The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 280 เจอหน้าหูชัวอีกครา
- Home
- The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 280 เจอหน้าหูชัวอีกครา
เริ่นเสี่ยวซู่กลับขึ้นไปยังที่นั่งคนขับและหาร้านทองร้านต่อไป แน่นอนว่าที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินอย่างเดียว เขายังมีแผนการอื่นอีก
พอเริ่นเสี่ยวซู่เข้าร้านทองอื่นอีกรอบ ก็โพล่งออกไปตรงๆ ว่าอยากขายทองแลกธนบัติที่เงินเฟ้อไปแล้ว บรรดาร้านทองพวกนี้มีเงินสดไม่มากนัก โดยเฉลี่ยเริ่นเสี่ยวซู่แลกได้แค่ห้าแสนต่อร้าน โดยเป็นเงินของสมาคมตระกูลหยางและชิ่งผสมๆ กัน
แลกเงินก็ได้ แถมเหรียญคำขอบคุณอีก ไหนยังได้ช่วยชาวป้อมปราการที่กำลังทนทุกข์จากสงครามด้วย นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวชัดๆ ทำไมจะไม่ทำล่ะ
พอเริ่นเสี่ยวซู่เวียนร้านทองครบสิบร้าน พระราชวังก็เอ่ย [ภารกิจสำเร็จ รางวัลคัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐาน]
เริ่นเสี่ยวซู่ผิดหวังอยู่หน่อยๆ เขาหวังว่าตัวเองจะได้คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นไร้ตำหนิมาใช้กับเฉินอู๋ตี๋เสียอีก อย่างไรเสียพลังพิเศษของลูกศิษย์เขาก็ทรงพลังมาก
แต่โชคร้ายจริงเชียว ใช้คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐานกับเฉินอู๋ตี๋ไปก็ไร้ค่า ลูกศิษย์เขาไม่มีทักษะพิเศษอื่นใดดูเตะตานอกจากพลังพิเศษของเขา
พอภารกิจสำเร็จ เริ่นเสี่ยวซู่นับเงินดูก็พบว่าตนเองมีอยู่ห้าล้านสี่แสนหยวน กองเงินฟูฟ่องในช่องเก็บของทำเอาเขาละลานตาอยู่บ้าง ราวกับว่าพวกมันกำลังฉายประกายแสงอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ตัวเขาเมื่อก่อนจินตนาการไม่ออกหรอกว่าวันหนึ่งจะมีเงินมากขนาดนี้
“ปะอู๋ตี๋ ไปหาภัตตาคารกินกัน” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างใจกว้าง “ฉันเลี้ยงเอง อยากกินอะไรก็สั่งโลด พวกที่ไม่ได้บาดเจ็บก็ตามมาด้วย แต่คนที่เจ็บอยู่ก็ทนหน่อยนะ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะซื้ออาหารมาให้”
แต่หาพักใหญ่ก็ไม่เจอสักร้าน เจอเพียงร้านอาหารจานผัดบ้านๆ แห่งหนึ่ง เริ่นเสี่ยวซู่ดูใบเมนูอาหารแล้วว่า “เอาทุกเมนูยกเว้นอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้!”
เฉินอู๋ตี๋พูด สีหน้าดูเป็นกังวล “อาการป่วยของอาจารย์แย่ลงแล้วกระนั้นหรือ”
แต่ตอนนั้นเอง พระราชวังพลันเอ่ย [ตรวจพบว่าร่างต้นมีเงินจำนวนมาก ยืนยันการปลดล็อคสิทธิ์ช่องเก็บของขั้นต่อไปเลยหรือไม่]
เริ่นเสี่ยวซู่ใจปวดแปลบ พระราชวังนี่ใช้ทุกวิธีทางจะยึดเงินเขาไปจริงๆ แต่ก็เป็นอย่างที่เขาเคยว่าไว้ มีเงินก็เพื่อไว้ซื้อของมาเพิ่มพลังตนเอง ไหนๆ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ใช้เงินทำอะไรแล้ว เงินที่ใช้ไม่ได้ จะมีค่าเท่าช่องเก็บของที่พกไปไหนมาไหนได้หรือ
ตอนนี้เขามีช่องเก็บของขนาดสิบห้าตารางเมตร ซึ่งบางครั้งไม่พอใช้เก็บข้าวของเท่าไรนัก
“ปลดล็อคเลย! เอ้ยเดี๋ยว…”
ทว่าเขาเห็นเงินกว่าครึ่งในช่องเก็บของหายวับไปแล้ว พื้นที่ในช่องเก็บของก็ขยับขยายออกอย่างรวดเร็ว เริ่นเสี่ยวซู่ถามอย่างปวดใจ “นี่เล่นปลดล็อคช่องเก็บของทีเดียวไปกี่ขั้นเนี่ย”
เขาอยากบอกพระราชวังว่าอย่าปลดล็อคทีเดียวหลายขั้น แต่มันสายเกินไปแล้ว! เริ่นเสี่ยวซู่เดาว่าพระราชวังตั้งใจดำเนินการอย่างรวดเร็วแบบนี้ เขาจะไม่มีโอกาสเก็บเงิน!
เสียงจากพระราชวังดังมาว่า “ปลดล็อคสองร้อยสี่สิบตารางเมตรด้วยเงินทั้งหมดสี่ล้านแปดแสนหยวน รวมกับพื้นที่ช่องเก็บของเดิม ปัจจุบันร่างต้นมีพื้นที่ช่องเก็บของเท่ากับสองร้อยห้าสิบห้าตารางเมตร”
ปลดล็อค 16 ตารางเมตรเท่ากับเงิน 320,000 หยวน
ปลดล็อค 32 ตารางเมตรเท่ากับเงิน 640,000 หยวน
ปลดล็อค 64 ตารางเมตรเท่ากับเงิน 1,280,000 หยวน
ปลดล็อค 128 ตารางเมตรเท่ากับเงิน 2,560,000 หยวน
ปลดล็อคช่องเก็บของทีเดียวสี่ขั้น เงินสดที่เหลือในมือของเริ่นเสี่ยวซู่ตอนนี้คือหกแสนหนึ่งหมื่นหยวน
จากนั้นเขาก็ยินพระราชวังว่า [ยืนยันการปลดล็อคฟังก์ชันเก็บรักษาแบบสุญญากาศเลยหรือไม่ จะมีการแบ่งพื้นที่เก็บรักษาแบบสุญญากาศด้วยราคาสองแสนหยวน]
เริ่นเสี่ยวซู่หน้าคล้ำเขียว “เหอๆ ปลดเลย”
[ยืนยันการปลดล็อคฟังก์ชันปลูกพืชพันธุ์หรือไม่ จะ…]
“ปลดล็อค ปลดล็อค ปลดล็อคโว้ย!” เริ่นเสี่ยวซู่หัวร้อนแล้ว รู้จักแต่เงินเหรอไง ทำไมถึงมีของมาคิดเงินเยอะขนาดนี้หา!
และแล้วในทันใดนั้น เริ่นเสี่ยวซู่ก็พบว่าตนเองเหลือเงินแค่หมื่นหยวนเท่านั้น ฟังก์ชันปลูกพันธุ์พืชอะไรนั่นเก็บเงินเขาไปสี่แสนหยวนเลยเหรอ!
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่ากลับไปเริ่มต้นใหม่ นี่อย่างไรเล่าสิ่งที่เรียกว่ากลับไปเริ่มต้นใหม่น่ะ!
เฉินอู๋ตี๋มองเริ่นเสี่ยวซู่ที่นั่งเงียบๆ บนโต๊ะ ใบหน้าเขาเดี๋ยวแดงก่ำเดี๋ยวคล้ำเขียว เฉินอู๋ตี๋จึงถาม “อาจารย์ ท่านไม่สบายหรือ”
เริ่นเสี่ยวซู่เหลือบมองเฉินอู๋ตี๋ ก่อนจะหันไปตะโกนหาเถ้าแก่ “เถ้าแก่ ตอนสั่งอาหารเมื่อกี้ฉันล้อเล่น อย่าถือโทษโกรธกันนะ พวกเราแค่ข้าวขาวคนละชามพอ”
เฉินอู๋ตี๋ “???”
แน่นอนว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ขี้เหนียวขนาดนั้น จึงสั่งกับข้าวมาสองสามอย่างด้วย
แต่กินไปได้แค่ครึ่งทาง ก็มีคนหลายคนในเครื่องแบบกองดูแลความสงบเรียบร้อยเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นตะคอก “รถบรรทุกทหารข้างนอกเป็นของใคร มีคนรายงานมานายใช้ทองออกซิไดซ์แลกสกุลเงินของสมาคมอื่นไปกองใหญ่ ทองที่ได้มาต้องเป็นของผิดกฎหมายแน่เลยสินะ”
เริ่นเสี่ยวซู่คิด ในที่สุดก็มา
จากนั้นก็แสดงใบแสดงตนของกองสืบสวนพิเศษให้คนจากกองดูแลความสงบเรียบร้อยดู “มานี่ซิ”
คนจากกองดูแลความสงบเรียบร้อยหันรีหันขวาง อะไรจะโชคร้ายขนาดนั้น ทำไมพวกตนถึงมาเจอเข้ากับกองสืบสวนพิเศษได้ละ!
พวกเขาเดินเข้าหาอย่างหวาดๆ “ท่านอย่าถือสา แค่เข้าใจกันผิด…”
เริ่นเสี่ยวซู่กินไปพูดไป “คนของกองดูแลความสงบเรียบร้อยคิดจะขู่กรรโชกทองฉันไปสินะ”
คนจากกองดูแลความสงบเรียบร้อยอึกอัก หลังได้ข่าวเรื่องทองก็คิดจะช่วงชิงเป็นของพวกตัวเองจริงๆ มีเถ้าแก่ร้านทองคนหนึ่งรายงานเรื่องนี้ให้พวกเขา ทั้งบอกด้วยว่าเด็กหนุ่มน่าจะมีทองในครอบครองจำนวนมาก
แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอสมาชิกของกองสืบสวนพิเศษเข้า
คนของกองดูแลความสงบเรียบร้อยผู้หนึ่งยิ้มประจบ “ท่านเข้าใจผิดแล้วครับ พวกเราแค่ทำตามหน้าที่เฉยๆ”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างไม่พอใจ “ต่อไปเรื่องพวกนี้พวกนายไม่ต้องสนใจอีก นับแต่นี้เป็นต้นไปกองสืบสวนพิเศษของพวกเราจะรับหน้าที่นี้เอง
”กองสืบสวนพิเศษมีหน้าที่นี้ด้วยเหรอครับ” คนจากกองดูแลความสงบเรียบร้อยอึ้งไป
“ใช่ นับแต่นี้ไป เรื่องที่กองดูแลความสงบเรียบร้อยดูแลไม่ไหว ทางกองสืบสวนพิเศษเราจะดูแลเอง อะไรที่กองดูแลความสงบเรียบร้อยน่าจะดูแลไหว ทางกองสืบสวนพิเศษก็จะดูแลเองเช่นกัน” เริ่นเสี่ยวซู่ “กลับไปรายงานคำที่ฉันพูดต่อเบื้องบนของพวกนายซะ อย่าให้มีตกหล่น”
คนของกองดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งสามกลับหลังหันจากไป นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว กองสืบสวนพิเศษคิดจะชิงอำนาจของกองดูแลความสงบเรียบร้อย!
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ก็มีคนผลักประตูร้านมาอีกครั้ง พอเริ่นเสี่ยวซู่เห็นคนที่เดินเข้ามาก็หัวเราะ เป็นหูชัว!
หูชัวนั่งลงตรงข้ามเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยใบหน้าอึมครึม พอเห็นท่วงท่าสงบนิ่งแล้วก็พูดอย่างโมโหว่า “เพิ่งมาถึงป้อมปราการ ก็ได้ยินว่ากองสืบสวนพิเศษของฉันกำลังเข้าควบคุมกองดูแลความสงบเรียบร้อย”
เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “แค่ขยับขยายกิจการพวกเราเฉยๆ!”
“กำลังตามหาฉันอยู่ล่ะสิ” หูชัวตัดบท “อยากได้อะไรจากฉัน แล้วนี่ยังจะมีอารมณ์กินข้าวอีกเหรอ รู้หรือเปล่าหน่วยลับจับหลี่ชิงเจิ้งไปแล้วและกำลังกลับมาที่ป้อมปราการนี่”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบกลับด้วยการเงียบไปพักใหญ่ “เขาจะถึงป้อมปราการตอนไหน จะถูกคุมตัวไว้ที่ไหน แล้วกองทหารลึกลับที่ว่านั่นคืออะไร”
“สมาคมตระกูลหลี่เสียสติไปแล้ว” หูชัวถอนหายใจ “กองทหารลึกลับนั่นน่าจะเป็นทหารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนาโนแมชชีน มีพลังรบกล้าแข็งมาก ตอนที่เจ้ากองทหารลึกลับกลุ่มเดียวกันนี้ถูกส่งไปบนสนามรบแนวหน้าที่เขาชิงเซิ่ง ทหารของสมาคมตระกูลหยางก็พ่ายแพ้ทันที พวกมันเป็นกลุ่มทหารกลัวไม่เป็น ทั้งไม่เกรงต่อความตาย”
เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งไป “นาโนแมชชีนทำงานแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”