The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่53 ผู้หญิงของฉันนอกจากฉันแล้วใครหน้าไหนก็ห้ามรังแก
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่53 ผู้หญิงของฉันนอกจากฉันแล้วใครหน้าไหนก็ห้ามรังแก
บทที่53 ผู้หญิงของฉันนอกจากฉันแล้วใครหน้าไหนก็ห้ามรังแก
อีกคนพูดออกมาง่ายๆว่าให้เธอกลับไป ตอนนี้ไม่ต้องการตัวแทนคนนี้แล้ว นี่มันตลกเป็นบ้า
“พี่คงต้องผิดหวังแล้วล่ะ คุณคณพศไม่ต้องการให้ฉันไป ฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น เขาต้องการดูแลฉันค่ะ” เธอกลับมาพูดด้วยท่าทีสบายๆเช่นเคย แต่จริงๆในใจกลับโหมกระหน่ำไปด้วยความโกรธ
ผู้หญิงคนนี้จะข่มเหงกันเกินไปแล้ว เรื่องอะไรเธอจะยอมให้อีกคนมาบงการได้ง่ายๆล่ะ!
“นี่แกจะหน้าด้านไม่ยอมไปงั้นเหรอ” พิมมี่ที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที “แกอย่าลืมสิ ภรรยาตัวจริงตามกฎหมายของคุณคณพศคือฉันต่างหาก ตัวแทนอย่างแกก็ควรกลับไปอยู่ในที่ๆเดิมของแกซะ”
นารายิ้มเย็น เธอตวัดนัยน์ตาเรียบนิ่งมองพิมมี่ “พี่ให้ฉันแต่งฉันก็แต่ง พอพี่ให้ฉันไปฉันก็ต้องไป? ฉันจำได้ว่าวันที่ฉันแต่งงานแทนพี่ฉันได้บอกไว้แล้วนี่ว่าตั้งแต่ที่ฉันก้าวเท้าออกจากตระกูลวรชัยลภัส ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณตลอดสิบห้าปีที่เลี้ยงดูฉันมา! ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณตระกูลพี่แล้ว! ฉันจะทำอะไรฉันเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเรื่องที่พี่เป็นหรือไม่เป็นภรรยาของคุณคณพศ พี่ก็ไปคุยกับเขาเอง ถ้าเขาต้องการให้ฉันไปฉันก็จะรีบไปทันที”
พิมมี่รู้สึกได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำแบบนี้ เธอเดินเข้าไปกระชากแขนนารา “แกว่าไงนะ นี่แกกล้าเถียงฉันงั้นเหรอ!”
นาราสะบัดมืออีกคนออก “ที่ผ่านมาพี่พูดมาตลอดว่าเกลียดฉัน ตอนนี้พอฉันอยู่ห่างจากพี่แล้วพี่ก็ยังไม่พอใจ ฉันบอกแล้วไงว่าต่อจากนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว!”
“เพี้ยะ!” ทันทีที่นาราเอ่ยจบพิมมี่ก็ตบลงบนใบหน้าเธอ เพียงครู่เดียวแก้มขาวใสก็ปรากฏรอยแดงของฝ่ามือ
ศีรษะเอียงเล็กน้อยตามแรงตบ เธอหันกลับมามองพิมมี่ สายตาเรียบนิ่งมีประกายเย็นชา “พิมมี่ หยุดข่มเหงคนอื่นได้แล้ว ยังไงฉันก็ไม่ทำตามที่เธอสั่ง”
พิมมี่มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเกลียดชัง “แกก็หน้าไม่อายเหมือนแม่แกนั่นแหละ ไม่รู้รึไงว่าที่คนแกเกาะอยู่ตอนนี้เป็นผู้ชายของฉัน ที่ฉันให้แกแต่งงานแทนก็เพราะฉันหวังดีกับแก รีบไสหัวออกไปซะอย่าให้ฉันต้องลงมืออีก!”
“เธอให้ใครไสหัวไปนะ” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากประตูคฤหาสน์ตามมาด้วยเสียงวีลแชร์ที่ค่อยๆเคลื่อนมายังห้องรับแขก บนวีลแชร์มีคณพศที่สวมชุดสูทนั่งอยู่
สายตาเยือกเย็นราวกับพายุในฤดูหนาว นัยน์ตาคมราวกับมีดมองตรงไปยังพิมมี่
ทั้งสองยืนนิ่งมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ แม้ว่าจะนั่งอยู่ก็ตามแต่กลับดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
พิมมี่มองใบหน้าโกรธจัดและสายตาคมราวกับจะฆ่าคนของชายหนุ่ม ทันใดนั้นตัวของเธอก็สั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ “คุณชายสาม…”
แววตาเยือกเย็นของคณพศหายไป เขาเคลื่อนวีลแชร์ไปหยุดข้างๆนาราพลางมองหญิงสาวอย่างเจ็บปวด “มานี่ ขอฉันดูหน่อย”
เขาดึงมือเธอให้ขึ้นมานั่งบนตัก มองแก้มใสที่มีรอยแดงของฝ่ามือแล้วลูบเบาๆ “เจ็บรึเปล่า”
นาราไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าตอบเท่านั้น เธอกำลังจะลุกขึ้นแต่ชายหนุ่มกลับใช้มือทั้งสองกอดเธอเอาไว้พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวฉันทายาให้ จำไว้นะจากนี้ไปถ้าใครตบเธออีก เธอก็ตบคืนซะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!”
นาราซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ออกมา โตขนาดนี้แล้วเธอถูกตีมาไม่รู้กี่ครั้งแต่เธอก็อดทนมาตลอด ไม่เคยมีใครห่วงใยเธอแบบนี้มาก่อน
เธอน้ำตาคลอพลางยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เจ็บ”
“เด็กโง่…” คณพศกระชับกอดแน่นขึ้น
พิมมี่ยืนมองท่าทีอ่อนโยนที่คณพศปฎิบัติกับนาราด้วยความริษยา
ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ ภาพนารานั่งบนตักคณพศทำให้ใจของเธอเจ็บปวดราวกับถูกแทงด้วยมีดหลายหมื่นเล่ม! เจ็บจนอยากตาย
เธอกำมือแน่น เล็บยาวๆจิกเข้าไปในเนื้อจนเลือดไหลออกมา
ขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปก็ถูกสายตาเย็นชาของคณพศหยุดไว้เสียก่อน เธอมองอีกฝ่ายอย่างตะลึง สายตาที่ใช้มองเธอแตกต่างกับที่มองนาราราวฟ้ากับเหว! คณพศมองเธอด้วยความรังเกียจ
“เข้ามา!”
ชายชุดดำสองคนข้างนอกรีบเข้ามาทันที “ครับท่าน”
“โยนผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไปซะ!”
“ครับ!” บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วตรงไปยังพิมมี่ทันที
พิมมี่ที่ยังไม่ทันตั้งตัวจึงทำได้เพียงขัดขืนสุดแรง “พวกแกจะทำอะไร ฉันเป็นนายหญิงของคฤหาสน์นี้นะ ปล่อยฉัน! นารานังสารเลวหน้าไม่อาย แกแย่งผู้ชายของฉัน… ”
“เดี๋ยว!” พิมมี่ยังด่าไม่ทันจบก็ถูกเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ขัดขึ้นเสียก่อน
บอดี้การ์ดหันหลังกลับมา “ครับท่าน!”
“ตบปากผู้หญิงคนนี้ซะ! ให้เธอด่าไม่ได้อีก จำไว้ด้วยว่าครั้งหน้าห้ามให้เธอเข้ามาเหยียบในคฤหาสน์แม้แต่ก้าวเดียว!” ทั้งร่างคณพศเต็มไปด้วยความโกรธ
“ครับ!”
จากนั้นเสียงด่าของพิมมี่ก็หยุดไป แต่แทนที่ด้วยเสียง “เพี้ยะ” และเสียงกรีดร้องดังก้องในคฤหาสน์
นารามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตกตะลึง ภายในใจราวกับกำลังถูกซัดด้วยเกลียวคลื่น
คณพศโอบนาราไว้แล้วเคลื่อนวีลแชร์ไปยังตู้เก็บยา เขาหยิบกล่องยาขึ้นมาแล้วบรรจงทามันลงบนแก้มของเธอ
นาราได้ยินเสียงกรีดร้องด้านนอก เธอขมวดคิ้วแน่นแล้วจับมือคณพศ
ชายหนุ่มรู้ว่าเธอจะขอร้องให้พิมมี่ ผู้หญิงคนนี้จิตใจดีเหลือเกิน ทั้งๆที่ถูกรังแกขนาดนี้ วันนี้จะขอให้เขาแก้แค้นให้ก็ยังได้ แต่กลับขอร้องให้ปล่อยผู้หญิงใจร้ายคนนั้นไป
คณพศถอนหายใจ “จำไว้นะจากนี้ไปเธอคือผู้หญิงของฉัน ใครหน้าไหนก็ห้ามรังแกเธอทั้งนั้น นอกจากฉันคนเดียว!” นารามองดวงตาสีดำสนิทและสีหน้าที่เอาแต่ใจของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหลุดยิ้มออกมา “ไม่ถูกคนอื่นรังแกแต่ถูกคุณรังแกมันต่างกันด้วยเหรอคะ”
ชายหนุ่มกดจูบลงมาพร้อมกับดูดดึงริมฝีปากเธอ แล้วยังแนบริมปากลงบนรอยแดงบนแก้มพร้อมกับเลียเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ยัยโง่ ฉันรังแกเธอแค่บนเตียงนั้นแหละ เวลาปกติไม่รังแกหรอก”
นาราที่ถูกเลียแก้มขนลุกชันไปทั้งตัว และหน้าที่แดงขึ้นอีกเมื่อได้ยินที่อีกคนพูด
บอดี้การ์ดข้างนอกโยนพิมมี่ออกไปจากคฤหาสน์เจหงส์เรียบร้อยแล้วทำให้เสียงเงียบไป ภายในคฤหาสน์จึงมีเพียงสองร่างที่กำลังกอดกันกลมอยู่บนโซฟา
“ทำไมคุณถึงกลับมาตอนนี้ล่ะ ไม่ได้อยู่ที่บริษัทเหรอคะ” เธอจำได้ว่าทุกครั้งที่ไปบริษัทอีกคนจะกลับมาตอนเย็นๆ แต่ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงก็กลับมาแล้ว
จริงๆแล้วตั้งแต่ที่พิมมี่มาที่คฤหาสน์ก็มีคนรายการเขาแล้วว่ามีผู้หญิงมาที่บ้านเขา เขาคิดว่าน่าจะเป็นพิมมี่ เธอไปบ้านเขาคงเพราะต้องการรังแกภรรยาตัวเล็กของเขา
เขาจึงรีบให้เสกข์มาส่งที่บ้าน ผู้หญิงของเขาใครก็ห้ามแตะทั้งนั้น ถ้ากล้าแตะต้องก็ต้องถูกสั่งสอน!
“ก็คิดถึงเธอไงเลยกลับมาหา แต่ไม่นึกเลยว่าภรรยาของฉันจะกำลังถูกรังแก” เขาจับมือเธอขึ้นมาชิดริมฝีปากแล้วงับนิ้วมือเล็กเบาๆ
นาราสั่นสะท้านไปทั้งตัว ผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งชอบแหย่เธอ ทุกครั้งที่รู้ว่าเธออายก็จะชอบเข้ามาลวนลามตลอด
“คุณภรรยา ฉันกลับมาหาแล้วจะไม่มีรางวัลให้หน่อยเหรอ” เขาเอ่ยเสียงแหบชิดใบหูเล็ก
“รางวัลอะไรคะ” นารามองอีกคนงงๆ
“อืม…ก็ทำให้ฉันสบายตัวไง” ผู้ชายคนนี้หน้าหนาอย่างกับกำแพง
นารารีบยืนขึ้นทันที เธอเอ่ยด้วยใบหน้าขึ้นสีและใจเต้นแรง “เมื่อคืนก็สบายตัวไปแล้วไม่ใช่รึไงคะ ฉันไปดูอาหารเย็นดีกว่า คุณทานเสร็จแล้วจะไปบริษัทอีกไหมคะ