The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่54 คุณภรรยาพวกเราเข้าไปทำในห้องอีกรอบกันเถอะ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่54 คุณภรรยาพวกเราเข้าไปทำในห้องอีกรอบกันเถอะ
บทที่54 คุณภรรยาพวกเราเข้าไปทำในห้องอีกรอบกันเถอะ
คณพศดึงมือให้นาราลงมานั่งบนตักอีกครั้ง “ไม่ต้องรีบหรอก วันนี้วันศุกร์ไม่ต้องเข้าบริษัทอีก พรุ่งนี้กับวันมะรืนฉันจะพาเธอไปที่ๆหนึ่ง แล้ววันจันทร์ฉันจะไปส่งเธอเข้าเรียน”
นาราตะลึงงัน ส่งเธอไปเรียน!
“คุณจะให้ฉันไปเรียนจริงๆเหรอคะ”
“อืม ฉันรับปากแล้วไงว่าจะให้เธอไปเรียน แต่มีข้อแม้นะคุณภรรยา”
“ข้อแม้อะไรเหรอคะ”
“ฉันอนุญาตแค่ให้ไปเรียน ไม่อนุญาตให้ติดต่อกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น ทุกวันพอเลิกเรียนก็ต้องรีบกลับบ้าน เธอทำได้รึเปล่า” นัยน์ตาสีดำเข้มจ้องมองเธอเขม็ง
นารายิ้มร่าและหัวเราะเสียงใสในอ้อมกอดของเขา “คุณกลัวฉันจะหนีเหรอคะหรือกลัวว่าฉันจะไม่กลับมา คุณวางใจได้เลย ฉันจะไม่ติดต่อกับผู้ชายซักคน ถ้าขาของคุณยังยืนไม่ได้ฉันก็จะไม่ไปไหนหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มชะงักค้างมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด รอยยิ้มไร้เดียงสาของเธอช่างงดงามยิ่งนัก เธอยิ้มราวกับลูกแมวตัวเล็กๆที่ดีใจเมื่อได้กินปลา ใบหน้างอง้ำคลอเคลียในอ้อมกอดเขา
จังหวะหัวใจเขาเต้นช้าลง มือทั้งสองรั้งใบหน้าคนในอ้อมกอดให้เงยขึ้นแล้วบดจูบลงไป เขาดูดดึงริมฝีปากสวยหนักๆราวกับต้องการกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว ให้ความสวยงามความสะอาดความไร้เดียงของเธอเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
เขาบดจูบอย่างเร่าร้อน ไม่นานนักร่างกายส่วนล่างของเขาก็คับแน่นจนปวดหนึบไปหมด
เขาก้มมองหญิงสาวในอ้อมกอด ลมหายใจของเธอความอ่อนหวานของเธอจะไม่ให้เขาหลงรักได้ยังไง ทำยังไงดีนะ เขารู้สึกไม่อยากให้เธอไปเรียนซะแล้ว
พอไปเรียนโลกของหญิงสาวก็ไม่ได้มีแค่เขาอีกต่อไป เธอฉลาดขนาดนั้นเขามั่นใจว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องได้อยู่ในจุดสูงสุดแน่นอน
เขาไม่เคยมองคนผิด เมื่อเขาบดจูบจนพอใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นแล้วกระซิบเสียงแหบพร่า “คุณภรรยา เราเข้าไปทำในห้องกันซักรอบเถอะ!”
นาราได้ยินดังนั้นก็ผลักอีกคนออกทันที เธอลุกขึ้นเร็วๆ “คุณคณพศ นี่มันยังเช้าอยู่นะคุณอย่าทำแบบนี้สิ อีกอย่างทำแบบนั้นบ่อยๆมันไม่ดีกับร่างกายคุณด้วยเพราะมันจะส่งผลกระทบกับการฟื้นตัวของขาคุณนะคะ”
คณพศมองหญิงสาวที่ตอนนี้ขยับออกไปยืนห่างจากเขา ยิ่งเธอทำปากเบะแบบนั้นมันยิ่งทำให้เขาอยากจะกดเธอลงบนพื้นแล้วลงโทษให้เข็ดชะมัด
นารามองร่างกายส่วนล่างของอีกคนที่ดันเนื้อผ้ากางเกงขึ้นมา เธอรีบเดินออกจากห้องรับแขกไปยังห้องครัวทันที ด้วยหัวใจที่เต้นรัว
คณพศทำได้เพียงใช้มือบังคับวีลแชร์ให้เคลื่อนตามหญิงสาวไปยังห้องครัว เขารู้สึกว่าตัวเองไม่อยากอยู่ห่างจากเธอแม้แต่ก้าวเดียว
กลางวันไม่ดีใช่ไหมงั้นรอให้ถึงตอนกลางคืนก็ได้ เขาคิดพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ
คฤหาสน์ตระกูลวรชัยลภัส พิมมี่พาร่างกายที่เจ็บปวดและเหนื่อยล้ากลับมาจึงถึงคฤหาสน์ เพียงเธอเปิดประตูเข้าไป คนใช้ก็อ้าปากค้างทันที
“คุณหนูเกิดอะไรขึ้นคะ”
เขมินท์และบุรินทร์รีบมองตามทันที ทั้งสองมองพิมมี่ที่ยืนอยู่กลางห้องรับแขกอย่างตกตะลึง ปากของเธอบวมเป่ง เสื้อผ้ามีรอยเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนบ้า
“พิมมี่! ลูกไปทำอะไรมา”
“ลูกถูกใครตีมา” เขมินท์และบุรินทร์ลุกขึ้นพร้อมกัน มองลูกสาวตัวเองอย่างโมโห บุรินทร์ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองธิตกล
แต่ตอนนี้ลูกสาวของเขาถูกตีจนสภาพแทบดูไม่ได้แบบนี้ เขาโกรธจนแทบคลั่ง กล้าดียังไงมาทำร้ายร่างกายลูกสาวของตระกูลวรชัยลภัส คงไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!
เขมินท์เดินร้องห่มร้องไห้เข้าไปกอดพิมมี่ “พิมมี่ใครมันตีลูก บอกแม่สิ!”
พิมมี่น้ำตาไหลเป็นสาย เธอพูดไม่ออกเพราะปากของเธอเจ็บไปหมด
“พิมมี่ ใครกันแน่ที่ทำลูก” บุรินทร์ตะคอก
“คณ…พศ” พิมมี่ปริปากเอ่ยออกไปอย่างกลั้นความเจ็บปวด ภาพตรงหน้าตัดฉับพร้อมกับร่างกายที่ล้มลงไปในอ้อมแขนของเขมินท์……
ณ ห้องพักคนไข้ เขมินท์มองลูกสาวที่นอนบนเตียงด้วยดวงตาแดงก่ำ “คณพศข่มเหงลูกเราเกินไปแล้ว เขาทำไมต้องทำร้ายพิมมี่ขนาดนี้ด้วย คุณบุรินทร์ คุณต้องคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่องนะคะ”
บุรินทร์เดินไปมาในห้องอย่างใช้ความคิด “พิมมี่ไปทำอะไรที่คฤหาสน์ของคณพศ ถึงแม้คณพศจะโหดร้ายขนาดไหน แต่ถ้าพิมมี่ไม่ได้ทำอะไรเขาก็ไม่ลงมือขนาดนี้แน่นอน”
“คุณไปถามดูไม่ได้เหรอคะ ต่อให้คณพศจะเป็นผู้อำนวยการของตระกูลปัญญาพนต์แต่จะมาตีผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณรีบโทรไปหาวิษณุส์เลยค่ะ!” เขมินท์ตวาดเสียงดัง
ตอนที่วิษณุส์มาถึงห้องพักผู้ป่วยแล้วเห็นสภาพของพิมมี่ ใจของเขาก็เหมือนถูกแทงด้วยเข็มหลายเล่ม
ระหว่างมาที่นี่เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
พิมมี่ไปคฤหาสน์เจหงส์แล้วตบและด่านาราสารพัด คณพศจึงให้คนจัดการพิมมี่จนมีสภาพเช่นนี้
ที่เธอไปตบนาราก็เพราะต้องการให้นาราออกไป เพราะเธอยังต้องการแต่งงานกับคณพศ นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงไร้สมองอย่างพิมมี่ทำลงไป
เขามองพิมมี่อย่างรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าที่เธอมีสภาพแบบนี้ก็เพราะต้องการแต่งงานกับคณพศ ใจเขาก็มีเพียงความรู้สึกสมเพทเท่านั้น แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเขมินท์เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
“วิษณุส์ คณพศจะข่มเหงคนอื่นเกินไปแล้ว เราต้องฟ้องร้องที่เขาทำร้ายพิมมี่ขนาดนี้ คิดว่าเป็นผู้อำนวยการของตระกูลปัญญาพนต์แล้วจะทำร้ายใครก็ได้รึไง” เขมินท์เอ่ยไปร้องไห้ไป
“คุณป้าครับ คณพศทำถึงขนาดนี้ผมไม่ปล่อยไปหรอกครับ บาดแผลที่พิมมี่ได้รับครั้งนี้ผมจะให้เขาชดใช้คืนอย่างสาสม!” เขารับปากเขมินท์อย่างหนักแน่น
บาดแผลของพิมมี่หนักมาก หมอบอกว่าต้องดูอาการที่โรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์ถึงดีขึ้น
สามวันหลังจากที่พิมมี่ถูกทำร้าย นาราก็ได้กลับมาเรียนอีกครั้ง
วันนี้ตอนเช้าคณพศนั่งรถมาส่งนาราที่มหาวิทยาลัยB รายละเอียดการเข้าเรียนต่างๆ เขาได้คุยกับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว
อธิการบดีรู้ว่านาราเป็นคนของคณพศ ส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไรนั้นคณพศได้ปิดบังไว้ชั่วคราว
ตอนที่เรียนนาราเป็นหนึ่งในสามนักศึกษาที่เรียนดีมากโดยตลอด ครั้งที่แล้วลาสองสามเดือน ตอนนี้กลับมาเรียนอีกครั้งจึงไม่ได้ผิดปกติอะไร
นาราเงยหน้ามองมหาวิทยาลัยที่ตัวเองจากไปนานตั้งสี่เดือน ตอนนี้ได้กลับมารียนอีกครั้งแล้ว เธอพูดไม่ออกจริงๆว่ารู้สึกอย่างไร
คณพศตบไหล่เธอเบาๆ “ไปเถอะ ตั้งใจเรียนล่ะอย่าทำให้ฉันขายหน้า ฉันจะดูผลสอบเธอด้วยนะ!”
นาราหันกลับมามองผู้ชายตรงหน้า รู้สึกราวกับอีกคนเป็นผู้ปกครองอย่างไรอย่างนั้น
เธอถลาไปจูบลงบนแก้มอีกคนด้วยความซึ้งใจ “วางใจได้ค่ะ ฉันไม่ทำให้คุณขายหน้าแน่นอน”
ที่ผ่านมานาราไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาก่อน ถึงแม้ครั้งนี้จะจูบเบาๆราวกับแมลงปอแตะขาบนน้ำก็ตาม แต่นั้นก็ทำให้เขามีความสุขอย่างมาก
เขาลูบผมเธอเบาๆแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ไปได้แล้ว มีอะไรก็โทรหาฉัน”
“ค่ะ” นาราเปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย
คณพศรอจนแผ่นหลังนาราเดินหายลับไป จึงสั่งให้ลุงบีมออกรถ
นาราเดินไปยังประตูห้องเรียน ยังไม่ทันได้เงยหน้า เงาดำเงาหนึ่งก็พุ่งออกมา
เธอยกมือขึ้นปิดตาและพยายามหลบ แต่ก็หลบไม่พ้นอ้อมกอดของเงาดำนั้น
“นารา นี่เธอจริงๆเหรอ ให้ตายเถอะนี่ฉันฝันไปรึเปล่า เธอกลับมาแล้ว!” ผิงผิงเบิกตาโตมองนาราอย่างตกตะลึง
ไลลาที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มองนาราตาโต เธอยื่นมือไปหยิกแขนนารา
“โอ๊ย” นาราหันไปมองอีกคน “ไลลาฉันจำได้ว่าเราไม่ได้แค้นอะไรกันนี่ พอเจอหน้าเธอก็หยิกฉันเลยเหรอ”
ไลลาสะดุ้งเฮือก “นารา นาราจริงๆด้วย!”
“ก็ฉันน่ะสิ เธอเป็นอะไรไป จำฉันไม่ได้รึไงกัน” นารากลั้นยิ้มสุดแรงพร้อมกับหมุนตัวเดินออกไป