The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 284 ป้อมปราการพังทลาย
- Home
- The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 284 ป้อมปราการพังทลาย
“พี่ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย” เหยียนลิ่วหยวนถาม
ขณะอาศัยอยู่ในป้อมปราการ พวกเขาไม่มีโอกาสได้รับข่าวสารจากแนวหน้าเลย วิทยุหยุดกระจายเสียง ข่าวสารทั่วทั้งป้อมปราการชะงักงัน ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ก็ไม่รายงานเรื่องสงคราม
แต่เหยียนลิ่วหยวนก็สังเกตเห็นว่าผู้เช่าของบ้านข้างๆ เปลี่ยนหน้าไป ปกติแล้วชายหญิงเจ้าของบ้านจะออกไปทำงานตอนเจ็ดโมงเช้าทุกวัน แต่วันนี้พวกเขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น นี่ทำให้เหยียนลิ่วหยวนรู้สึกระแวงขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะเขาขี้ระแวงเกินเหตุ แต่สภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้นทำให้พวกเขาต้องระวังตัวเป็นอย่างดี ต้องสนใจต่อ ‘ความผิดปกติ’ ทุกอย่าง
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีเวลามาอธิบาย ทหารนาโนแมชชีนพวกนั้นร้องขอความช่วยเหลือไปแล้ว อีกไม่นาน ‘กองทหารลึกลับ’ คงรุดตัวมาถึง เขาโบกมือให้เหยียนลิ่วหยวน “ไม่มีเวลาอธิบาย รีบขึ้นรถบรรทุกไปก่อน”
ตอนนี้รถบรรทุกจอดที่ข้างถนน คนในลานบ้านไม่พูดอะไร เพียงทำตามคำสั่งของเริ่นเสี่ยวซู่ พวกเขาจัดเก็บสัมภาระไว้เรียบร้อย ราวคิดอยู่แล้วว่าตนเองต้องเดินทางได้ทุกเมื่อ
เริ่นเสี่ยวซู่กระโดดขึ้นรถบรรทุกแล้วถาม “โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ทางไหน”
“ตะวันตก” หวังอวี่ฉือตะโกนมา
“งั้นเราขับไปทางตะวันออก!”
หลี่ชิงเจิ้งเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์รถบรรทุกคำรามก่อนจะเร่งตัวไปทางตะวันออก ปกติแล้วในป้อมปราการไม่มีใครกล้าขับด้วยความเร็วเช่นนี้ ทำให้บรรดาคนเดินถนนอดหันหน้ามองรถบรรทุกไม่ได้
มีคนพึมพำ “รีบไปเกิดใหม่เหรอไงวะ”
จากนั้นก็กลับบ้านหลังเลิกงานตามปกติ เขากำลังคิดอยู่ว่าเย็นนี้ตัวเองจะซื้อข้าวสารเพิ่มอีกหน่อยดีไหม เพราะโจ๊กที่ตนเองต้มมาสองวันนี้แทบมองไม่เห็นเนื้อข้าวแล้ว
ระหว่างที่อยู่บนรถ เริ่นเสี่ยวซู่จับคู่นาโนแมชชีนชุดใหม่ให้เหยียนลิ่วหยวนอีกรอบ หวังฟู่กุ้ยที่แบกเป้ใบโตอยู่ถาม “เสี่ยวซู่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อีกไม่นานจะมีสงครามในป้อมปราการ พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ช่วงนี้ทุกคนเป็นไงบ้าง”
“พวกเราค่อนข้างดีเลยล่ะ มีคนไม่น้อยที่ไม่มีอาหารกินเพราะมีเงินเก็บไม่มาก พอราคาอาหารพุ่งก็หาซื้ออาหารไม่ได้แล้ว แต่ว่าครอบครัวเรายังพอมีเงินเหลืออยู่” หวังฟู่กุ้ยหัวเราะหึหึ “รอบนี้พวกเรากำลังไปไหนล่ะ”
ตลอดทั่วทั้งผู้อพยพที่เข้าป้อมปราการมา พวกหวังฟู่กุ้ยน่าจะเป็นพวกที่มีชีวิตสบายสุดแล้วเพราะรวย
แต่ไม่รู้ทำไม หวังฟู่กุ้ยรู้สึกว่าตัวเองเคยชินกับการเทียวไปเทียวมาเสียแล้ว เพื่อจะเอาตัวให้รอดในโลกอันวุ่นวายนี้ ดูเหมือนพวกเขาต้องหนีไปหนีมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทว่ามันก็ต้องมีสักวันที่พวกเขาหมดแรงกับการหนี บางครั้งหวังฟู่กุ้ยก็คิดอยากถามเริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ทำไมพวกเราไม่หาที่ในแดนรกร้างอยู่ล่ะ ไม่ต้องมายุ่งกับสรรพปัญหาของโลกภายนอกอีก”
ส่วนเสี่ยวอวี้ตอนนี้เพียงอยากสำรวจมองว่าเริ่นเสี่ยวซู่ยังสบายดีไหม พอเห็นว่าเขาไม่มีร่องรอยบาดแผลตรงไหนก็วางใจได้ “ตอนสู้ที่แนวหน้าได้เจออันตรายอะไรบ้างไหม”
เฉินอู๋ตี๋หัวเราะฮาฮาแล้วว่า “พี่เสี่ยวอวี้ ท่านอาจารย์ของข้าต่างหากที่เป็นตัว ‘อันตราย’ น่ะ พวกเราไปไหน ที่นั่นก็ประสบอันตรายแล้ว”
เสี่ยวอวี้หลุดยิ้ม “ทุกคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
สำหรับเสี่ยวอวี้ ตราบใดที่เริ่นเสี่ยวซู่และคนอื่นๆ ไม่เกิดเรื่องก็ถือว่าทุกอย่างไม่เป็นไรแล้ว ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์ที่เหลือหรือเปล่าเธอไม่สนใจหรอก หลักการพื้นฐานสุดของผู้อพยพคือการดูแลกันเอง
แต่ทันใดนั้น จู่ๆ ในป้อมปราการก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น ตามมาด้วยควันไฟทะมึนกลุ่มใหญ่ลอยเต็มฟ้าราวเกิดการระเบิดใหญ่ขึ้น
เริ่นเสี่ยวซู่มองออกไปนอกรถบรรทุก ไม่รู้ว่าทหารสมาคมตระกูลหยางหรือหลี่เป็นผู้ลงมือ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจหรอกว่าเป็นฝีมือใคร
บรรดาชาวป้อมปราการตามท้องถนนหยุดกึกหันไปมอง พวกเขายังไม่รู้ว่าหายนะนี้เกี่ยวพันกับสงคราม คนส่วนใหญ่เพียงคิดว่ามีหม้อไอน้ำหรือหม้อแปลงระเบิดสักแห่ง
แม้เป็นยามสงคราม แต่ชาวป้อมปราการไม่เคยได้รับผลจากไฟสงครามมาก่อน รู้แต่ว่าราคาอาหารขึ้นเท่านั้น
ทั้งวิทยุและหนังสือพิมพ์ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รายงานข่าวที่แนวหน้าเลยด้วย เพราะอย่างนั้นเหล่าชาวป้อมปราการจึงคิดว่าตนเองคงไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามหรอก
ทว่ากลับเกิดเสียงยิงปืนตามหลังเสียงระเบิดนั้น ตอนนี้เองชาวป้อมปราการถึงเริ่มตื่นตระหนกแล้ว สงครามมาถึงที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไร ก็เห็นควันจากขีปนาวุธบินลากเข้าป้อมปราการมาจากทางทิศใต้ ขีปนาวุธรูปร่างยาวบางผ่าอากาศส่งเสียงดังกำลังพุ่งไปทางตะวันออก
พอมันถลาลง ก็ได้ยินอีกหนึ่งเสียงระเบิดมาทางตะวันออกของป้อมปราการ ซึ่งนั่นเป็นทิศที่พวกเริ่นเสี่ยวซู่กำลังไป กำแพงป้อมเกิดรอยแตกร้าว ควันจำนวนมหาศาลลอยโขมง มีคนใช้ปืนใหญ่ยิงกำแพงป้อมจากด้านนอก!
ต้องเป็นกองทหารของหลี่เสินถานแน่ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่นึกเลยว่าหลี่เสินถานจะมีแผนการทำลายป้อมปราการ 108 เช่นนี้
ภาพเหตุการณ์คล้ายๆ กันปรากฏทั่วป้อมปราการ กำแพงที่ชาวป้อมปราการเคยใช้พึ่งพาอาศัยเอาตัวรอดถูกปืนใหญ่และระเบิดโจมตีใส่ เริ่นเสี่ยวซู่ลองนับดูในใจ ก็พบว่าทิศที่ปืนใหญ่ยิงมานั้นน่าจะมาจากทั้งสามทิศ
อีกพริบตาให้หลัง กำแพงเมืองทางตะวันออกก็เริ่มล้มครืนลง เศษซากกำแพงขนาดใหญ่จากกำแพงป้อมแตกพังลงมา ชาวป้อมปราการบนถนนเหม่อมองไปทางนั้นด้วยสายตาแฝงความหวาดกลัว
ที่พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจเรื่องกำแพงที่พังลง แต่เป็นประสาทไม่อาจรับความหนักหนาของเหตุการณ์นี้ได้แล้ว เมื่อต้องเผชิญกับความตกใจขนานใหญ่ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือเช่นไร
ทุกคนหันมองกำแพงที่ล้มครืนลงแทบเป็นสายตาเดียว ผู้คนแข็งค้างบนถนนราวรูปปั้น บ้างก็มองออกมาจากนอกหน้าต่าง บ้านเรือนตกอยู่ในความเงียบงันน่าขนลุก
กำแพงเป็นวงป้องกันที่ชาวป้อมปราการใช้สำหรับเอาตัวรอดมาตลอด มันก่อให้เกิดสำนึกอันเป็นรากเหง้าแห่งความเชื่อมั่นและความรู้สึกเหนือกว่า คนส่วนใหญ่เกิดในป้อมปราการ ดังนั้นทั้งชีวิตจึงมีกำแพงป้อมล้อมอยู่
ที่แห่งนี้คือที่ที่พวกเขาใช้ชีวิตและทำงาน แต่งงานและมีบุตรธิดา คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าถ้ากำแพงป้อมพังลงจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้มันกำลังพังครืนลงมาแล้ว ความเชื่อ รากฐานของชีวิตก็พังทลายลงไปด้วย
เริ่นเสี่ยวซู่คำรามอยู่ในรถบรรทุก “ขับไปตะวันออกต่อ กำแพงพังลงมาแล้ว พวกเราหนีง่ายกว่าเดิม ถึงว่าทำไมหลี่เสินถานกล้าใช้กองพลน้อยเดียวมาบุกโจมตีป้อม เขาแม่*มีปืนใหญ่อยู่นี่เอง!”
พอทางตะวันออกแตกแล้ว ก็ช่วยเบาปัญหาให้เริ่นเสี่ยวซู่ไปได้ ไม่ต้องมาระเบิดประตูป้อมปราการอีก
แต่พอรถขับไปตะวันออกเรื่อยๆ เริ่นเสี่ยวซู่ก็พบว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล ชาวป้อมปราการกำลังหนีมาทางพวกเขา!
“ไม่ดีแล้ว ฉันต้องพลาดอะไรไปแน่” เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าถึงป้อมปราการจะพังลง คนพวกนี้ก็ไม่น่าหนีห่างจากกำแพงมากไปหรือเปล่า!
แต่นี่ยังอีกไกลกว่าจะถึงสุดตะวันออกของป้อมปราการ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เห็นว่าหลังฝูงคนมีอะไรอยู่
ตะวันออก! ทางตะวันออกมีอะไรกัน!
ทันใดนั้นเองเริ่นเสี่ยวซู่ก็คำรามใส่หลี่ชิงเจิ้ง “กลับรถ! แม่*เอ้ย ฉันลืมไอ้พวกตัวทดลองไปเลย เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่ที่นี่ พวกมันจะพลาดไปได้ยังไง!”
และก็เป็นไปอย่างที่เริ่นเสี่ยวซู่คาดไว้ พวกตัวทดลองแอบซ่อนอยู่รอบป้อมปราการ ตอนนี้เหล่ามนุษย์กำลังสู้กันเอง ถือเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมให้พวกมันได้จู่โจม