The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 266 เป้ามีชีวิตบนสนามรบ
- Home
- The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 266 เป้ามีชีวิตบนสนามรบ
หลี่ชิงเจิ้งอารมณ์ดีจัด นอกจากจะมีอาวุธดีขึ้นแล้ว พวกเขายังมีเสบียงเพิ่มอีก ที่สำคัญคือหลังเริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นมาเป็นพันตรีก็เลื่อนเขาเป็นผู้บังคับกองร้อยคุ้มกัน เพราะอย่างนั้นตอนนี้หลี่ชิงเจิ้งจึงมีทหารใต้อาณัติเพิ่มขึ้นอีก
กองร้อยคุ้มกันเคยมีสมาชิกร้อยแปดสิบนาย แต่หลังการต่อสู้ เกือบทั้งกองร้อยก็ถูกสมาคมตระกูลชิ่งกำจัดสิ้น
ที่เป็นเช่นนี้ หลักๆ ก็เพราะเริ่นเสี่ยวซู่ตั้งใจให้กองร้อยคุ้มกันตามเขามาอย่างใกล้ชิด ทั้งใช้พวกเขาเป็นกำลังต่อสู้หลักขณะรบ สงครามมีหรือจะไม่มีคนตาย อย่างไรกระสุนก็ไร้นัยน์ตา!
ตอนนั้นทุกคนก็เห็นหมดว่าเริ่นเสี่ยวซู่พุ่งออกไปนำหน้าสุด แต่ทำไมคนรอบตัวเขาตาย แต่เขาไม่เป็นอะไรเลยล่ะ
หลังจากการสู้รบจบลง เริ่นเสี่ยวซู่ถึงกับนำทุกคนไว้อาลัยแก่เพื่อนทหารผู้จากไป เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างยิ่งว่า “พี่น้องร่วมรบของเราสละชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ ได้ตายลงอย่างมีเกียรติ พี่น้องเราสู้อย่างกล้าหาญ บางคนก็ถึงกับสละชีพเพื่อฉัน…”
ทหารจากองร้อยคุ้มกันจะเสียสละชีพปกป้องเริ่นเสี่ยวซู่ได้อย่างไร คนอื่นอาจจะเชื่อ แต่หลี่ชิงเจิ้งและนักเรียนของเจียงอู๋เชื่อไม่ลงหรอก
แต่ไม่มีใครนำพา ยุคสมัยแบบนี้ คนเป็นไม่มีเวลาไปเศร้าเสียใจให้คนตายหรอก
แถมใช่ว่าพวกเขาจะมีมิตรภาพอะไรกันแต่แรกด้วย
ตอนนี้พวกเขาได้รับคำสั่งจากศูนย์บัญชาการให้เดินทางขึ้นเหนือ ให้ไปร่วมกลุ่มรักษาการ ณ ที่มั่น 313 ที่มีทหารของสมาคมตระกูลหลี่กองใหญ่ประจำการอยู่
ปกติแล้วทหารกองกำลังส่วนตัวคงไม่ถูกส่งมาเสริมกำลังในที่ตั้งยุทธศาสตร์สำคัญอย่างที่มั่น 313 หรอก แต่สถานการณ์ของกองพันวีรบุรุษตอนนี้ต่างไปจากปกติอยู่บ้าง ต่างไม่รู้ว่าจะเรียกพวกเขาเป็นกองกำลังส่วนตัวหรือไม่ใช่กองกำลังส่วนตัวดี
อย่างไรเสียผู้บัญชาการกองพันในกองทัพทหารส่วนตัวก็ไม่เคยถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการมาก่อน และก็ยังไม่เคยมีทหารส่วนตัวกองไหนเคยปราบทหารของสมาคมตระกูลชิ่งด้วย
อย่าว่าแต่ทหารกองกำลังส่วนตัวเลย ขนาดทหารประจำการของสมาคมตระกูลหลี่ก็ไม่อาจเทียบกับทหารประจำการของสมาคมตระกูลชิ่งได้
ระหว่างการเดินทางไปที่นั่น พวกเขาผ่านฐานปฏิบัติการหน้าสองแห่ง คราวนี้ตอนเข้าไปในฐานปฏิบัติการหน้า พวกเขาได้รับการปฏิบัติไม่เหมือนเดิม ผู้บัญชาการของฐานปฏิบัติการหน้าต้อนรับขับสู้อย่างดีตอนพวกเขามาถึง ให้บริการอาหารชั้นดี มีอาหารจานเนื้ออร่อยๆ มากมาย
นอกจากจะได้อาหารดีๆ ตอนไปถึง พวกเขายังไม่ต้องห่อหมั่นโถวตอนออกเดินทางด้วย คนจากฐานปฏิบัติการหน้าจะขนหมั่นโถวตะกร้าใหญ่ขึ้นรถ แถมยังให้เนื้อแดดเดียวมาด้วย!
นี่ทำให้ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก แบบนี้ก็ไม่มีโอกาสให้ใช้สมองใสๆ ของตนสิ!
ตอนที่ผู้บัญชาการฐานปฏิบัติการหน้ามาส่งพวกเขา เขาก็ยิ้มพูดว่า “หวังว่าทุกคนจะเดินทางอย่างปลอดภัย พอถึงที่มั่น 313 แล้ว หวังว่าพวกเราจะได้ข่าวเกียรติยศของสมาคมตระกูลหลี่เราอีกครั้ง…”
เขาใช้เวลายี่สิบกว่านาทีเพื่อกล่าวคำอำลา ชัดเจนเลยว่ากำลังประจบประแจงอยู่
ที่จริงระบบของสมาคมตระกูลหลี่ก็มีโครงสร้างเป็นเช่นนี้ ถ้ามีดาวดวงใหม่เฉิดฉาย พวกนักประจบสอพลอก็คิดว่านี่จะเป็นโอกาสอันดีที่จะเกาะกิ่งไม้สูง ถ้าตอนนี้ไม่เกาะ พอดาวดวงใหม่นี้ขึ้นสู่ยอดสุดก็คงเกาะไม่ทันแล้ว
แต่หลังจากที่กลับไปเดินทางต่อ ขนาดหลี่ชิงเจิ้งยังรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล “เสี่ยวซู่ ทำไมทุกคนถึงรู้ว่าเรากำลังไปที่มั่น 313 ฉันรู้สึกว่ามันไม่ปกติเลย”
แผนการเดินทางของทัพต่างๆ ต้องถูกเก็บเป็นความลับ เรื่องนี้กองกำลังส่วนตัวไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าเบื้องบนไม่อนุญาต แม้จะอยู่ฝ่ายเดียวกันก็ไม่ให้ถามแผนการรบของผู้อื่น!
แต่ครั้งนี้มันแปลกมาก ดูเหมือนว่ามีคนตั้งใจบอกกล่าวว่ากองพันวีรบุรุษกำลังเดินทางไปที่มั่น 313!
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “นายคิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ”
“พวกเขาจะใช้เราล่อสมาคมตระกูลชิ่ง?” หลี่ชิงเจิ้งสงสัย เขาแค่เดาสุ่มไปมั่วๆ เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน อย่างไรเสียสายตาของเขาก็ไม่ต่างจากผู้อพยพคนอื่นๆ เดาได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าฉลาดมากแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “สมาคมตระกูลหลี่ปฏิบัติต่อวีรบุรุษของสมาคมเช่นนี้สินะ คงคิดว่าตัวเองฉลาดมากมั้ง”
“หมายความว่าไง” หลี่ชิงเจิ้งสงสัย
เฉินอู๋ตี๋ที่อยู่ข้างๆ โพล่ง “ที่อาจารย์ต้องการสื่อคือ ขนาดเจ้ายังคิดออก คนอื่นๆ จะคิดไม่ออกได้อย่างไร”
หลี่ชิงเจิ้ง “???”
สำหรับเริ่นเสี่ยวซู่แล้ว เรื่องนี้มันเห็นชัดมาก สมาคมตระกูลหลี่ต้องการพูดกับสมาคมตระกูลชิ่งอย่างเปิดเผยเลยว่า กองกำลังส่วนตัวที่ทำให้นายขายหน้าอยู่ ณ ที่มั่น 313 และท้าทายให้สมาคมตระกูลชิ่งให้ไปที่นั่น
ถ้าพวกเขาไม่กล้าไป ก็ถือว่าเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของสมาคมตระกูลชิ่งเอง แต่ถ้ามาก็จะเป็นการต่อสู้อันลำบาก
ที่จริงสำหรับสงครามโดยองค์รวม กองพันวีรบุรุษก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง เป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทร
ที่มั่น 313 ตั้งอยู่บนทางลาดของเขาชวงหลง แนวหน้าซึ่งยึดยาวจากเขาเทียนโถวไปยังเขาชวงหลงโดยมีเขาเฟิ่งอี๋อยู่ตรงกลางนั้นมีทหารสมาคมตระกูลหลี่รักษาการณ์อยู่หลายหมื่นนาย
ขณะเดียวกันแนวหน้าที่เขาชิงเซิ่งที่เผชิญอยู่กับสมาคมตระกูลหยางนั้นมีทหารรักษาการณ์มากกว่านี้อีก ที่นั่นที่เดียว ก็มีทหารหลายหมื่นนายเข้าออกแนวหน้าทุกวันแล้ว
ดังนั้นกองพันที่มีจำนวนแค่ห้าร้อยนายจะนับเป็นอะไรได้!
แต่การสู้ศึกสงครามไม่เรียบง่ายเช่นการแก้สมการ เหล่านายพลต้องพิจารณาทุกการเคลื่อนไหวให้รอบคอบ โอกาสใดฉวยได้ต้องฉวย
ทว่านายพลที่เป็นคนคิดแผนการนี้คงไม่ทันคาดการณ์หรอกว่าเริ่นเสี่ยวซู่ได้พูดคุยกับสมาคมตระกูลชิ่งเรียบร้อยแล้ว
หลี่ชิงเจิ้งเริ่มวิตกกังวลหนัก แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่กังวลแม้แต่นิด เขาทำเหมือนว่ากำลังขึ้นเหนือไปเที่ยวพักผ่อน
หลี่ชิงเจิ้งมองเริ่นเสี่ยวซู่แล้วถาม “เสี่ยวซู่ นายไม่กังวลบ้างเหรอไง”
เฉินอู๋ตี๋แก้ “ผู้บัญชาการกองพันต่างหาก!”
หลี่ชิงเจิ้งหงุดหงิด “สมแล้วที่เป็นสุนัขรับใช้อาจารย์ตัวเอง!”
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเฉินอู๋ตี๋ค่อนข้างจิตใจไม่ปกติ เขาเรียกตัวเองเป็นฉีเทียนต้าเซิ่งมาเกิดใหม่ ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่เป็นพระถังซัมจั๋ง
แต่พวกเขาไม่ได้อะไรกับเฉินอู๋ตี๋ ใครๆ ในกองกำลังก็ต่างมีปัญหากันทั้งนั้น อีกทั้งถ้าขอความช่วยเหลือจากเฉินอู๋ตี๋อย่างจริงใจ เขาก็พร้อมจะช่วยพวกตนด้วย
การเจอคนดีเช่นนี้ในโลกแบบนี้ช่างยากจริงๆ
ว่าแล้วก็อดคิดไม่ได้ ช่างย้อนแย้งจริงๆ ที่มีแต่คนจิตใจไม่ปกติที่เป็นคนดี
เริ่นเสี่ยวซู่ที่กำลังพักอยู่ข้างหลี่ชิงเจิ้งลืมตาขึ้นมามองเขา “วางใจเถอะ มีฉันอยู่ด้วย ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”
เขาบอกหลี่ชิงเจิ้งไม่ได้หรอกว่า ‘ไม่ต้องห่วงนะ ฉันเป็นหัวหน้าสายลับที่สมาคมตระกูลชิ่งส่งมาแฝงตัวอยู่ในสมาคมตระกูลหลี่ พวกเขาไม่โจมตีตรงที่ฉันอยู่หรอก’
เลยได้แต่พูดอ้อมๆ ไป
ถึงหลี่ชิงเจิ้งจะนับถือเริ่นเสี่ยวซู่มาก เขาก็ยังอดถามไม่ได้ “ถ้าพวกเขาคิดล้างแค้นแล้วหันมาโจมตีแต่เราล่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มหมดน้ำทน “ถ้าให้ฉันขับ ฉันจะตอบเลย!”
หลี่ชิงเจิ้งรีบคว้าพวกมาลัยแน่น “งั้นฉันไม่อยากรู้ละ”
เริ่นเสี่ยวซู่ “…”
ทันใดนั้นก็มีเหยี่ยวโฉบลงมาบินต่ำอยู่เหนือรถ เริ่นเสี่ยวซู่มองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นว่าระยะปีกมันกว้างกว่าสี่เมตร ช่างเป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจ!
ยุคสมัยนี้ มีสัตว์ปีกดุร้ายบนท้องนภา กองกำลังทางอากาศคงลำบากมากขณะปฏิบัติงาน ความยากลำบากส่วนใหญ่คงเริ่มตั้งแต่ออกตัว เพราะจะเป็นเป้าหมายของนกดุร้ายต่างๆ ได้ง่าย
สงครามของมนุษย์ในอดีตมีความหลากหลายมากกว่าปัจจุบัน เมื่อก่อนคือ พวกที่บินได้ใช่ว่าต้องเป็นนก พวกที่ว่ายน้ำได้ใช่ว่าต้องเป็นปลา
ตอนนี้มีแต่สงครามบนบก กองพลยานเกราะและกองพลปืนใหญ่จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกุมชัยชนะ ขณะเดียวกันนาโนแมชชีนก็กลายเป็นตัวแปรสำคัญมากในสงครามยุคปัจจุบัน
ตอนนี้กองพลยานเกราะของสมาคมตระกูลหยางมาถึงแนวหน้าที่เขาผิงซานแล้ว
แผนการรบของสมาคมตระกูลหยาง คือเมื่อสงครามเริ่มขึ้น ภายในสามวันพวกเขาต้องใช้กองพลยานเกราะร่วมมือกับทหารราบอีกสองกองพลฉีกแนวตั้งรับให้กว้างสี่สิบกิโลเมตรให้ได้ เป็นการทำลายจุดสนับสนุนการป้องกันทั้งหมดของสมาคมตระกูลหลี่ในแนวหน้าที่เขาชิงเซิ่ง
แน่นอนสมาคมตระกูลหลี่ย่อมไม่อยู่เฉย
ทุกคนต่างมีไพ่ลับซ่อนไว้ ไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรจนกว่าม่านจะถูกเปิดออก