The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 291 ได้สติ
ถึงนกกระจอกจะตัวโต แต่เนื้อก็ไม่พอให้สามสิบคนแบ่งกัน
เดิมที่เจียงอู๋พานักเรียนมาด้วยยี่สิบแปดคน แต่มีสามคนออกจากกลุ่มไป ตอนนี้จึงเหลือยี่สิบห้าคน
ไหนยังมีหวังฟู่กุ้ย หวังต้าหลง เหยียนลิ่วหยวน หลีเสี่ยวอวี้ และเริ่นเสี่ยวซู่อีก นกกระจอกตัวเดียวจะพอรับประทานกันหมดได้อย่างไร ระหว่างที่เสี่ยวอวี้กำลังปรุงนกกระจอก เธอก็นับเสบียงไปด้วย จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วว่า “อาหารแห้งเราอยู่ได้แค่สองวันเอง”
เหยียนลิ่วหยวนกัดปาก ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่หมดสติ เขาจะกังวลปัญหาเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
ทันใดนั้นก็มีคนพูดเสียงค่อย “ฉันเห็นพวกเธอด้วย…”
ผู้พูดคือนักเรียน เหยียนลิ่วหยวนนิ่งไป ก่อนจะถาม “เห็นใครเหรอ”
“เพื่อนร่วมห้องเรา” หวังอวี่ฉือพูดเสียงเศร้าสร้อย “พวกเธอก็คงเห็นเราแล้วเหมือนกัน แต่คงกลัวจนไม่กล้าเข้ามาหา”
เหยียนลิ่วหยวนเข้าใจแล้วว่าพวกเขากำลังพูดถึงนักเรียนหญิงทั้งสามคนที่ทิ้งพวกตนไป
เหยียนลิ่วหยวนหันไปมองเจียงอู๋ แต่เขาเห็นเพียงเธอกำลังนั่งเหม่ออยู่ข้างเริ่นเสี่ยวซู่ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ครูเจียง?” เหยียนลิ่วหยวนเรียก
เจียงอู๋ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วว่า “ฉันไม่โทษพวกเธอหรอก ปล่อยพวกเธอไปเถอะ”
ดูเหมือนว่าเจียงอู๋จะไม่คิดให้นักเรียนหญิงทั้งสามคนกลับมาเช่นกัน เหยียนลิ่วหยวนเห็นเจียงอู๋กำหมัดแน่น เล็บเธอจิกฝามือจนเลือดแทบไหลซิบออกมา ทันใดนั้นเจียงอู๋ก็ว่า “ขอฉันแบ่งอาหารแห้งให้พวกเธอได้ไหม ให้ฉันต้องทนหิวแทนก็ได้”
เหยียนลิ่วหยวนพลันตระหนักบางสิ่ง ถึงเขาจะไม่เต็มใจ แต่นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพี่เขาถึงยอมช่วยเจียงอู๋ ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ยังมีสติอยู่ เขาจะทำอย่างไรนะ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เหยียนลิ่วหยวนถอนหายใจ “แต่ครูเจียงไม่ต้องทนหิวหรอก ถ้าครูตัดสินใจแล้ว พวกเราทุกคนก็จะรับผลที่ตามมาด้วยกัน”
จากนั้นเหยียนลิ่วหยวนก็ให้นักเรียนชายไปส่งอาหารแห้งถุงเล็กให้เพื่อนร่วมห้องหญิง เขายัดถุงอาหารใส่มือพวกเธอ และหันจากมาโดยไม่เอ่ยอะไร
เด็กสาวสามคนนั่งกอดเขาร่ำไห้อยู่บนพื้น เหยียนลิ่วหยวนหันหน้าหนี ไม่สนใจจะมองพวกเธออีก
ตอนนี้ไม่มีใครกล่าวโทษในสิ่งที่พวกเธอทำ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวทดลองในแดนรกร้าง เริ่นเสี่ยวซู่เองก็หมดสติ เป็นธรรมดาที่พวกเธอจะตัดสินใจเช่นนั้น
ถึงทุกคนจะรู้สึกเศร้ามาก ทว่านักเรียนหญิงพวกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด จะมีอะไรในโลกสำคัญไปกว่าชีวิตตัวเองล่ะ
แต่ต่อให้พวกเขาจะเข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงทำเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เธอกลับเข้ามาร่วมได้อีกครั้ง
“ช่างพวกเธอเถอะ” เหยียนลิ่วหยวนพูดเสียงเรียบ
นักเรียนหญิงพวกนั้นตัดสินใจกันแล้ว ทำอะไรต่อไม่ได้แล้ว อีกทั้งกลุ่มพวกเขาอยู่ในสภาพไม่สู้ดี ทั้งอาจจะต้องเจอภัยจากสมาคมตระกูลหลี่อีกตอนไหนก็ได้ ดังนั้นให้สองกลุ่มแยกจากกันนั้นดีแล้ว
ทว่าทันใดนั้นเสี่ยวอวี้ก็โพล่งขึ้น “ที่นี่มีผู้ลี้ภัยเยอะมาก คงต้องมีหมอบ้างสิ ถ้ามีสักคน เราให้เขามาตรวจอาการเสี่ยวซู่ได้นะ”
เหยียนลิ่วหยวนสะดุ้งเฮือก “ใช่เลย!”
จากนั้นเหยียนลิ่วหยวนก็เดินเข้าไปในกลุ่มผู้ลี้ภัยพร้อมมีดในมือและตะโกนว่า “มีหมออยู่ที่นี่ไหม ก้าวออกมาเดี๋ยวนี้! หลังรักษาพี่ฉันเสร็จ ฉันจะให้หมั่นโถว!”
มีหลายคนในกลุ่มผู้ลี้ภัยยกมือขึ้นมาทันที ส่วนใหญ่เป็นเพราะได้ว่าจะมีหมั่นโถวให้กินก็รู้สึกล่อตาล่อใจเป็นที่สุดๆ!
อาหารในแดนรกร้างล้ำค่าเช่นทองคำ นี่พวกเขาเพิ่งเริ่มหนีกัน แต่ในสองวันจะใช้หมั่นโถวแลกผู้หญิงสวยๆ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เหยียนลิ่วหยวนกวาดตามองพวกเขาและพูดเสียงเย็น “อย่าพูดว่าตัวเองเป็นทั้งๆ ที่ไม่เป็น ถ้ารู้ว่าใครแอบหลอกว่าตัวเองเป็นหมอและทำให้พี่ฉันได้รับการรักษาล่าช้า ก็อย่าว่าที่ฉันจะทำร้ายคนแล้วกัน”
มีคนไม่น้อยลดมือลงทันที พวกเขายังจำภาพที่เหยียนลิ่วหยวนฆ่าคนได้อยู่ ใครจะกล้าหาเรื่องเขาหลังจากผู้อำนวยการกองพลาธิการเพิ่งตายใต้เงื้อมมือเขากันล่ะ
เหยียนลิ่วหยวนถาม “เป็นแพทย์สายไหน”
ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตากรอบสีทองเดินออกมาแล้วพูด “ฉันมาจากโรงพยาบาลออร์โธปิดิกส์[1] ก่อนหน้านี้ฉันเห็นอาการพี่ชายนายแล้ว เขาน่าจะมีกระดูกหัก”
เหยียนลิ่วหยวนนิ่งไป “รีบมารักษาพี่ฉัน”
พอเหยียนลิ่วหยวนเห็นว่าชายวัยกลางคนยังยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นก็หัวเราะ และยัดหมั่นโถวบู้บี้ใส่มือของหมอ เขาถึงได้ขยับตัวอีกครั้ง
หมอเข้าไปย่อตัวอยู่ข้างเริ่นเสี่ยวซู่ เหยียนลิ่วหยวนถาม “ถ้าแค่กระดูกหัก ทำไมพี่ฉันถึงยังไม่ได้สติอีกล่ะ”
หมอคลำตรวจอาการเริ่นเสี่ยวซู่แบบง่ายๆ จากนั้นก็พูด “เขามีกระดูกแตกหลายแห่งเกินไป ร่างเขาได้รับการกระแทกอย่างแรงมาหรือเปล่า”
“ดูอาการบาดเจ็บเขาก่อน” เหยียนลิ่วหยวนว่า
ผ่านไปพักหนึ่ง หมอก็เอ่ยว่า “ฉันพอเห็นกระดูกเขาแตกสิบกว่าแห่ง บางแห่งเป็นกระดูกแตกย่อย[2]ด้วย ได้รับการกระแทกอย่างแรงแบบนี้ สมองน่าจะได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นน่าจะยังไม่ได้สติในเร็ววันหรอก”
“นายจัดกระดูกให้เขาได้ไหม” เหยียนลิ่วหยวนว่า
หมอส่ายหน้า “ฉันทำได้แต่จัดกระดูกข้อต่อที่เลื่อนออก ส่วนแตกหักอื่นๆ ฉันต้องใช้อุปกรณ์เสริมทางวิชาชีพ แถมอาจจะต้องขันตะปูเหล็กเชื่อมกระดูกเพื่อให้เขาฟื้นตัวด้วย แต่ถึงแบบนั้นเขาคงไม่น่าจะฟื้นตัวได้แบบเต็มที่อยู่ดี ฉันเกรงว่าคุณภาพชีวิตเขาต้องย่ำแย่กว่าคนอื่นแล้วล่ะ”
หมอพยายามพูดให้ดูนุ่มนวลที่สุดแล้ว พูดตรงๆ เขาไม่มั่นใจว่าจะรักษาอาการของเริ่นเสี่ยวซู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย อีกอย่าง เริ่นเสี่ยวซู่มีอาการกระดูกแตกย่อยเช่นนี้ เขาจะจัดกระดูกให้อย่างไรล่ะ ตอนนี้ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ด้วยซ้ำ แต่ถึงเขามีอุปกรณ์ ก็ไม่อาจรักษาเริ่นเสี่ยวซู่ได้อยู่ดี
ใบหน้าเหยียนลิ่วหยวนอึมครึม เริ่นเสี่ยวซู่จะพิการ? เขาไม่เชื่อหรอก เขาไม่ยอมรับเด็ดขาด!
เสี่ยวอวี้โพล่งถามขึ้นมาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “สมองเขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม เขาจะความจำเสื่อมหรือเปล่า”
หมออธิบาย “ถึงฉันจะไม่ใช่นักประสาทวิทยา แต่ฉันไม่เห็นอาการความจำเสื่อมในสถานการณ์แบบนี้เท่าไรนะ ยังไม่ต้องคิดถึงความเป็นไปได้เรื่องนั้นก่อนชั่วคราว เพราะถ้าอาการกระดูกแตกหักยังไม่ถูกเชื่อมโดยเร็วล่ะก็ เป็นไปได้ว่ามันจะเกิดอาการตายเฉพาะส่วน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยเหลือเขาไม่ได้แล้วล่ะ หรืออย่างน้อยที่สุด เขาคงไม่อาจอยู่รอดต่อในแดนรกร้างได้”
เหยียนลิ่วหยวนเงียบไป พูดตามตรง เขาอยากให้เริ่นเสี่ยวซู่ลืมคนบางคน และเหตุการณ์บางเหตุการณ์
เขารู้ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รับเฉินอู๋ตี๋เข้ามาในกลุ่มหรือไปช่วยเหลือหลี่ชิงเจิ้ง เพราะอย่างนั้นเหยียนลิ่วหยวนจึงสงสัยนักว่าพอเริ่นเสี่ยวซู่ตื่นมาแล้วจะรู้สึกเศร้าขนาดไหน
ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ตื่นมาและพบว่าเฉินอู๋ตี๋ไม่อยู่แล้ว เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนะ ด้วยเหตุนี้เหยียนลิ่วหยวนจึงอยากให้เริ่นเสี่ยวซู่ความจำเสื่อมมากกว่า
ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนแรงดังขึ้น “ให้เขากลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการให้ใครมารักษาอาการบาดเจ็บฉัน”
เหยียนลิ่วหยวนหันไปดู ก็พบว่าเริ่นเสี่ยวซู่ลืมตาขึ้นมาแล้ว แต่ว่าในแววตาแฝงไปด้วยความอ่อนล้าอย่างยิ่ง
“พี่ ทำไมไม่ให้หมอจัดกระดูกให้พี่ก่อนล่ะ” เหยียนลิ่วหยวนกระซิบ
“ไม่ต้อง ฉันทำเองได้” เริ่นเสี่ยวซู่แค่นยิ้มอย่างยากลำบาก เขาพยายามมองไปรอบๆ แต่พบว่าขนาดจะขยับคอยังลำบาก ทว่าทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึง “เฉินอู๋ตี๋อยู่ไหน พวกนายเห็นเฉินอู๋ตี๋หรือเปล่า”
[1] ออร์โธปิดิกส์ (orthopaedics) สาขาวิชาหนึ่งของวิชาศัลยศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกาย
[2] กระดูกแตกย่อย (Comminuted Fracture) คือ กระดูกหักแตกออกเป็นชิ้นๆ