The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่57 ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีก
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่57 ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีก
บทที่57 ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีก
แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถให้อะไรกับอีกคนได้อีกแล้ว เธอค่อยๆแกะมือที่จับแขนเธอไว้ออกพลางยิ้ม “เคนโด้ ฉันต้องกลับแล้วล่ะ ขอโทษนะ”
ขอโทษที่เธอหายไปโดยไม่ลา ขอโทษที่ต่อไปนี้เธอไม่สามารถให้ความหวังกับชายหนุ่มได้อีกแล้ว
“ไม่ต้องขอโทษหรอกแค่เธอกลับมาก็ดีแล้ว” เคนโด้กุมมือเล็กของเธออีกครั้ง “รู้รึเปล่านาราฉันเกือบจะไปอเมริกาแล้ว วันนี้ฉันมาทำเรื่องเอกสารแต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับมาแล้ว ขอบคุณพระเจ้าในที่สุดเธอก็กลับมา นารา……”
เขารั้งเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วกอดเธอแน่นสุดแรงที่เขามี “ฉันคิดถึงเธอ คิดถึงจนแทบขาดใจ!”
นาราฝืนตัวแล้วผลักอีกคนออก “เคนโด้ฟังฉัน……หลายเดือนที่ผ่านมาฉัน……”
“ไม่เป็นไร!” เธอยังเอ่ยไม่จบก็ถูกอีกคนแทรกขึ้นก่อน “ไม่ว่าเธอจะไปไหนมาแค่ตอนนี้เธอกลับมาก็พอแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ฉันอยากปกป้องตลอดไป ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีกแล้ว!”
“เขากอดเธอแน่นไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสต่อต้าน นาราที่ขืนตัวออกจากอ้อมกอดไม่ได้จึงยอมแพ้ แต่จู่ๆเธอก็เอ่ยขึ้นข้างใบหูของเขา “เคนโด้ปล่อยเถอะ ฟังนะฉันแต่งงานแล้ว!”
แขนที่โอบกอดเธอเริ่มสั่น ไม่กี่นาทีต่อมาก็ค่อยๆผละออก เคนโด้ค่อยๆปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ความเจ็บปวดฉายชัดในดวงตา จริงๆเขารู้เรื่องนี้มาบ้างแล้วแต่เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง
“ว่าไงนะ นาราอย่าล้อเล่นสิ เธอเพิ่งยี่สิบปีเองนะยังเรียนอยู่เลยจะแต่งงานแล้วได้ยังไง ฮ่าฮ่า……” เขายิ้มทั้งที่น้ำตากำลังจะไหลออกมา
“เป็นเรื่องจริง เคนโด้ฉันแต่งงานแล้ว แต่งกับคุณชายสามของตระกูลปัญญาพนต์แทนพี่สาวของฉัน ขอโทษนะ รับปากฉันสิว่าจะใช้ชีวิตให้มีความสุข พี่ยังอายุน้อยและยังหล่อขนาดนี้ อนาคตต้องมีผู้หญิงดีๆที่เหมาะสมกับพี่แน่นอน ฉันไม่เหมาะสมกับพี่แล้ว!” เธอมองสายตาผิดหวังของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
เธอรู้ว่าที่เธอพูดออกไปมันทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวด แต่บอกตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้เจ็บปวดภายหลัง
เคนโด้มองเธอด้วยแววตาสั่นไหวมือทั้งสองเริ่มสั่น “เธอว่าไงนะ นาราเธอแต่งงานกับคณพศ ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!”
จริงๆแล้วรัมพรเป็นป้าของเขา และคณพศก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา เขารู้ว่าช่วงนี้ตระกูลปัญญาพนต์มีการแย่งชิงบริษัทกัน และลูกพี่ลูกน้องทั้งสองของเขาก็สู้กันหนักมาก
เขารู้เรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลปัญญาพนต์กับตระกูลวรชัยลภัสว่าเป็นพิมมี่กับวิษณุส์ แต่ทำไมกลายเป็นนารากับคณพศได้ล่ะ นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
“นาราต้องไม่ใช่แบบนี้สิ เธอจะแต่งงานกับคณพศได้ยังไง ผู้ชายที่อยู่เกาะฟ้าตั้งเก้าปี คนที่นั่งวีลแชร์ คนที่เพิ่งได้เป็นผู้อำนวยการของตระกูลปัญญาพนต์ เธออย่าล้อฉันเล่นสิ!” เขารู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงแต่เขาไม่อยากยอมรับ
นาราจับแขนอีกคนแน่น “เคนโด้ใจเย็นๆ นี่เป็นเรื่องจริง ฉันต้องแต่งงานกับคุณคณพศแทนพี่สาวตามความต้องการของพ่อ ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณคณพศแล้ว ขอโทษนะแต่ได้โปรดลืมฉันไปเถอะ!”
“เธอจะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง จะให้ฉันลืมเธอได้ยังไง นาราทำไมเธอต้องแต่งกับผู้ชายนั่งวีลแชร์คนนั้น ทำไมเธอไม่บอกฉัน เธอเป็นแฟนฉันนะทำไมไม่มาหาฉันล่ะ ถ้าตอนนั้นฉันรู้ฉันจะไม่มีทางให้เธอทำแบบนั้นแน่”
เคนโด้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอบตาชายหนุ่มแดงก่ำด้วยความเจ็บปวดนั้นดูน่าสงสารเหลือเกิน
เป็นครั้งแรกที่นาราเห็นชายหนุ่มเป็นแบบนี้ ท่าทางผิดหวังและร้อนใจของอีกคนทำให้เธอรู้สึกผิดและเจ็บปวดมาก
เธอชะงักมองอีกคนด้วยความเป็นห่วง “เคนโด้ขอโทษนะ ฉันต้องบอกนายวันนี้ให้เข้าใจ ไม่ต้องรอฉันแล้วนะไปอเมริกาเถอะ แล้วลืมทุกอย่างที่นี่ให้หมด”
เธอเอ่ยจบพร้อมกับเปิดประตูรถหมุนตัวแล้ววิ่งออกไปทันที เธออยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เธอกลัวที่จะเห็นสีหน้าที่ผิดหวังและเจ็บปวดของชายหนุ่ม
นารากลับมาที่มหาวิทยาลัย เธอเข้าเรียนคาบแรกไม่ทันแล้ว ผิงผิงที่เห็นเธอกลับมาก็รีบเข้าไปหาทันที “นาราเป็นไงบ้าง คุยกับรุ่นพี่เคนโด้เรียบร้อยไหม”
นาราพยักหน้าแล้วนั่งลงประจำที่จากนั้นอาจารย์วิชาที่สองก็เข้ามา ตลอดช่วงบ่ายสมองนาราทึบไปหมดเธอไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอนแม้แต่น้อย
เลิกเรียนช่วงบ่ายเธอกับผิงผิงก็มานั่งข้างๆสนามกีฬาจากนั้นนาราก็เอ่ยขึ้น “ฉันอยากให้เคนโด้ไปอเมริกา แบบนั้นมันคงจะดีกับทุกฝ่าย ฉันไม่อยากเห็นเขาเศร้าแบบนี้แล้ว”
ผิงผิงถอนหายใจ “จริงๆฉันก็มีเรื่องจะบอกเธอเหมือนกัน ตอนนี้ปู่ฉันป่วยหนัก พ่อบอกว่าไปหาหมอแล้วหมอบอกว่าร่างกายทรุดลงจากตอนที่ยังเป็นทหาร คงอยู่ได้อีกไม่นาน”
“ท่านอยากเห็นฉันแต่งงานกับหลานของเพื่อนสนิทของท่านในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พ่อขอให้ฉันเรียนเทอมนี้จบแล้วไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสเลย” ผิงผิงแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ครอบครัวฉันไม่มีคนขัดคำสั่งของคุณปู่ได้ คำพูดของท่านสูงที่สุด เหลืออีกเดือนเดียวฉันก็ต้องไปฝรั่งเศสแล้ว”
นารามองแววตาหม่นหมองของเพื่อนสนิท “เพื่อนสนิทของคุณปู่เธออยู่ตระกูลอะไร ทำไมต้องไปถึงฝรั่งเศสล่ะ พวกเขาไม่ได้อยู่เมืองธิตกลหรอกเหรอ”
“อยู่เมืองธิตกล แต่หลานชายคนโตของท่านอยู่ที่ฝรั่งเศส ส่วนหลานชายคนเล็กยังอยู่ที่เมืองธิตกล คุณปู่ให้ฉันแต่งงานกับหลานชายคนโตน่ะ ฉันก็เลยต้องไปฝรั่งเศส”
ผิงผิงเอ่ยอย่างทุกข์ใจ เธอรู้อยู่แล้วตั้งแต่เกิดว่าไม่มีสิทธิเลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเอง
นาราจับมือเพื่อนสนิทเอาไว้ “ผิงผิง พวกเรามาเก็บช่วงเวลาดีๆที่อยู่ด้วยกันเอาไว้เถอะ ถึงแม้ต้องจากกันแต่สักวันหนึ่งเราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน”
“อือ!” ทั้งสองกอดกันแน่น
เลิกเรียนนาราบอกลาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วเตรียมตัวกลับคฤหาสน์เจหงส์
ทันทีที่เดินไปถึงข้างถนนเธอก็เห็นว่าเคนโด้กำลังเดินมาทางนี้ และเมื่ออีกฝ่ายเห็นเธอก็รีบก้าวยาวๆมาหาทันที “นารา ไปกันเถอะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” เอ่ยจบพร้อมกับคว้ามือเธอให้เดินไปยังรถที่จอดอยู่
นารามองสายตาโกรธเกรี้ยวของอีกคนพร้อมกับสะบัดมือออก “เคนโด้ ฉันพูดชัดเจนแล้วนะ อย่าทำแบบนี้เลย ฉันจะกลับบ้าน”
“นาราเธอจะโกหกฉันไปถึงเมื่อไหร่ ภรรยาของคณพศคือพิมมี่พี่สาวของเธอ ฉันไปตรวจดูที่อำเภอแล้วว่าไม่มีข้อมูลการแต่งงานของเธอ” เคนโด้ขวางเธอไว้พลางเอ่ยอย่างโมโห
“……” ที่แท้อีกคนก็ไปสืบมานี่เอง
“เคนโด้ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงฉันก็แต่งงานกับเขาแล้ว เพื่อพ่อแล้วฉันไม่สามารถออกมาจากตระกูลปัญญาพนต์ได้หรอก” เธอกลัวว่าถ้าคณพศรู้เรื่องนี้เข้าแล้วจะโมโหขึ้นมา
นาราหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม เธอไม่มีทางเลือกนอกเสียจากว่าคณพศจะให้เธอออกมา ไม่เช่นนั้นเธอก็คงได้อยู่แค่ในคฤหาสน์
นาราเดินออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ข้อมือบอบบางของเธอก็ถูกเคนโด้คว้าเอาไว้ “นาราเธอต้องถูกบังคับแน่ๆ ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะบอกให้คณพศปล่อยเธอเอง ไปกันเถอะฉันจะพาเธอไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”