงเรียน เห็นไลลาเข้า “ไลลา ผิงผิงหละ”
“เธอไปแล้ว เธอไปฝรั่งเศสแล้ว ตอนที่เธอไปเธอร้องไห้ด้วย นารา เธอว่าทำไมพวกเธอสองคนถึงเป็นแบบนี้ ผิงผิงไม่ยอมไปฝรั่งเศส แต่ว่าคุณปู่ของเขาเป็นคนที่พูดคำไหนคือคำนั้น” ไลลากุมมือของนาราร้องไห้
นารามองท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น โชคชะตาคือสิ่งที่พวกเราพูดอย่างไรก็คืออย่างนั้นหรือ เธอลูบไหลไลลาเบาๆ “ไปกันเถอะ ไปห้องเรียนกัน แต่ละคนมีชีวิตต่างกัน เขาจะต้องดีขึ้น อย่าเป็นห่วงไปเลย
“อืม” ไลลาพูดแล้วกุมมือนาราแน่น “วันก่อนที่เธอโดนลักพาตัวไม่เป็นไรใช่ไหม ทั้งโรงเรียนรู้กันหมดแล้วว่าเธอถูกลักพาตัว คุณชายเก้าอี้วิวแชร์ของเธอมาถึงโรงเรียนหาผู้อำนวยการด้วยตัวเขาเองเลย”
“อืม ใช่ ไม่เป็นไรแล้ว ฉันนี้ไม่ใช่ว่ากลับมาแบบปกติหรอกหรอ”คณพศมาหาผู้อำนวยการทำไม
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นาราและไลลาเริ่มสอบปลายภาคแล้ว ตลอดสามวันที่สอบ คณพศไม่รบกวนเธอ. ทุกวันตอนเช้าส่งเธอไปโรงเรียน ตอนเย็นก็รับเธอกลับมา ให้เธอยืมห้องอ่านหนังสือ
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบางครั้งจะมีรถวิวแชร์เข้ามา เข้ามาข้างๆเธอ จูบเธอ นาราเริ่มจะเคยชินกับการที่เขาเข้ามาแบบกระทันหันโดยไม่กล่าวเหตุผล
นาราสอบเสร็จและปิดภาคเรียน และช่วงนี้พิมมี่เงียบมาก ไม่มาหาเรื่องเธอ
แต่บริษัทของคณพศภายใต้การดูแลของเขา และการเซ็นต์สัญญาจากประเทศแทบยุโรปหลายประเทศ ก็เกิดการทำธุรกิจขึ้น ทำให้บริษัทเติบโตอย่างช้าๆ
ในเวลานี้วิษณุส์เริ่มวุ่นวายแล้ว เขานึกไม่ถึงว่าคณพศจะทำให้บริษัทเติบโตไปมากขนาดนี้แล้ว เติบโตกว่าแต่ก่อนมาก
。
ใจของเขาเริ่มไม่สงบ