The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 272 ภารกิจสำเร็จ!
- Home
- The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 272 ภารกิจสำเร็จ!
สมาคมตระกูลหลี่นี่โชคร้ายจริงๆ ขนาดมีไพ่ลับอย่างนาโนแมชชีนอยู่ ก็ใช้ได้ไม่เต็มศักยภาพ
สมาคมตระกูลหลี่มีประสบการณ์การสู้รบไม่พอ จึงใช้งานนาโนแมชชีนพลาด ก็อย่างที่ชิ่งเจิ่นเคยกล่าว หน่วยทหารที่มีพลังและเคลื่อนไหวคล่องแคล่วอย่างนาโนแมชชีนควรนำมาแยกเป็นหน่วยย่อยและและลอบโจมตีเข้าแนวหลังของศัตรูมากกว่า
เช่นว่าให้พวกเขาเล็งเป้าโจมตีไปที่แหล่งพลังงานหรือคลังแสงของศัตรู ไม่ก็ใช้ปฏิบัติการบั่นเศียร พวกเขาควรแยกกองพันเทพยนต์เป็นหน่วยย่อย จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่
ทว่าอันที่จริงจะส่งทหารนาโนแมชชีนออกมาพร้อมกันก็ไม่เลวนัก หากไม่ใช่ว่ามีเริ่นเสี่ยวซู่ที่เป็นหัวหน้าสายลับจากสมาคมตระกูลชิ่งล่ะก็ แม้จะไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ แต่กองพันเทพยนต์คงสร้างปัญหาให้สมาคมตระกูลชิ่งอย่างมากแล้ว
แต่ว่าก็ยังโดนล้างบางไปจนหมดสิ้น
ขณะเดียวกันนี้ สภาพการณ์ของที่มั่น 319 ยังดีกว่าหน่อย สมาคมตระกูลชิ่งเพียงโจมตีหลอก ตอนที่ทหารนาโนแมชชีนที่ซ่อนตัวโผล่มาที่แนวหลังของสนามรบ พวกเขาก็แปลกใจเล็กน้อย สมาคมตระกูลชิ่งไม่ทันตั้งตัว ทหารนาโนแมชชีนเกือบทำลายบรรดาอาวุธหนักที่แนวหลังได้แล้ว
แต่ที่มั่น 313 ไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาวุธลับของสมาคมตระกูลหลี่ยังคงเป็นอาวุธลับอยู่เหมือเดิม ทหารนาโนแมชชีนยังไม่ทันออกจากเต็นท์ก็ตายไปกันหมดแล้ว
แถมข้อได้เปรียบใหญ่ของนาโนแมชชีนคือการนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ทหารนาโนแมชชีนชุดแรกไม่นับว่าเป็นอะไรได้ เพราะอย่างไรทางสมาคมก็เอานาโนแมชชีมาใช้ใหม่หลังพวกเขาตายได้ และนาโนแมชชีนที่เอามารีไซเคิลก็จะถูกใช้กับทหารนาโนแมชชีนนายอื่น
แต่หลังจากเริ่นเสี่ยวซู่มาถึงสมาคมตระกูลหลี่ พวกเขาก็มีนาโนแมชชีนให้เอามารีไซเคิลน้อยลงเรื่อยๆ เริ่นเสี่ยวซู่คนเดียวก็สามารถเปลี่ยนอาวุธที่นำมากลับมาใช้ใหม่ได้ให้กลายเป็นอาวุธที่มีวันหมดสิ้นไป
คราวนี้เริ่นเสี่ยวซู่เก็บเกี่ยวนาโนแมชชีนมาได้ชุดใหญ่ไม่น้อย นอกจากจะทำเกราะคลุมขาได้แล้ว หลังให้เหยียนลิ่วหยวนไปส่วนหนึ่ง เขายังเหลือเอาให้นักเรียนของเจียงอู๋ได้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้เริ่นเสี่ยววู่เห็นเป้สนามของทหารนาโนแมชชีนบางส่วนหล่นอยู่ตามพื้น เขาเปิดเป้อันหนึ่งออก เผยให้เห็นกล่องเหล็กสีดำน้ำหนักมากข้างใน ใจสงสัยว่ามันเอาไว้ทำอะไร
เอ๋? เริ่นเสี่ยวซู่ตาทอประกาย หรือว่าเจ้านี่คือเครื่องชาร์จไร้สายกันนะ
คิดแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็หยิบกล่องเหล็กสภาพดีมาสามกล่องยัดใส่เข้าช่องเก็บของไป ใช้งานได้หรือไม่ได้ ก็เอาไปก่อนแล้วกัน
ไม่ให้โอกาสดีๆ หลุดรอดไป!
วันนี้เริ่นเสี่ยวซู่ส่งแผนที่ตั้งรับให้สมาคมตระกูลชิ่งจนพวกเขายึดที่มั่น 313 สำเร็จพร้อมกับกำจัดผู้ที่เห็นต่างกับชิ่งเจิ่น
ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่ก็ต้องขอบคุณสมาคมตระกูลชิ่งที่ทำเขาเก็บเกี่ยวนาแมชชีนมาได้อย่างมากมาย เรียกได้ว่าเป็นสภาพการณ์ที่ชนะกันทั้งสองฝ่าย
มีแค่สมาคมตระกูลหลี่ที่กลายเป็นผู้แพ้
ตอนนี้ทหารของสมาคมตระกูลหลี่ประจำการณ์อยู่แนวหน้าที่เขาชิงเซิ่งเพื่อประชันหน้ากับกองพลยานเกราะและกองพลทหารราบของสมาคมตระกูลหยาง การสู้รบของที่นั่นดุเดือดเสียยิ่งกว่าการสู้ระหว่างสมาคมตระกูลชิ่งและหลี่เสียอีก สมาคมตระกูลหยางยังไม่สามารถเจาะแนวป้องกันของสมาคมตระกูลหลี่ได้เพราะขาดคนอย่างเริ่นเสี่ยวซู่ไป
เฉินอู๋ตี๋และคนอื่นๆ พบคนเจ็บมาไม่น้อย และกำลังแบกพวกเขาไปที่ศูนย์รักษาพยาบาล เริ่นเสี่ยวซู่แบกทหารบาดเจ็บในค่ายขึ้นไหล่อย่างสบายๆ ก่อนจะตามหลังคนที่เหลือไป
พอมาถึงศูนย์รักษาพยาบาล ก็เห็นว่าแพทย์และพยาบาลทุกคนต่างมีโลหิตเปรอะอยู่ทั่วร่าง เริ่นเสี่ยวซู่เห็นร่างของหมาข่ายเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้สติ
เมื่อเหล่าพยาบาลเห็นเริ่นเสี่ยวซู่และพรรคพวกก็ต้องนิ่งงันไป คนพวกนี้ไม่ใช่ทหารเสนารักษ์เสียหน่อย ทำไมถึงช่วยแบกคนเจ็บมาที่นี่ได้ล่ะ
แพทย์ถาม “พวกนายมาจากทำเนียบกำลังรบไหน”
เฉินอู๋ตี๋พูดอย่างภาคภูมิ “พวกเรามาจากกองพันวีรบุรุษ!”
พอทหารบาดเจ็บนายหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึง “พวกนายอยู่ที่แนวหน้ากันไม่ใช่เหรอ ทำไมดูไม่เป็นอะไรเลยล่ะ”
หมาข่ายได้ยินเสียงดังจนถูกปลุกตื่น พอเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ระเบิดโทสะ “นี่นายทิ้งที่มั่นของตัวเองงั้นเหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างไม่พอใจ “พูดงั้นได้ไง กองพันวีรบุรุษเราเป็นหน่วยทหารอันทรงเกียรติ มาทิ้งที่มงที่มั่นตัวเองที่ไหน พวกเราล้างบางกรมทหารราบของศัตรูหมดแล้ว พวกเราเลยมาช่วยเพื่อนทหารคนอื่นๆ นี่ไง!”
“อะไรนะ” หมาข่ายอุทาน “ถ้าอยากโกหก ก็โกหกให้ให้มันดูสมเหตุสมผลหน่อยเถอะ ทหารผู้อพยพแบบพวกนายจะล้างบางกรมทหารราบได้ยังไง!”
หมาข่ายศึกษาทหารของสมาคมตระกูลชิ่งมามาก เขารู้ดีว่ากรมทหารราบไม่ได้มีแต่ทหารราบ ถ้าไม่นับพวกอาวุธหนักอย่างอาร์พีจีและปืนครกแล้ว ที่มั่นตั้งรับก็ยังแหลกเหลวอยู่ดีถ้าศัตรูสามารถเจาะแนวป้องกันมาใช้อาวุธนำวิถีได้!
แล้วกองพันวีรบุรุษบัดซบที่ประกอบไปด้วยผู้อพยพและมีปืนกลหนักแค่สี่กระบอกยังกล้าอ้างว่าตัวเองกำจัดกรมทหารราบจนหมดสิ้นได้อีก ฝันเฟื่องอยู่หรืออย่างไร
ทหารในกองพันวีรบุรุษทุกนายต้องถูกฆ่าล้างบนสนามรบสิ แต่พวกเขากลับยังมีชีวิตอยู่ยันการสู้รบจบลงเฉย ราวกับไม่ได้ผลกระทบจากการถูกข้าศึกบุกอย่างไรอย่างนั้น!
ทุกคนในศูนย์รักษาพยาบาลรู้สึกว่าผลลัพธ์แบบนี้ยากรับได้นัก!
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะคิกคัก “ออกไปดูที่สนามรบก็รู้เอง ฉันไม่มีเวลามายุ่งกับนายแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ที่ฉันต้องไปช่วยอีก”
เริ่นเสี่ยวซู่เก็บรวบรวมนาโนแมชชีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ย่อมต้องมามุ่งมั่นทำภารกิจต่อ ภารกิจบอกให้ช่วยหนึ่งร้อยคน เขายังขาดอีกไกล ตอนนี้เพิ่งช่วยแค่คนเดียวเอง
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พระราชวังบอกรางวัลของภารกิจด้วย แถมรางวัลรอบนี้ยังเป็นแต้มสถานะที่จัดสรรเองได้อีก
ก่อนหน้านี้รางวัลภารกิจไม่เป็นพละกำลัง 1.0 แต้ม ก็ความคล่องแคล่ว 1.0 แต้ม แต่ภารกิจนี้เขากลับสามารถเลือกได้ว่าจะไปเพิ่มตรงไหน แถมยังให้มาถึงห้าแต้มอีก เรียกได้ว่ารางวัลรอบนี้ใจกว้างมากจริงๆ
คิดแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็พุ่งออกไปข้างนอก ทหารเสนารักษ์สองนายเพิ่งแบกเปลกลับมา ครั้นเริ่นเสี่ยวซู่เห็นพวกเขาก็ตะโกนว่า “วางลง ฉันแบกเอง!”
ทหารเสนารักษ์สองนายสะดุ้ง “ไม่เป็นไร พวกเราแบกกันเองได้”
เริ่นเสี่ยวซู่หน้าดำคล้ำ ชี้ปืนพกไปที่ทหารเสนารักษ์ทั้งสองนาย “ฉันบอกว่าฉันจะแบกเองไง ฟังไม่เข้าใจเหรอ!”
เฉินอู๋ตี๋ที่อยู่ด้านหลังถอนหายใจ “จิตสังหารของอาจารย์ช่างเข้มข้นแม้ยามช่วยคน”
ทันใดนั้นกำลังเสริมที่ส่งมาจากแนวหลังก็มาถึงที่มั่น 313 แล้ว ก็อย่างที่ชิ่งเจิ่นคาดการณ์ไว้ หลังจากที่มั่น 313 และ ที่มั่น 319 เผชิญการโถมโจมตีอย่างรุนแรง แนวหลังต้องส่งทหารมาหนุนแน่
และนี่ก็เป็นสิ่งที่ชิ่งเจิ่นต้องการเห็น
เริ่นเสี่ยวซู่แบกทหารบาดเจ็บเข้าศูนย์รักษาพยาบาล ขณะเดียวกันก็มองทหารใหม่ที่เพิ่งมาถึง เขาพบกลุ่มทหารประหลาดใจในหมู่พวกเขา ทหารที่ดูเคลื่อนไหวอย่างมีวินัยและเป็นระเบียบเรียบร้อยทำให้เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกตงิดๆ
แต่เขายังไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องนั้น ต้องทำภารกิจให้สำเร็จด้วยการไปฉกช่วยทหารบาดเจ็บมากกว่านี้
แต่ภารกิจนี้ก็ทำเริ่นเสี่ยวซู่เสียเวลาไปราวหนึ่งชั่วโมง พอได้ยินคำแจ้งภารกิจสำเร็จจากพระราชวังก็รีบจัดสรรแต้มสถานะไปยังความคล่องแคล่ว 4.0 แต้ม และพละกำลัง 1.0 แต้มทันที
ค่าสถานะพละกำลังเริ่นเสี่ยวซู่ตอนนี้สูงถึง 10.5 แต้ม และความคล่องแคล่วก็มีถึง 10.1 แต้มแล้ว กล้ามเนื้อของเขากลั่นเกลาไปอีกขั้น ทั้งร่างดูผ่ายผอมลงไปอีกครา ดูเหมือนกับเด็กหนุ่มที่ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรมากนัก ทว่าพละกำลังสูงยิ่ง
เสียงจากพระราชวังกล่าว [เนื่องด้วยค่าสถานะพละกำลังและความคล่องแคล่วผ่านเกณฑ์…]
ขณะที่เริ่นเสี่ยวซู่ตั้งใจฟังว่าพระราชวังกำลังพูดอะไรอยู่นั้น ในศูนย์รักษาพยาบาลก็เกิดเรื่องพลิกผัน ทำเอาเขาหันไปมองทางศูนย์รักษาพยาบาลมากกว่าจะสนใจคำพูดของพระราชวัง
เขาเห็นมีคนในศูนย์รักษาพยาบาลกำลังตะคอกใส่เฉินอู๋ตี๋ด้วยความโมโห “ไสหัวไปนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะกองพันวีรบุรุษอยู่ที่มั่น 313 ชิ่งเจิ่นจะส่งคนมาโจมตีเราเหรอไง ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือแบบแสแสร้งจากแก!”
เริ่นเสี่ยวซู่มองเฉินอู๋ตี๋ที่เดินออกจากศูนย์รักษาพยาบาลอย่างเงียบงัน
เริ่นเสี่ยวซู่ตบไหล่เขาเบาๆ “ไปกันเถอะ กลับที่มั่นเรากันดีกว่า”
“ครับ” เฉินอู๋ตี๋ตอบรับเสียงต่ำ
“สงสัยจังว่ากรมทหารราบที่โจมตีเราแพ้หมดยัง” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ถ้าตายกันหมดแล้วพวกเราจะได้ไปโด้อุปกรณ์อะไรพวกนั้นได้ไง”
“ครับ” เฉินอู๋ตี๋ยังคงตอบสั้นๆ
“คืนนี้กินอะไรดี” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“ท่านอาจารย์ พวกเรากินข้าวผัดเนื้อแดดเดียวกันดีหรือไม่”
ทุกคนในศูนย์รักษาพยาบาลมองพวกเขาทั้งสองเดินจากไปอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี