The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 74 ฉันทับขาคุณแล้ว
บทที่ 74 ฉันทับขาคุณแล้ว
อาหารเต็มโต๊ะไปหมด มีทั้งอาหารหรูหราชั้นเลิศ และอาหารธรรมดาบ้านๆ ช่างน่าดึงดูดเสียจริง
การที่พวกเขาสี่คนมานั่งกินข้าวด้วยกันแบบนี้ ก็ทำให้พวกเขาได้สนิทกับนารามากขึ้น
อาหารมื้อนี้ ตรัญ เด่นภูมิและยชญ์ได้แต่นั่งมองคุณพศที่ทำตัวเหมือนแม่ที่กลัวลูกน้อยกินข้าวไม่อิ่ม ได้แต่ป้อนอาหารให้นาราไม่หยุด
ทำให้นารารู้สึกเขินมาก จนอยากจะหารูมุดลงไปซ่อนตอนนั้นเลย
แล้วเธอก็กระซิบกับคุณพศเบาๆว่า “คุณพศอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันอิ่มแล้ว”
เพื่อนสนิททั้งสามคนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้กล้ำกลืนศักดิ์ศรีของตัวเองลงไป คือคนเดียวกับพศที่แสนเย็นชาและน่าเกรงขาม
และก็รู้สึกว่าความรักของเขาตอนนี้ เหมาะกับคำๆว่า “หวานเลี่ยน” มากที่สุด
เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันอย่างตรัญ เด่นภูมิและยชญ์ได้แต่ด่าเขาในใจไม่หยุด และในที่สุดอาหารมื้อนี้ก็จบลงซักที
คุณพศรู้ว่าตรัญมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเขา เขาก็เลยลุกจากโต๊ะอาหาร
แล้วก็พูดกับนาราที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆเขาว่า “เดี๋ยวฉันจะไปคุยธุระกับบตรัญในห้องสมุดหน่อยนะ เธอไปเตรียมตัวก่อนเลย ฉันไปแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็มาแล้ว”
ทั้งๆที่เป็นคำพูดปกติชัดๆ แต่เพราะว่าสายตาและน้ำเสียงของคุณพศช่างอ่อนโยนและนุ่มนวล
นาราก็เลยหน้าแดงขึ้นมาทันที
เธอไม่กล้ามองเพื่อนสนิททั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆคุณพศตอนนี้ เพราะว่าพวกเขาสวีทกันจนเกินไป ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวินจนเริ่มมีสีหน้าโมโหเล็กน้อย
นาราได้แต่ก้มหัวและตอบเขาว่า “โอเคค่ะ”
พอพูดพบ เธอก็รีบหมุนตัวและวิ่งออกไปทันที ท่าทีรีบร้อนแบบนั้น ทำให้เธอยิ่งดูน่ารักเข้าไปอีก
พอนาราไปแล้ว ตรัญ เด่นภูมิและยชญ์ก็ตามคุณพศไปที่ห้องอ่านหนังสือ
พอเข้ามาที่ห้องอ่านหนังสือแล้ว ยชญ์ที่ดูร่าเริงเฮฮา ไม่เอาจริงเอาจัง ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“ยศ เรื่องวิษณุส์ แกวางแผนจะจัดการยังไง? พักนี้เขาเริ่มลงมือทำอะไรเยอะแยะมากขึ้นแล้ว ฉันรู้สึกว่าถ้าพวกเรายังนิ่งอยู่แบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะสร้างเรื่องอะไรมาอีก”
สิ่งที่วิษณุส์ทำแต่ละอย่างนั้นช่างใจดำอำมหิต นั่นคือสิ่งที่ยชญ์กับเพื่อนๆเข้าใจดีที่สุด หลายปีมานี้เขาจ้องแต่จะเอาชีวิตคุณพศ! แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง
เพราะฉะนั้นพอเห็นว่าช่วงนี้วิษณุส์เริ่มสร้างเรื่องเยอะขึ้น พวกเขาเลยอยากจะรีบลงไม้ลงมือทำอะไรบางอย่าง
สกัดแผนของเขาทั้งหมดให้มันอยู่แค่ในเปลของเขานั่นแหละ ถ้าจะดีที่สุดพวกเขาก็อยากจะฆ่าคนสถุนที่จะฆ่าน้องชายแท้ๆของตัวเองเพื่อตำแหน่งประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ซะ
พอได้ยินสิ่งที่ยชญ์พูด ถึงการเคลื่อนไหวของวิษณุส์ คุณพศที่รู้เรื่องราวทุกอย่างอย่างชัดเจนนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
เขาลุกขึ้นมาจากวีลแชร์ แล้วก็เดินไปที่หน้าต่าง แล้วก็พูดออกมาว่า “ไม่ต้องรีบ ฉันอยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าไอ้วิษณุส์นั่นมันจะฝีมือซักเท่าไหร่กันเชียว ฉันอยากจะให้มันลงแรงทั้งหมดที่มี แล้วค่อยพ่ายแพ้ให้กับฉัน แบบนี้ ค่อยคุ้มค่ากับที่ฉันทนทนุกข์มาหลายปีหน่อย”
“เพื่อคุณปู่แล้ว ตอนนี้ฉันยังเล่นงานถึงตายไม่ได้! พี่ยมบาลยังไม่อนุญาต!” คุณพศมอดูแสงอาทิตย์นอกห้าต่าง จิตใจเยือกเย็น
พอได้ยินสิ่งที่คุณพศพูด พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่
เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นห่วง แต่พวกเขาก็เคารพการตัดสินใจของเขา ได้แต่พูดออกมาว่า “ถ้ายังงั้นต่อไปนี้ พวกฉันจะคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของวิษณุส์ก็แล้วกัน ยังไงก็จะไม่ให้มันได้ทำอะไรแม้แต่นิดเดียว”
“อืม” พอได้ยินตรัญพูดดังนั้น คุณพศก็พยักหน้าเบาๆ
สายตาของเขาที่มองดูวิวนอกหน้าต่างอยู่นั้น ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสายตาที่ลึกซึ้ง
ถึงแม้ว่าสำหรับเขาแล้ว พี่ชายที่จ้องจะฆ่าเขาตลอดเวลาอย่างวิษณุส์ เขาไม่ถือว่าเป็นญาติมาตั้งแต่แรก
แต่คุณพศก็ห่วงเรื่องสุขภาพของคุณปู่ หลายปีมานี้ก็เลยปล่อยให้วิษณุส์ก่อความวุ่นวายไปทั่ว
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่อยาจะให้คุณปู่เห็นสองพี่น้องเข่นฆ่ากัน แล้วกระทบต่อสุขภาพจิตใจในช่วงบั้นปลายของชีวิต ถ้าดูจากพลักอำนาจและความสามารถของคุณพศแล้ว เขาคงฆ่าวิษณุส์ไปแล้วพันครั้ง
ส่วนเรื่องวิธีกำจัดคนชั่วๆอย่างวิษณุส์นั้น ก็เป็นอีกเรื่องอีกต้องคิดเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นคุณพศที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พอครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็เงียบลงไป
ตรัญกับเพื่อนที่พอเห็นเขาเงียบ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ คุณพศก็เลยพูดต่อว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม?”
คุณพศรู้สึกอบอุ่นใจ ที่รู้ว่าพวกเขาหาเรื่องที่จะมารวมตัวกันเพราะว่าเป็นห่วงเขา แต่ว่าสีหน้าของเขากลับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร
“ไม่มีแล้ว” ครั้งนี้คนที่ตอบคือเด่นภูมิ คนที่นิ่งเงียบมาตลอด
การที่พวกเขามาหาคุณพศวันนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงแต่ตรัญกับยชญ์บอกว่าอยากจะมาดูหน้าแก้วตาดวงใจของคุณพศซะหน่อย
เรื่องนี้เด่นภูมิรู้สึกรับไม่ได้อย่างมาก
พวกเขาสี่คนสนิทกันมากมาตั้งแต่เด็กๆ พอดื่มจนเมา ก็นอนบนเตียงเดียวกัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกว่าความสนิทสนมนั้นมันหายไป คุณพศหาข้ออ้างเพื่อที่จะให้พวกเขารีบกลับไป?
นั่นก็เพราะว่าเขามีภรรยาคนสวยเพิ่มเข้ามาในชีวิต
เด่นภูมิขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจ
คุณพศที่ตอนนี้ในใจเตมไปด้วยความกังวลนั้น เหมือนว่าจะไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเด่นภูมิตอนนี้
เขาตอบรับเด่นภูมิว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนล่ะ พวกแกก็ตามสบายนะ”
พอพูดจบ เขาก็เดินกลับไปที่วีลแชร์ แล้วก็ออกจากห้องไปหานารา
“คุณมีธุระที่ต้องคุยกับพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมเสร็จไวจัง?” นาราที่กำลังเตรียมวิธีการรักษาขาให้เขา ก็ถามออกมาทันทีที่เห็นเขาเข้ามา
เธอไม่คิดว่าคุณพศจะมาเร็วขนาดนี้ แต่พอเห็นเขาเข็นวีลแชร์เข้ามา เธอก็รีบเข้าไปช่วยทันที
สีหน้าของเธอดูนิ่งเรียบ แต่ในใจเธอกลับว้าวุ่นจากเรื่องเมื่อคืน
คุณพศเห็นว่านาราพูดกับเขาเหมือนปกติ แต่ว่าตอนพูดกลับไม่มองหน้าเขาเลย
คุณพศก็เลยดึงเธอมานั่งที่ตัก
เขากอดเธอไว้ที่อ้อมอก แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เธอยังทุกข์ใจเรื่องเมื่อคืนอีกเหรอ? ต้องให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะมีความสุขได้?”
ก่อนที่จะเจอนารา คุณพศไม่เคยคาดคิดเลยว่า
จะมีวันนึงที่คนอย่างคุณพศ จะลดความหยิ่งของตัวเองลง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และยิ้มเพื่อปลอบใจเธอ
“ฉันไม่ได้ทุกข์ใจเรื่องอะไรซักหน่อย คุณปล่อยฉันเถอะ ฉันทับขาคุณอยู่นะ” นาราที่ถูกคุณพศกอดอยู่ เวลาเขาพูดนั้น ลมหายใจอุ่นๆของเขาก็จะอยู่ที่ข้างหูของเธอ
นั่นมันทำให้นาราที่ตอนแรกขัดขืนเขาเพราะโกรธ กลายเป็นเขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมด
ในใจเธอรู้ดีว่า การที่คนนิสัยอย่างคุณพศมาคอยโอ๋เธอครั้งแล้วครั้งเล่านั้น เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากจริงๆ