The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่107 เขาอยากฆ่าเขาให้ตายตรงนี้
บทที่107 เขาอยากฆ่าเขาให้ตายตรงนี้
เขาก้มตัวลง พูดเสียงคุกคามเบาๆที่ข้างหูคณพศ “ฉันจะบอกอะไรนานให้ ออกคำสั่งกับฉันให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าวิษณุส์อย่างฉันได้ยินว่านายชนะ!ถ้านายรู้จักวางตัว แค่ทำตัวดีๆกับตำแหน่งประธาน แล้วเอาทุกอย่างกลับคืนมา ไม่อย่างงั้น เราจะได้เห็นดีกัน!”
ตำแหน่งประธานของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์กรุ๊ป เป็นความปรารถนาตลอดทั้งชีวิตของเขา
ในตอนแรกดูเหมือนว่าอีกประเดี๋ยวก็จะสำเร็จ แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้เขาถูกคณพศพิการคนนี้มาชิงตัดหน้า
เพียงแค่คิดถึงแต่เรื่องนี้ วิษณุส์ก็รู้สึกขายหน้า
คณพศที่กำลังเตรียมตัวจะเดินจากไปเมื่อได้ยินประยคที่วิษณุส์พูด รีบยกมือขึ้นอีกครั้ง สกัดเสกข์ที่เข็นวีลแชร์ให้หยุด
เขาหันหน้ากลับไปนิ่งๆ ดวงตาคู่เย็นชาจ้องมองไปที่วิษณุส์ แล้วพูดน้ำเสียงเย็นชา “เห็นดีฉัน ครั้งนี้ที่จ้างมือปืนมายิงฉัน ยังเอาชีวิตคณพศอย่างฉันไปไม่ได้เลย นายยังคิดจะทำอะไรอีก?”
“วันนี้ฉันจะบอกนายไว้อย่างแจ่มแจ้ง ตำแหน่งประธานของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์กรุ๊ป ฉันหลีกทางให้นายไม่ได้หรอก อีกอยู่ๆฉันก็เพิ่งคิดได้ พิมมี่ผู้หญิงคนนั้นของนาย เป็นชื่อเสียงให้คณพศอย่างฉันกับนาราไม่เลวเลยนะ”
“ยังจะไม่ว่านายจะเดินไปที่ไหน ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเธอคือผู้หญิงของคณพศฉันคนนี้ วิษณุส์ขอบมั่วกันอยู่กับเธอ พี่ชายของสามีกับภรรยาน้องชายคบชู้กัน คนเป็นหมื่นเป็นพันชี้หน้าด่ากราด!”
สำหรับผู้ชายสกปรกอย่างวิษณุส์ คณพศอยากจะจัดการเขา มีวิธีจัดการมากมาย
เข้าผิดว่าเก็บเรื่องราวอดกลั้นมาตั้งนานขนาดนี้ หรือเหตุการณ์ครั้งนั้น คณพศที่เขาคิดจะทำร้ายก็ทำได้อย่างงั้นเหรอ?
“นาย……” วิษณุส์โกรธจนอยากจะบีบคอไอ้พิการที่นั่งบนวีลแชร์คนนี้ให้ตายไปเลย!เขานึกไม่ถึง คณพศจะถึงขนาดไม่หย่ากับพิมมี่ เพื่อที่จะทำให้เขาขายหน้า!
เขารู้อยู่แล้ว ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพิมมี่ ตอนนี้จะหย่าขาดกันอย่างที่คาดไม่ถึง
หรือจะบอกว่าพิมมี่ไปหาเจ้าพิการนี่เมื่อเช้า ทำเรื่องลับลมคมใน เพียงแค่คิดถึงผู้หญิงที่เขาเคยได้ครอบครอง คงต้องคนอื่นไปแล้ว เขายิ่งรังเกียจมากขึ้น!
ต้องเป็นแบบนี้แน่ พิมมี่ผู้หญิงสารเลวคนนี้ ต้องให้ท่าคณพศไปแล้วแน่ ไม่งั้นเจ้าพิการนี่ จะอยู่ๆเปลี่ยนความคิดท่าทีไปได้ยังไง?
เพียงแค่คิด วิษณุส์ก็โกรธทันที ตรงเข้าพุ่งใส่คณพศ แต่เสกข์ไปขวางทางเขาเอาไว้เหมือนกับกำแพงกั้น
คณพศถูกบังอย่างกระทันหัน นึกขึ้นได้ว่านี่คือบริษัท ทั่วทุกมุมเต็มไปด้วยกล้อง คณพศตั้งใจยั่วโมโหเขา
เขาหยุดชะงัก ยิ้มเย็นชาแล้วพูด “น้องสาม นายชอบให้พี่ชายวิษณุส์อย่างฉันสวมเขาเหรอ?”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านายจะไม่รู้ เมื่อกี้ที่ห้องทำงานฉัน พิมมี่ผู้หญิงคนนั้น ร้องมีความสุขอยู่ใต้ร่างกายฉันนะ คนพิการอย่างนายมีเรื่องแบบนี้กับเขาไหมล่ะ?”
พิมมี่ เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของวิษณุส์เขา ไม่อนุญาตให้ใครมาแตะต้องได้แน่ ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงที่โง่ แต่ก็มีค่ามากพอ!
แต่เดิมที่วิษณุส์เข้าใจว่า ที่เขาพูดแบบนี้จะสามารถยั่วโมโหคณพศได้
แต่ไม่คิดว่าคณพศจะกลับเพียงแค่พูดนิ่งๆ อย่างกับสายลมบางๆที่พัดผ่านเมฆ “ดีจัง ยังไงซะฉันดูแล้วพิมมี่คนนั้น ก็ต้องชอบหนักหน่วงในเรื่องนั้น ฉันต้องขอบคุณนายนะ ที่เติมเต็มเธอแทนฉัน ”
“แต่ว่าไม่เป็นไร รอนายไปที่ตะวันออกกลางกว่าจะกลับมา ฉันไม่มีเวลาเติมเต็มเธอ ฉันจะใกล้บอร์ดี้การ์ดของฉัน ไปเติมเต็มเธอทีละคนตามลำดับก็แล้วกันนะ ”
“พิมคงจะชอบมาก ฉันจัดการแบบนี้ ถึงยังไงสำหรับผู้หญิงแบบนั้นแล้ว ผู้ชายคนไหนก็ได้หมดแหละ ”
วิษณุส์ยังคงคิดว่า อย่างคณพศเพราะว่าพิมมี่ จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้!
แต่ที่ไหนได้ บนโลกใบนี้ ผู้หญิงที่คณพศอย่างเขาสนใจ คือเพียงนาราน้อยของเขาคนเดียวเท่านั้น
นอกจากนั้นผู้หญิงคนอื่นในสายตาเขานั้น ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
คณพศเพิ่งพูดจบประโยค วิษณุส์ที่คิดจะยั่วโมโหเขาในทีแรกก็ยังคงไม่สำเร็จ
วิษณุส์ได้ถูกเขาทำให้โกรธจนตาเบิกกว้างเป็นที่เรียบร้อย เส้นเลือดพองตัว เขาอยากจะฆ่าเขา ที่นี่ตรงนี้!
โกรธจนผลักเสกข์ออกทันที ยื่นมือไปจับที่จับวีลแชร์ของคณพศ ออกแรงผลักไปให้ไกล
ระดับของแรงที่ออกไปนั้น อยากจะให้คณพศตายคาที่ นัยน์ตาของเขามีความเคียดแค้น
ปากด่าออกมาเสียงดังอย่างอดกลั้นไม่อยู่ “คณพศนายมันโง่ ไปตายไป!ผู้หญิงของฉันถ้านายกล้าแตกก็ลองดู!แม้แต่ผู้หญิงที่ฉันไม่ต้องการนายก็เหยียบย่ำไม่ได้!”
ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าท่ามกลางผู้คนมากมายวิษณุส์จะกล้า ทำเรื่องทำร้ายร่างกายคณพศได้
เสกข์ที่เพิ่งถูกวิษณุส์ผลักออกไปด้านข้าง ก็ตกใจอย่างแรงทันที
รีบวิ่งตามวีลแชร์ของคณพศ ปากตะโกนเสียง “ประธาน ระวัง……”
คณพศนั่งอยูบนวีลแชร์ ที่แท้สามารถลุกขึ้นได้ หรือวีลแชร์สามารถควบคุมระดับความไวของตัวเองได้กันแน่ ถึงได้กลับไปนั่งนิ่งได้เหมือนเดิม
ดวงตาคู่จ้องเขม่งที่วิษณุส์ เขายกยิ้มสะใจน้อยๆที่มุมปาก ในที่สุดวิษณุส์ก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่ อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ก็ลงไม้ลงมือกับเขาจนได้
เขาอยากจะเห็น ใบหน้าจอมปลอมเขาฉีกเอาความชั่วร้ายออกมาต่อหน้าคนมากมาย ไอ้ชั่วนี่ยังมีคุณสมบัติอะไรที่จะยืนอยู่ที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์
หลังเห็นวีลแชร์ที่คณพศนั่งแล่นไปด้วยความเร็ว ลิฟท์ด้านหลังที่วิ่งจากห้องโถงลงไปชั้นสอง ถ้าหากคณพศลื่นไถลไปแบบนี้ คิดไม่ออกเลยว่าผลลัพท์จะเป็นยังไง!
ทุกคนในห้องโถง ต่างก็ตาเบิกกว้าง ตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
เกิดอันตรายขึ้นกับประธาน!
แต่ในช่วงสถานการณ์อันตราย โคงใหญ่ก็มีบอร์ดี้การ์ดสูทดำวิ่งกรูเข้ามาอย่างกระทันหัน กระโจนเข้ามาจับวีลแชร์ที่ถอยหลังอยู่ จับคณพศที่อีกเพียงเสี้ยวเดียวละล้มลงไป
คณพศถึงได้เหตุการณ์ดีขึ้น
“ประธาน ไม่เป็นไรใช่ไหม!”เสกข์ตกใจจนขาทั้งสองสั่น!
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็โล่งอก
กษาปณ์หน้าขาวซีด วิ่งเข้าจากหน้าประตูบริษัทตระกูลปัญญาพนต์เข้ามา
ฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นได้กระโจนเข้าไปอยู่ในตาของเขา ตาเขาจ้องมองที่หลานชายตัวเอง อีกนิดก็จถึงแก่ชีวิต
ความโกรธนี้เขาสั่นไปทั่วทั้งตัว พุ่งตรงไปข้างๆคณพศ “ชายสาม ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ถ้าหากเขาไม่ได้เห็นกับตา กษาปณ์เขาคนนี้ไม่มีทางเชื่อแน่ๆ
บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ที่เขาก่อตั้งขึ้นมาสุดกำลัง จะมีคนจ้องจะเอาชีวิตหลานสุดที่รักของเขาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้!เพิ่งจะมาถึงเขาก็วีลแชร์ของคณพศไถลไปด้านหลัง
กษาปณ์ที่ไม่ได้เข้าบริษัทมานานคิดไม่ถึงเลยว่า จะเกิดขึ้นเรื่องขึ้นอย่างกระทันหัน
คณพศเงยหน้ามองกษาปณ์ ยิ้มเล็กน้อยแล้วจับไปที่มือของเขา “คุณปู่ ปู่มาทำไมครับ?”
แต่วิษณุส์เองก็คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆวันนี้ท่านตระกูลจะเข้ามาบริษัท
แถมยังมาเห็นฉากที่เขาออกแรงผลักคณพศ สีหน้าเขาก็ขาวซีดทันที
ยืดอยู่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ เพียงแค่คิดอยู่ในใจ ซวยแล้วๆ ครั้งนี้ถูกเห็นอีก ปากเขามึนไปหมด อธิบายก็ไม่ถูก
แต่คณพศที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ ถูกกษาปณ์จับมือเอาไว้ กลับมีอาการสั่น
หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ปู่ครับ ผมไม่เป็นไร เรื่องนี้อย่าโทษพี่สองเลยครับ เขาไม่ได้ตั้งใจผลักผม เขาแค่พลั้งมือ”