The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่59 นายหญิงหายไป
บทที่59 นายหญิงหายไป
“พวกแกเป็นใคร…..อื้อ” นาราก้าวถอยหลัง ยังไม่ทันได้ตะโกนออกไปผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ใช้ผ้าขนหนูปิดปากเธอเอาไว้แล้วลากเธอเข้าไปในพุ่มไม้ข้างๆ
เมื่อนาราหมดสติพวกมันก็รีบแบกเธอขึ้นไปบนรถตู้ที่จอดไว้ในบริเวณที่ไม่มีใครสังเกตเห็นแล้วขับออกไป
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ลุงบีมเตรียมอาหาเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่เห็นนารากลับมา เขารู้ว่าช่วงนี้นาราตั้งใจทบทวนบทเรียนขนาดไหนแต่ปกติเวลานี้เธอต้องกลับมาแล้ว
เขารีบโทรหาหญิงสาวแต่กลับพบว่าเธอปิดเครื่อง จึงรีบขับรถไปมหาวิทยาลัยแต่ภายในกลับไม่มีนักศึกษาเหลืออยู่แล้ว เขารีบเข้าไปถามยามหน้าประตูทันทีว่ายังมีนักศึกษาอยู่ข้างในหรือไม่
ยามส่ายหน้าตอบ “ที่นี่เลิกเรียนหกโมงเย็นทุกวัน ช่วงนี้ไม่มีนักศึกษาอยู่อ่านหนังสือช่วงเย็นหรอก”
ลุงบีมนึกถึงเพื่อนสนิททั้งสองคนของนาราจึงรีบติดต่ออธิการบดีเพื่อขอเบอร์ติดต่อของผิงผิงและไลลา
เมื่อโทรไปถามและพบว่านาราไม่ได้อยู่กับเพื่อนทั้งสอง ลุงบีมก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
นายหญิงหายไปไหนกันนะ
เขาขับรถกลับคฤหาสน์เจหงส์เพื่อจะโทรแจ้งให้คณพศทราบ และพบกับรถของเคนโด้ที่กำลังจอดหน้าประตูคฤหาสน์
เมื่อเห็นเคนโด้ลุงบีมก็ไม่สนใจเรื่องอื่นรีบเดินเข้าไปหาอีกคนทันที “คุณชายเคนโด้มาที่นี่ทำไมเหรอครับ”
“ผมมาหานารา เธออยู่บ้านรึเปล่า” เคนโด้เดินลงจากรถมือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกง
“ไม่ครับ นายหญิงไม่รู้หายไปไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา บ้านของเพื่อนสนิทเธอผมก็ไปหาแล้วแต่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่น” ลุงบีมเอ่ยอย่างร้อนใจ
ถ้านายหญิงหายไปจริงๆ เมื่อคุณชายสามกลับมาเขาต้องตายแน่ๆ เพราะคุณชายสามให้เขาอยู่ที่คฤหาสน์ก็เพื่อให้ดูแลนายหญิง
เคนโด้ชะงักเมื่อได้ยินที่ลุงบีมพูด “ปกติเวลานี้เธอต้องกลับมาแล้วใช่ไหม”
“ครับ ปกติตอนนี้ต้องกลับมาแล้ว” ลุงบีมเอ่ยตามความจริง
เคนโด้รีบขึ้นไปบนรถทันที “ไปกันเถอะ ลุงบีมกับผมไปตามหาเธอด้วยกัน เธอคงไม่หลงทางใช่ไหม”
ลุงบีมเอ่ยอยางมั่นใจ “ไม่หลงแน่นอนครับเพราะเธอกลับบ้านเองคนเดียวทุกวันอยู่แล้ว”
“แล้วพี่คณพศล่ะ” เคนโด้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อไม่เจอคณพศ นารายังไม่กลับบ้านแต่คณพศกลับไม่ใส่ใจซักนิดและยังให้คนรับใช้ไปตามหาเธอ!
“คุณชายสามไปฝรั่งเศสหลายวันแล้วครับ ผมต้องรีบโทรบอกท่านแล้ว” ลุงบีมหยิบโทรศัพท์เตรียมโทรหาผู้เป็นนายแต่ถูกเคนโด้ห้ามไว้ก่อน
“โทรหาเขาตอนนี้จะช่วยอะไรได้! รีบขึ้นมาแล้วไปตามนารา”
ลุงบีมเห็นด้วย ยังไงอยู่ใกล้ก็ช่วยได้มากกว่า จึงรีบเก็บโทรศัพท์แล้วขึ้นรถเคนโด้ทันที
แต่ขณะอยู่บนรถเขาก็อดไม่ได้จึงส่งข้อความไปหาคณพศ : นายหญิงหายตัวไปครับ!
ขับรถวนไปมาหลายรอบบนถนนระหว่างมหาวิทยาลัยกับคฤหาสน์เจหงส์แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนารา เคนโด้จึงรีบขับรถไปยังคฤหาสน์ตระกูลวรชัยลภัสทันที
ลุงบีมเคร่งเครียด ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงนะว่านายหญิงจะกลับมาบ้านเก่า
เคาะประตูใหญ่คฤหาสน์ไม่นานนักคนรับใช้ก็ออกมา “มาหาใครคะ”
“นาราได้มาที่นี่รึเปล่า”
“หมายถึงคุณหนูเล็กเหรอคะ ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานกับคุณชายตระกูลปัญญาพนต์ก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยค่ะ” คนใช้เอ่ยจบพลางชำเลืองไปทางห้องรับแขก
“ใครมา?” เขมินท์เอ่ยถาม
“มีคนมาหาคุณหนูเล็กค่ะ” คนใช้เอ่ยจบเคนโด้จึงเห็นว่าคนในห้องรับแขกมองมาทางเขา
เคนโด้ก้มศีรษะให้เขมินท์และบุรินทร์ “สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า นาราเลิกเรียนแล้วแต่ยังไม่กลับคฤหาสน์เจหงส์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน เธอไม่ได้กลับมาที่นี่เหรอครับ”
บุรินทร์ส่ายหน้า “ตั้งแต่แต่งออกไปเธอก็เคยกลับมาอีก เธอกลับมาไม่ได้หรอก”
เคนโด้มองคนบ้านนี้ พลันในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
เธอแต่งงานเพราะถูกบังคับทำให้ไม่กลับมาที่นี่อีก
เขาปรายตามองคนในห้องรับแขกอย่างเย็นชา มีเพียงพิมมี่เท่านั้นที่หลบตาทำเป็นมองไม่เห็นเขา
เคนโด้แสยะยิ้ม พิมมี่ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เป็นภรรยาคณพศ! ผู้หญิงคนนี้นี่เองที่บังคับให้นาราแต่งงานกับคณพศ!
เขาจ้องพิมมี่เขม็งก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
เคนโด้นิ่งเงียบพลางเหลือบมองลุงบีมที่ดูร้อนรนอยากโทรหาคณพศ “ต่อให้โทรหาเขาตอนนี้แต่เขายังอยู่ที่ฝรั่งเศสคงไม่กลับมาทันทีหรอก สู้ไม่ต้องโทรดีกว่า”
“แต่นายหญิงหายไปไหนกันแน่ครับ”
เคนโด้ไม่ได้ตอบแต่ขับรถมายังสถานีตำรวจ ลุงบีมถามขึ้นอย่างตกใจ “คุณชายเคนโด้จะแจ้งความเหรอครับ”
“ยังไม่ถึง24ชั่วโมงเลยยังแจ้งคนหายไม่ได้ ผมจะมาขอดูกล้องวงจรปิดก่อน”
กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่านาราถูกพิมมี่เข้ามาขวางทางไว้ก่อน จากนั้นเมื่อเดินถึงทางโค้งก็ถูกผู้ชายสองคนใช้ผ้าปิดจมูกเธอแล้วลากไป
เคนโด้ชะงักค้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า นาราถูกลักพาตัว!
ลุงบีมตัวสั่นเทิ้มเมื่อเห็นว่านาราถูกลักพาตัว จบแล้ว นี่เขาไม่สามารถดูแลนายหญิงได้เลย
เคนโด้รีบแจ้งความ ตำรวจประจำเมืองธิตกลทำงานจนถึงค่ำ กระทั่งแกะรอยได้ว่ารถตู้คันนั้นขับไปยังทะเล
รถตู้คันที่ลักพาตัวนาราหายไปเมื่อมาถึงท่าเรือ
เคนโด้และตำรวจใช้เรือเร็วส่วนตัวของตระกูลนาราวัดในการตามหาผู้ร้าย พวกเขาแล่นเรือไปตามทิศทางที่คิดว่าผู้ร้ายจะไป
สี่ทุ่มแล้ว เคนโด้ร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ เขามองตรงไปยังท้องทะเลด้านหน้า
……
ในห้องโดยสารบนเรือที่มืดสลัว นาราค่อยๆรู้สึกตัว รอบกายมืดมิดมีเพียงเสียงคลื่นทะเล
นี่เธออยู่ที่ไหนกัน มือเล็กพยายามออกแรงขยับแต่กลับพบว่าทั้งมือและขาถูกมัดเอาไว้
เธอจำได้แล้ว หลังเลิกเรียนเธอเจอพิมมี่แล้วหลังจากนั้นก็ถูกผู้ชายสองคนโปะยาสลบแล้วลากไป
นี่เธอถูกลักพาตัวงั้นเหรอ
เธอโตขนาดนี้และยังไม่เคยประสบเรื่องแบบนี้มาก่อนเคยเห็นแค่ในทีวี
ในใจเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแต่เธอต้องใจเย็นเพราะกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแค่เธอเท่านั้นที่จะช่วยตัวเองได้
เสียงจากข้างนอกดังเข้ามา เธอค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ที่มาของเสียงที่ถูกกั้นด้วยประตูเหล็ก
เธอแนบใบหูกับบานประตูจึงได้ยินเสียงคนข้างนอกคุยกัน
“คมน์เราจะจัดการผู้หญิงคนนี้ยังไงดี ลูกพี่บอกให้เราทิ้งเธอลงในทะเลแต่ฉันว่าเด็กนี่สวยมากผิวก็ขาวเนียน จะโยนลงไปจริงๆเหรอ”
“แกคิดจะทำอะไร อย่าทำให้ลูกพี่เสียเรื่อง เราเล่นๆไม่ได้” อีกคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“พวกเราพาเธอไปซ่อนที่อังกฤษก็ได้นี่ แค่ไม่ให้เธอโผล่มาที่เมืองธิตกลอีกลูกพี่ก็ไม่มีทางรู้ ดูสิเธออย่างกับกระต่ายน้อย คงไม่ขัดขืนหรอก” คนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พอถึงอังกฤษแกก็ดูเด็กนี่ให้ดีๆละกัน ครั้งนี้ฉันยอมฟังแก ถ้าเกิดอะไรขึ้นแกกับฉันได้หายสาบสูญแน่” คนที่ชื่อคมน์เอ่ยเสียงเย็น
“ไม่หรอกๆ ฉันจะทำให้เธอเชื่อฟังแน่นอน” ชายคนนั้นเอ่ยจบพลางส่งเสียงหัวเราะน่าขยะแขยงในลำคอ
นาราจึงได้รู้ว่าทั้งสองเปลี่ยนใจไม่ฆ่าเธอ และจะพาเธอไปยังอังกฤษ
เธอจึงเบาใจขึ้นมาบ้าง ขอแค่มีชีวิตอยู่เธอค่อยหาทางหนีออกมาก็ได้ แต่ลูกพี่ของพวกนี้คือใครกัน ทำไมต้องจับตัวเธอมาด้วย