The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่55 เธอแต่งงานกับเทพบุตรวีลแชร์
บทที่55 เธอแต่งงานกับเทพบุตรวีลแชร์
สองคนข้างหลังเรียกเสียงดังพร้อมกับเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง “ยัยตัวดี ทำไมเพิ่งจะกลับมาฮะ รู้รึเปล่าว่าพวกเราคิดถึงเธอจนไม่กินข้าวกินปลา ผอมกันหมดแล้วเนี่ย!”
“นี่หยุดพูดจาน้ำเน่าได้แล้ว” นาราถูกทั้งสองคนกอดคอแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
ทั้งสามทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะจนทำให้เพื่อนๆคนอื่นหัวเราะไปด้วย
เมื่อเห็นนารากลับมาทุกคนต่างพากันเข้ามาทักทาย
“รีบบอกมาสิว่าหลายเดือนที่ผ่านมาเธอหายไปไหน ฉันไปหาเธอที่บ้านตั้งหลายครั้งแม่เธอก็ไม่ยอมบอก ไหนจะพี่สาวเธอทำท่าทางเหมือนปิดบังพวกเรา” ผิงผิงเขย่ามือนาราด้วยความอยากรู้
ทันใดนั้นเองเสียงออดเข้าเรียนก็ดังขึ้น นารามองเพื่อนทั้งสองที่ถอนหายใจอย่างเสียดาย “เรื่องมันยาวน่ะ เข้าเรียนก่อนเถอะ เลิกเรียนแล้วค่อยคุยกัน”
“โอเค!” ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องเรียนก็พบว่าอาจารย์กำลังจะเริ่มสอนแล้ว
นาราเป็นนักเรียนเรียนดี ถึงแม้จะไม่ได้เข้าเรียนหลายเดือน แต่แค่ให้ผิงผิงกับไลลาสอนนิดหน่อยก็ตามทันแล้ว
ทันทีที่เลิกเรียนทั้งสามก็รีบหาที่เงียบๆคุยกัน ไลลามองนาราอย่างลังเลและกังวลใจ
“นาราเธอรู้ไหมว่าตอนที่เธอไม่อยู่พี่เคนโด้เสียใจแค่ไหน สองสามวันเขามาเรียนแค่ครั้งเดียวและยังไม่ตั้งใจเรียนอีกด้วย”
“มีครั้งหนึ่งพวกฉันเห็นพี่เขาดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านเหล้าด้วยล่ะ พี่เขาไม่ได้เจอเธอจนเป็นบ้าไปแล้ว นาราพวกฉันว่าพี่เขาจริงใจกับเธอนะ”
นาราที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ “งั้นตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง”
“จะเป็นยังไงได้ล่ะ อาทิตย์หนึ่งมาเรียนแค่สองสามวัน ได้ยินว่าพ่อของพี่เขาจะเลื่อนให้พี่เขาไปอเมริกาเร็วขึ้น” ไลลาเอ่ยจบแล้วมองนารา
ครู่หนึ่งใจของนาราเหมือนถูกคลื่นซัดโถม ต่อให้เธอกลับมาแล้วยังไงก็ไม่สามารถสานสัมพันธ์กับอีกคนได้อยู่ดี เพราะตอนนี้สถานะเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอคงไม่เหมาะกับเคนโด้อีกแล้ว
คงต้องปล่อยทุกอย่างไปกับสายลม…
“นาราหลายเดือนที่ผ่านมาเธอหายไปไหนกันแน่ เธอทำให้พวกฉันเป็นห่วงแทบแย่” ผิงผิงทนไม่ไหวแล้ว
นารามองสายตาเป็นห่วงของคนทั้งสอง คงต้องบอกแล้วสินะก็ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอนี่นา
“ฉัน…” อยู่ๆเธอก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มเล่าอย่างไร
สุดท้ายเธอทนสายตาคาดคั้นของผิงผิงกับไลลาไม่ไหวจึงกัดฟันเอ่ยออกไป “ฉันแต่งงานแล้ว แต่งกับคุณชายสามของตระกูลปัญญาพนต์ คุณคณพศ!”
ผิงผิงกับไลลาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “เธอแต่งงานกับคุณคณพศ ผู้อำนวยการคนใหม่ของตระกูลปัญญาพนต์ เทพบุตรวีลแชร์คนนั้นงั้นเหรอ!”
“หา!” เทพบุตรวีลแชร์อะไรกัน
นาราเกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเพื่อนสนิททั้งสองยังคงอ้าปากค้างไม่เลิก
“พระเจ้าช่วย เทพบุตรวีลแชร์คนนั้นหล่อเป็นบ้า เขารู้รึเปล่าว่าที่เขานั่งบนวีลแชร์มันน่าหลงใหลขนาดไหน นักศึกษาผู้หญิงของเราหลายคนเก็บสะสมนิตยสารที่มีรูปเขาเอาไว้ ตอนนี้เขาเป็นคนดังของเมืองธิตกลเชียวนะ”
“OMG! นารานี่เธอไปแต่งงานกับเทพบุตรวีลแชร์ได้ยังไงฮะ เรื่องนี้ต้องทำให้ผู้หญิงหลายคนใจสลายแน่ๆ ได้ยินว่าเทพบุตรวีลแชร์ซ่อนตัวอยู่ในเกาะฟ้าตั้งเก้าปี เพิ่งกลับมาเป็นผู้อำนวยการตระกูลปัญญาพนต์ ที่แท้เธอก็อยู่กับเขานี่เอง”
นารามองเพื่อนสนิททั้งสองที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ราวกับอิจฉาเธอที่ได้แต่งงานกับคณพศอย่างไรอย่างนั้น
“เล่ามาสิ เธอกับเทพบุตรวีลแชร์เป็นยังไงกันบ้าง ได้ยินมาว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงนี่ เธอเป็นภรรรยาเขาแล้ว มีอะไรกันหรือยัง?”
“ขาเขาไม่ดีนี่น่า ทำกันยังไงอะ เธออยู่ข้างบนใช่รึเปล่า”
“เขาดูเย็นชานะแต่เขาร้อนแรงกับเธอใช่ไหม” คำถามของเพื่อนสนิทที่เหมือนระเบิดเข้าจู่โจมจนนาราต้องก้าวถอยหลัง
“……” เธอมีเพื่อนแบบนี้ได้ยังไงกัน
ทั้งสองทำอย่างกับเธอเก็บของมีค่าได้อย่างนั้นล่ะ ถึงกับไม่ถามว่าทำไมเธอถึงรีบแต่งงานทั้งที่อายุยังน้อย แต่กลับถามเรื่องน่าอายพวกนี้ออกมา
เลิกเรียนตอนหกโมงเย็น นาราสะพายกระเป๋าแล้วเดินไปหน้าประตูมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวไปกินข้าวเย็นกับผิงผิงและไลลา เพราะทั้งสามเพิ่งได้เจอกันจึงมีเรื่องคุยกันเยอะ
หน้าประตูมหาวิทยาลัยมีรถลุงบีมจอดอยู่ เมื่อเห็นนารากำลังเดินมาจึงเปิดประตูรถให้ “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายให้ผมมารับครับ”
“ว้าว! นารา เทพบุตรวีลแชร์ให้คนมารับเธอด้วยล่ะ!”
นาราหน้าแดงทันที คุณคณพศ เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องให้คนมารับ แบบนี้เพื่อนๆก็เห็นกันหมดสิ
เธอปรึกษากับอีกฝ่ายแล้วว่าต้องปกปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนเพื่อไม่ให้กระทบการชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอ
วันนี้จึงมีแค่ผิงผิงกับไลลารู้ ส่วนนักศึกษาคนอื่นๆคงคิดว่าที่บ้านเธอมีปัญหาจึงลาเรียนไปหลายเดือน
นาราโบกมือไปมาตรงหน้าเพื่อนทั้งสองที่ยังคงตะลึงตาโต “เจอกันพรุ่งนี้นะ”
วันนี้เธอต้องคุยกับคณพศให้รู้เรื่องว่าวันหลังไม่ต้องให้ลุงบีมมารับแล้ว
นาราเข้าไปนั่งในรถ รถเคลื่อนไปแล้วแต่ผิงผิงกับไลลายังคงยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม “วันนี้พวกเราฝันอยู่เหรอ เธอแน่ใจใช่ไหมว่านารากลับมาแล้ว และยังแต่งงานกับเทพบุตรวีลแชร์อีก” ไลลามองผิงผิงอย่างเหม่อลอย
ผิงผิงตีท้ายทอยไลลา “ใช่ ตื่นได้แล้ว นาราของพวกเราแต่งงานแล้ว!”
เอ่ยจบทั้งสองก็แยกย้าย
ผิงผิงหันหลังกลับด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
จริงๆแล้วชะตาชีวิตของเธอกับนาราคล้ายกันมาก ถึงแม้ครอบครัวเธอจะไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ แต่ทั้งคุณปู่และพ่อของเธอต่างเป็นทหาร
ตอนนั้นปู่และเพื่อนทหารของท่านร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ และเพื่อนทหารคนนี้ช่วยชีวิตปู่เธอเอาไว้
ตอนนี้ท่านทั้งสองปลดเกษียณแล้วและอาศัยอยู่ในเมืองธิตกล ลูกชายของสหายคุณปู่มีลูกชายสองคน และพ่อของผิงผิงก็มีลูกสาวสองคนเช่นกัน ทั้งสองท่านมักคุยกันเล่นเสมอว่าให้หลานทั้งสองตระกูลแต่งงานกัน เพื่อที่ทุกๆชาติท่านทั้งสองจะได้เป็นคนตระกูลเดียวกัน
และสหายของคุณปู่ก็ตอบตกลง
สามปีที่แล้วคุณปู่ให้ซูเมพี่สาวของเธอแต่งงานกับหลานชายคนโตของเพื่อนคุณปู่ แต่ตอนนั้นซูเมเรียนที่อเมริกาทั้งสองจึงหมั้นกันเท่านั้นทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำ
แต่สามเดือนต่อมาซูเมประสบอุบัติเหตุรถชนที่อเมริกาและเสียชีวิต ทำให้คุณปู่เศร้าเสียใจมาก
แต่เพราะเคยสัญญากันไว้แล้ว และทหารไม่เคยผิดสัญญา
หลังจากที่ซูเมจากไปคุณปู่ก็ให้เธอหมั้นกับหลานชายเพื่อนของท่านอีกครั้ง
เพราะเสียพี่สาวไป ผิงผิงจึงไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคุณปู่และพ่อ เธอจึงรับปากว่าเรียนจบจะแต่งงาน
เหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น เธอก็จะได้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก
โชคชะตาไม่ยุติธรรมกับเธอเลยจริงๆ ชีวิตเธอแต่เธอกลับไม่ได้เลือกคู่ชีวิตเอง ถึงแม้ภายนอกเธอจะดูสดใสร่าเริงแต่จริงๆในใจกลับซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
ตอนที่นารากลับมาถึงคฤหาสน์เจหงส์ป้าอ้ายก็ทำอาหารเสร็จพอดี เมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งบนโซฟา เจ้าของใบหน้าดูดีกำลังเปิดอ่านเอกสาร
“กลับมาแล้วเหรอ เรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง” คณพศไม่ได้เงยหน้าขึ้นเพียงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“……” วันแรกของการเรียนไม่ดีงั้นรึ?
เธอวางกระเป๋าลงแล้วหันไปมองผู้ชายบนโซฟา
คณพศเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว เธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้าและสวมรองเท้าส้นเตี้ย การแต่งตัวสบายๆแบบนี้ทำให้เธอดูเป็นนักศึกษาจริงๆ
เขาตบลงบนที่นั่งข้างๆ “มานี่สิ”
นาราเดินไปหาพร้อมกับมองดวงตาลึกล้ำของอีกฝ่าย “คุณคณพศ…”
“อะ!” เธอกำลังจะพูดแต่กลับถูกชายหนุ่มหยุดไว้เสียก่อน