The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 295 พลังบงการคำสาปของเหยียนลิ่วหยวน
- Home
- The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 295 พลังบงการคำสาปของเหยียนลิ่วหยวน
วันนี้เหยียนลิ่วหยวนได้รู้ว่าความเจ็บปวดทางกายสามารถโถมทับความเจ็บปวดทางใจ เขาล่ะสงสัยนักว่าเริ่นเสี่ยวซู่ต้องเสียใจขนาดไหนถึงต้องใช้ความเจ็บปวดถึงกระดูกมากดทับความเศร้า
ผู้อพยพที่ทำงานเสร็จแล้วอยู่ใกล้ๆ กันนั้นกำลังหัวเราะเยาะใส่เหยียนลิ่วหยวน พวกเขานึกว่ากลุ่มของเหยียนลิ่วหยวนจะกล้าแกร่งมากเสียอีก แล้วดูสภาพตอนนี้สิ
พอเผชิญหน้ากับทหารของสมาคมตระกูลหยาง ทุกคนก็ต้องทำงานเหมือนๆ กันหมดไม่ใช่หรือ พวกเขามีคนเจ็บอยู่ในกลุ่มด้วย ถึงกับต้องทำงานหนักกว่าปกติ
เหยียนลิ่วหยวนมองชายวัยกลางที่กำลังหัวเราะในความโชคร้ายของพวกเขา เหยียนลิ่วหยวนกล่าวกับเสี่ยวอวี้ว่า “ผมล่ะหวังว่าตัวเองจะมีพลังของพี่ จะได้ฆ่าคนพวกนี้ให้หมด”
เสี่ยวอวี้เช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้เขาและยิ้ม “เมื่อก่อนตอนที่ฉันไม่ชอบใครสักคน ในใจก็จะสาปแช่งให้พวกเขาไม่ได้ตายดี ถึงกับจินตาการภาพพวกเขาตายหลายๆ แบบด้วยซ้ำแน่ะ บ้างก็เดินๆ จนหกล้มตาย บ้างก็โดนหมาป่าฉีกเป็นชิ้นๆ แค่คิดก็รู้สึกดีสุดๆ แล้ว เธอลองบ้างไหมล่ะ”
เหยียนลิ่วหยวนฝืนยิ้มและว่า “ก็ได้ เดี๋ยวผมลอง”
ตอนนั้นเองชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะไปปลดทุกข์ แต่ยังขยับไปไม่ถึงสองก้าวก็ลื่นชั้นน้ำแข็งและถลาไปข้างหน้า ชายวัยกลางคนเสียสมดุล เหวี่ยงแขนไปมาตามอากาศอย่างไร้ประโยชน์ ถ้าเขาแค่ล้มมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่าที่ทำให้เขาหน้าซีดคือตรงหน้าเขามีหินก้อนน้อยอยู่ถ้าล้มลงไปหัวเขาต้องฟาดใส่หินจนเลือดอาบแน่!
เหยียนลิ่วหยวนตะลึงไป ใช่ว่าเขาจะไม่เคยสาปแช่งใครเสียหน่อย แต่เมื่อก่อนเขาไม่เคยแช่งอะไรเป็นกิจจะลักษณะเฉยๆ
แต่ตอนนี้ พอเขาลองแช่งให้ชายวัยกลางคนล้มเอาหัวกระแทกหินอย่างที่เสี่ยวอวี้บอกให้ทำ และผลคือชายวัยกลางคนล้มเอาหัวกระแทกหินจริงๆ!
แต่เหยียนลิ่วหยวนหยวนไม่ได้สาปแช่งให้เขาตาย หลังผ่านไปพักหนึ่ง ชายวัยกลางคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและสบถว่า “เชี่ย ลื่นได้ไงวะ!”
เหยียนลิ่วหยวนไม่เอ่ยอะไร กลับไปขนท่อนซุงต่อ เสี่ยวอวี้ก็ไม่พูดอะไร กลับไปดูแลเริ่นเสี่ยวซู่ต่อ
พวกเขาสองคนพอเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวอวี้ก็เดาออกพักใหญ่แล้วว่าเหยียนลิ่วหยวนก็น่าเป็นผู้มีพลังพิเศษเหมือนกัน แต่ว่าเขากับเริ่นเสี่ยวซู่ไม่เคยพูดออกมาชัดๆ และเธอก็ไม่เคยถามเช่นกัน
ครั้งไหนที่เริ่นเสี่ยวซู่จากไปนานๆ เหยียนลิ่วหยวนก็จะไข้ขึ้นสูงตลอด เสี่ยวอวี้คิดว่ามันจะบังเอิญเกินไปแล้ว แต่ที่ชายวัยกลางคนล้มครั้งนี้ มันเป็นการยืนยันความคิดของเสี่ยวอวี้ไปในตัว
แต่ที่เธอไม่รู้คือ แม้แต่เหยียนลิ่วหยวนเองก็แปลกใจมาก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นน่ะ
ไม่น่าใช่แล้ว ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้น!
หมายความว่าพลังเขาไม่ใช่แค่สามารถอธิษฐานขอพรเพิ่มดวงให้เริ่นเสี่ยวซู่ แต่จะสาปแช่งใครให้ถึงตายก็ได้!
ตัวพลังเองสามารถใช้งานได้สองด้าน เขาแค่ไม่เคยใช้มันสาปใครเป็นกิจจะลักษณะมาก่อนเลยไม่ทันรู้ตัว แต่ตอนนี้เขาได้ค้นพบการใช้พลังแบบใหม่แล้ว
ตอนนั้นเองเหยียนลิ่วหยวนก็เหยียบลงบนชั้นน้ำแข็ง เขาเสียลมดุลล้มลงไปข้างหน้า
แต่เหยียนลิ่วหยวนก็รู้สึกว่ามีเรื่องไม่ถูกต้องแล้ว เขารีบเปิดใช้งานนาโนแมชชีนที่เพิ่งชาร์จมา ใช้ปลายเท้าดันเปลี่ยนทิศการล้มให้หันไปยังพื้นหิมะด้านข้าง
เหยียนลิ่วหยวนตัวสั่นเล็กน้อย กำลังตื่นตะลึงว่ายามสาปแช่งคนไปก็มีผลสะท้อนกลับใส่ตัวเองเช่นกัน!
ถ้าเขาไม่มีนาโนแมชชีนที่เริ่นเสี่ยวซู่ให้มา เขาคงต้องบาดเจ็บหนักด้วยแล้ว
พลังนี้มันประหลาดเกินไป หลังจากสาปแช่งคนแล้ว มันทำให้เขาได้รับผลสะท้อนกลับแบบคล้ายๆ กันด้วย!
หืม? เหยียนลิ่วหยวนมองไปยังจุดที่เขาควรจะล้มลงไป แต่ไม่เห็นว่าจะมีก้อนหินที่ไหนเลย
ตอนที่เขาล้ม เขานึกว่าตนเองจะเผชิญชะตาเดียวกับที่ชายวัยกลางคนแล้ว
ที่ไม่เหมือนกันคือตอนล้มนั้นชายวัยกลางคนมีหินอยู่ตรงหน้าแต่เขาไม่มี แต่ว่าสุดท้ายความอันตรายของสถานการณ์จะลดทอนลงไปมาก
ถึงการสาปแช่งใส่คนจะมีผลกระท้อนกลับ แต่ว่าผลลัพธ์ก็พอรับได้ อีกอย่างเริ่นเสี่ยวซู่ก็ช่วยลดจุดอ่อนของเขาไปแล้วด้วย เขาสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่าคนทั่วไป
ตัวอย่างเช่น หากต้องการแช่งให้คนผู้หนึ่งถูกกระสุนลูกหลงจากทางตะวันตกเฉียงใต้ยิงใส่กระดูกซี่โครงซี่ที่สาม ถ้าเขาเตรียมตัวไว้ ก็สามารถใช้นาโนแมชชีนป้องกันตัวเองล่วงหน้าได้ง่ายๆ
แน่นอนว่าจะฆ่าคนด้วยวิธีแบบนั้นมันเสียแรงมากเกินไป แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ลงมือ!
มีคนเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต มีหรือจะเชื่อมโยงมาถึงเขา ในยุคสมัยนี้ใครจะเชื่อเรื่องคำสาปแช่งกัน
เหยียนลิ่วหยวนไม่เหมือนผู้มีพลังพิเศษคนอื่นที่มีร่างกายแข็งแกร่ง มันราวกับโลกใบนี้กำลังฉุดรั้งไม่ให้เขาบุ่มบ่ามใช้พลัง แต่นาโนแมชชีนที่เริ่นเสี่ยวซู่ให้มานั้นช่วยเปลี่ยนชะตาของเขาแล้ว
เหยียนลิ่วหยวนพลันคิดได้ว่าพลังของตนเองน่าจะมีวิธีใช้มากแบบกว่าที่เขารู้ เพียงแค่เขายังไม่ค้นพบพวกมันเฉยๆ
พอตกดึก เหยียนลิ่วหยวนก็กลับมาหาเริ่นเสี่ยวซู่อย่างเหนื่อยอ่อน เริ่นเสี่ยวซู่ที่ได้สติมาอีกครั้งถาม “เหนื่อยไหม”
เหยียนลิ่วหยวนยิ้ม “ไม่เหนื่อย”
เริ่นเสี่ยวซู่เห็นเลือดซิบบริเวณเสื้อตรงบ่าของเหยียนลิ่วหยวน เขาเลยพูด “ฉันยังมีที่ชาร์จไร้สายที่เอามาจากสมาคมตระกูลหลี่อยู่สามเครื่อง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้ได้นานแค่ไหน จะพกไปไหนมาไหนด้วยมันจะเป็นที่สนใจเกินไป พรุ่งนี้พอนาโนแมชชีนพลังงานหมดก็กลับมาชาร์จที่นี่ก่อนออกไปอีกรอบ มันน่าจะใช้ได้ต่ออีกสองสามวัน”
อุปกรณ์พวกนี้เขาหยิบมาจากแนวหน้า ณ ที่มั่น 313 ตอนนั้นเต็นท์ที่หลินชีกับทหารนาโนแมชชีนคนอื่นๆ อยู่ถูกระเบิดทิ้ง เหลือเพียงสามเครื่องนี้ที่ยังใช้งานได้อยู่
เริ่นเสี่ยวซู่ยกมืออย่างยากลำบากยื่นยาดำสองขวดให้เสี่ยวอวี้ “ทายาให้พวกเราที่บาดเจ็บอยู่ แผลจะได้หายเร็วๆ”
ทุกคนนั่งรอบกองไฟ ลมหายใจพ่นอากาศหนาวเหน็บ บาดแผลบนบ่าบนมือแตะทีไรก็เจ็บแปลบ แต่ทุกคนดูไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ตื่นขึ้นมาแล้ว เขาย่อมช่วยแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดนี้ได้
ทุกคนหวังว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะดีขึ้นได้ในเร็ววัน พอในกลุ่มไม่มีเขา ก็ใช้ชีวิตอย่างลำบากมากจริงๆ
เหยียนลิ่วหยวนกระซิบกับเริ่นเสี่ยวซู่ “พี่ ผมค้นพบพลังใหม่ด้วยแหละ ผมบงการคำสาปแช่งได้”
พรและสาปเป็นดั่งสองด้านของเหรียญ หนึ่งใช้อวยพรคนอื่นและอีกหนึ่งทำให้คนประสบเคราะห์ร้าย และเหยียนลิ่วหยวนก็มีสองพลังนี้อยู่ในร่าง “เล่ารายละเอียดมา”
“ตอนผมลองแช่งคนอื่น ผมต้องคิดแบบค่อนข้างเป็นรายละเอียดในหัวน่ะ แบบต้องอธิบายว่าปัจจัยชี้ชัดเลยว่าปัจจัยไหนจะสร้างผลลัพธ์แน่นอนอะไรออกมา ต้องให้มันเป็นเหตุเป็นผลด้วยน่ะ” เหยียนลิ่วหยวนว่า “ตรรกะต้องชัดมากพอพลังถึงจะทำงาน”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดอะไรบางอย่างได้แล้วว่า “ลองแบบนี้ดู สาปให้ฉันสำลักหลังกินมันฝรั่ง”
เหยียนลิ่วหยวนผงะ “แต่พวกเราไม่มีมันฝรั่งนะ”
เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ลองดูก่อน”
เหยียนลิ่วหยวนหลับตาและสาปแช่งใส่เริ่นเสี่ยวซู่ จากนั้นก็มีคนที่อยู่ไกลๆ อุทานว่า “มีคนขุดมันฝรั่งมาได้เยอะเลย! ฉันว่าพวกเขาน่าจะเจอทุ่งมันฝรั่งแล้วล่ะ!”
เหยียนลิ่วหยอนมองเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยตาเบิกกว้าง “ใช้แบบนั้นก็ได้ด้วยเหรอ”
“รออะไรเล่า ไปขุดมันฝรั่งมา!” เริ่นเสี่ยวซู่เร่ง