The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 274 แยกสอบปากคำ
- Home
- The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 274 แยกสอบปากคำ
นาโนแมชชีนเสียหาย?
หลี่ติ้งติ่งขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น แล้วหาตัวคนที่มีอัตราซิงโครไนซ์ที่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ไม่เจอเหรอไง”
“ไม่เจอครับ วันนั้นมีคนเข้ารับการทดสอบซิงโครไนซ์เยอะมาก แถมส่วนใหญ่ยังเป็นผู้อพยพด้วย…คนของแล็บเลยไม่ได้บันทึกข้อมูลของผู้ทดสอบยกเว้นแต่จะมีคะแนนเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์” ลูกน้องว่าเสียงค่อย “แต่ทางเรามีบัญชีรายชื่อทหารที่เข้าร่วมทดสอบวันนั้น นี่ครับ…”
หลี่ติ้งติ่งโกรธจนเกือบหัวเราะ สายตามองไปยังบัญชีรายชื่อทหารหนาปึกในมือ แล้วว่า “เจ้าพวกขี้เกียจตัวเป็นขน! กล้าขี้เกียจกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำไมคดีนี้ถึงส่งมาให้ฉัน ทำงานกันเองไม่เป็นเหรอไง”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ” ลูกน้องก้มหน้าลงแล้วว่า “ทางสภาบริหารระบุชื่อให้ท่านเป็นพิเศษมาจัดการคดีนี้ พวกเขาบอกว่าโพรโทคอลที่ติดตั้งอยู่บนนาโนแมชชีนถูกล้างออกไป”
หลี่ติ้งติ่งได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงลาน
เขารู้เรื่องเกี่ยวนาโนแมชชีนทั้งหมดเพราะงานในชีวิตประจำวันก็เกี่ยวกับพวกมันเป็นหลัก แต่จากที่เขารู้มา มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล้างโพรโทคอลที่ติดตั้งในนาโนแมชชีน การจะทำเช่นนั้นได้ต้องนำมาดำเนินการเป็นอย่างลับๆ ที่โรงงานกู้คืนแล้วเท่านั้น แถมจะเข้าถึงใช้โพรโทคอลเชื่อมต่อระยะไกล C1 ได้ยังต้องขออนุมัติจากทางสภาบริหารด้วย
ก็ว่าทำไมทางสภาบริหารถึงส่งเรื่องนี้มาให้เขาจัดการ เพราะว่ามันเป็นความลับระดับสุดยอดของสมาคมน่ะสิ!
หลี่ติ้งติ่ง “อืม ออกไปได้”
จากนั้นก็อ่านเอกสารคนเดียว ไม่คิดเลยว่าตัวเองต้องมาจัดการคดีใหม่ทั้งๆ ที่คดีเก่ายังไม่เสร็จ
พออ่านไปแล้วหลี่ติ้งติ่งก็ปวดหัวหนึบ นอกจากบัญชีรายชื่อทหารหนาปึกแล้วก็ไม่มีเบาะแสที่เป็นประโยชน์อะไรเลย
หลี่ติ้งติ่งหยิบเอกสารอีกอันขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว พอเริ่มไปได้สิบนาทีก็ตะลึง เดี๋ยวนะ มีเรื่องเหม่งๆ นี่มันแปลกๆ แล้ว!
เขาหยิบเอกสารก่อนหน้ามาตั้งใจอ่านอย่างเร็วพลัน แค่สองนาทีหลี่ติ้งติ่งก็ฉีกยิ้มกว้าง
เขาดูบัญชีรายชื่อทหารแล้วก็พบเรื่องผิดปกติ…การปรากฏชื่อซ้ำ
หลี่ชิงเจิ้ง เริ่นเสี่ยวซู่ เฉินอู๋ตี๋ หวังอวี่ฉือ…
ชื่อคนพวกนั้นโผล่มาอยู่ในเอกสารทั้งสองชุด!
หนึ่งคืออยู่ในบัญชีรายชื่อทหารของป้อมสังเกตการณ์
สองอยู่ในบัญชีรายชื่อทหารกองกำลังส่วนตัวที่แลกเปลี่ยนเครื่องแบบกับกองพันเทพยนต์
สามอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้รับการทดสอบร่างกายในวันนั้น
หลี่ติ้งติ่งเชื่อมาตลอดว่าเหตุบังเอิญซ้ำหลายครามักเป็นคำตอบ
ทหารหน่วยนี้มีอะไรสักอย่างชวนน่าตงิด อย่างน้อยที่สุดคือคนในหน่วยนี้ก็มีอะไรไม่ชอบมาพากล
หลี่ติ้งติ่งยกหูโทรศัพท์ “ควบคุมตัวเริ่นเสี่ยวซู่และหลี่ชิงเจิ้งของหน่วยรบที่แปดแห่งกองพันเหล็กที่สอง”
แต่คนที่อยู่ปลายสายกลับกล่าว “ท่าน...มั่นใจใช่ไหมครับว่าจะให้ควบคุมตัวพวกเขา”
หลี่ติ้งติ่งขมวดคิ้วมุ่น “คำพูดฉันไม่มีอำนาจแล้วเหรอไง”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ” คนปลายสายว่า “ผมรู้จักพวกเขา เริ่นเสี่ยวซู่ตอนนี้เป็นต้นแบบของทั้งกองทัพเรา กองพันเหล็กที่สองตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นกองพันวีรบุรุษแล้ว แล้วเริ่นเสี่ยวซู่ยังเป็นผู้บัญชาการกองพันด้วย…”
หลี่ติ้งติ่งนิ่งอึ้ง อะไรแม่*จะพลิกโผขนาดนั้นน่ะ!
คนในสายยังพูดต่อ “ถ้ามั่นใจว่าเขามีความผิดจริงพวกเราก็จับตัวเขาเดี๋ยวนี้เลย แต่ถ้าแค่สงสัยเฉยๆ พวกเราต้องไม่ทำตัวเป็นที่สนใจ ตอนนี้พวกเขาเป็นกองทหารเดียวในกองทัพที่สู้ศึกชนะและล้างบางหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่งไปจนหมดสิ้น แถมตอนนี้พวกเขากำลังทำการรบอยู่ที่ที่มั่น 313 ด้วยครับ”
ที่จริงการได้รับยกย่องให้เป็นต้นแบบของกองทัพถือว่าเป็นเกราะคุ้มกันชั้นดีให้กับกองพันวีรบุรุษ คนปกติคงไม่กล้าแตะต้องตัวต้นแบบอย่างพวกเขาได้ง่ายดายนัก อีกทั้งว่าพวกเขากำลับจับศึกสู้รบอยู่ด้วย ถ้าเกิดตัวต้นแบบพวกนี้เกิดเรื่องขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดขวัญกำลังใจทหารล่ะ
กระทั่งหลี่ติ้งติ่งเองก็ไม่กล้าพูดว่าเขาจะรับผิดชอบเอง
หลี่ติ้งติ่งหัวเราะ “ฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ยังที่มั่น 313 เป็นการลับเองแล้วกัน”
พอตกดึก การสู้รบ ณ ที่มั่น 313 ก็หยุดลง หลังจากกองหนุนจากสมาคมตระกูลหลี่มาถึง พวกเขาก็ชิงที่มั่นบนพื้นที่สูงที่ถูกยึดไปก่อนหน้ากลับทันที ราวกับพวกเขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อผลักสมาคมตระกูลชิ่งกลับไป
ตอนเย็นเสียงไชโยโห่ร้องดังทั่วที่มั่น 313 แต่เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าพวกเขาจะฉลองกันไวเกินไปแล้ว
ถึงเขาไม่รู้ว่าชิ่งเจิ่นจะล่อทหารของสมาคมตระกูลหลี่ที่แนวหน้าทั้งหมดมาที่นี่ทำไม แต่การที่สมาคมตระกูลชิ่งถอยทัพชั่วคราวไม่ได้หมายถึงว่ามีผู้ชนะแล้ว
สงครามมิเคยเรียบง่ายเพียงนั้น
ตอนดึก รถออฟโรดขบวนหนึ่งขับมายังที่มั่น 313 หลังจากติดต่อสั้นๆ กับนายพลที่มียศสูงสุดของที่ 313 แล้ว พวกเขาก็มุ่งไปยังที่มั่นตั้งรับที่พวกเริ่นเสี่ยวซู่อยู่
เริ่นเสี่ยวซู่ใช้กล้องส่องทางไกลส่องข้างหลังอยู่เนืองๆ ดังนั้นเขาจึงเห็นขบวนรถเด่นสะดุดตาพวกนั้นตั้งแต่แรก เริ่นเสี่ยวซู่มีลางสังหรณ์ มีความรู้สึกว่าคนพวกนั้นตั้งใจมาหาตน
พอขบวนรถมาถึงพื้นที่สูง ก็ไม่มีใครแจ้งว่ามาทำไม นายทหารคนหนึ่งเพียงเรียกชื่อ “เริ่นเสี่ยวซู่ หลี่ชิงเจิ้ง เฉินอู๋ตี๋…ทั้งหมดสิบหกคน ขึ้นรถแล้วตามพวกเรากลับค่ายของที่มั่น 313!”
เริ่นเสี่ยวซู่และหลี่ชิงเจิ้งมองหน้ากัน พอนึกได้ว่าชื่อทั้งหมดที่นายทหารเรียกเป็นคนของหน่วยตนก็เริ่มตระหนก
ก่อนที่ถูกเรียกมาร่วมสงคราม ทหารในหน่วยที่ป้องสังเกตการณ์มีทั้งหมดสามสิบนาย มีคนหนึ่งถูกชิงมาจากหน่วยอื่น
แต่หลังจากสู้ไปสองศึก พวกเขาก็เหลือสมาชิกเพียงแค่สิบหกคนเท่านั้น
เริ่นเสี่ยวซู่เกิดความคิดอยากจะหลบหนีขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาเรียกชื่อตนออกมาอย่างชัดเจนแบบนี้ จะตามร่องรอยพวกเหยียนลิ่วหยวนในป้อมปราการไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเหยียนลิ่วหยวนถูกจับขึ้นมา สถานการณ์คงแย่ไปกว่าตอนนี้มาก
ตอนนี้ทหารกำลังล้อมเล็งต่ำมาที่พวกเขา ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่จะหนีขึ้นมา พวกนักเรียนทั้งแปดคนของเจียงอู๋ต้องตายที่นี่แล้ว
และเริ่นเสี่ยวซู่ก็พบว่าทหารทั้งสามสิบนายที่ล้อมพวกเขาอยู่นั้นดูเหมือนจะเป็นทหารนาโนแมชชีนทั้งหมดเลยด้วย
หลี่ชิงเจิ้งกระซิบ “เสี่ยวซู่ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“ไม่ต้องกังวล ตามพวกเขาไปก่อน” เริ่นเสี่ยวซู่ตัดสินใจว่าจะตามพวกเขากลับค่ายของที่มั่น 313 ก่อน เขาต้องรอโอกาสมาถึง ทว่าเขายังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไร!
ที่ค่ายของที่มั่น 313 มีเต็นท์ทหารสองหลังถูกตั้งออกไปเป็นการพิเศษ ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นนายทหารระดับสูงมากของสมาคม กระทั่งนายพลที่ถูกส่งมาใหม่ก็ยังสุภาพต่อพวกเขามาก
หลังจากพวกเขาสั่งให้พวกเริ่นเสี่ยวซู่นั่งลงในเต็นท์แล้ว ชายวัยกลางคนก็ยิ้มและแนะนำตัวเอง “สายัณห์สวัสดิ์ทุกคน ฉันชื่อหลี่ติ้งติ่ง ฉันมาสืบสวนอะไรนิดหน่อยน่ะ ไม่ต้องตกอกตกใจ ยังไงทุกคนก็เป็นวีรบุรุษสงครามของสมาคมตระกูลหลี่เรา ถ้าระหว่างทางมีเรื่องทำให้เข้าใจผิดกันก็ขออภัยด้วย”
ถึงหลี่ติ้งติ่งจะพูดอย่างสุภาพมาก เริ่นเสี่ยวซู่ก็สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายอยู่ดี อีกทั้งเขาตั้งใจเรียกหน่วยตนออกมาสืบสวน หมายความว่าพวกเขาอาจเจออะไรแล้วก็ได้ แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้ว่าพวกเขารู้ข้อมูลมากขนาดไหน
ทว่าเขาไม่สนใจหรอก เริ่นเสี่ยวซู่กำลังรอโอกาสอยู่