The King of the Battlefield - ตอนที่ 203
บทที่ 203: ราชาแห่งขุมนรก (จบ)
นอกจากรายการสองสามอย่างที่ต้องการจากห้องสมุด ที่เหลือเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มูยองรู้อยู่แล้วหรือไม่ก็ไม่สามารถใช้งานได้
การที่ห้องสมุดหกปราชญ์ถูกเปิดขึ้นมาอย่างไรก็ตามมันมีความหมายต่อมนุษยชาติ คุณสามารถพูดได้ว่ามันจะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างน้อยที่สุดก็ 10 ปี
สำหรับมนุษยชาติ 10 ปีเป็นเวลาจำนวนมากอย่างแท้จริงเมื่อพิจารณากับการปล่อยให้มันอยู่เฉยๆ
การที่เขาทิ้งมันไว้กับอาแลนซ์ทำให้มูยองสบายใจมากขึ้น
มีอย่างอื่นที่มูยองต้องการตามหาอย่างแท้จริงอยู่
‘เอลย่าซีโก้’
อาวุธโบราณ เอลย่าซีโก้!
มันเป็นอาวุธที่มีความลับที่ซ่อนอยู่มากมาย ดังนั้นมูยองจึงวางแผนที่จะรับมันอย่างแน่นอน
เพื่อสิ่งนี้…
‘ตระกูลเรน’
มูยองหันสายตาหันไปยังทิศทางของตระกูลเรน
ตระกูลเรน คือหมายเลขหนึ่งของโนเบิลคาสเซิล เนื่องจากพวกมันเป็นตระกูลใหญ่โตจึงทำให้มีทั้งชายและหญิงที่แข็งแกร่งจำนวนมาก
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับตระกูลอื่นๆ การป้องกันของตระกูลเรนนั้นยิ่งแข็งแกร่งกว่า
เหล่าภูตผีวิญญาณไม่สามารถบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดายราวกับมือเท้าของพวกมันถูกมัด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่วิญญาณอันดับ 1 ปรากฏตัวสถานการณ์ของเหล่าวิญญาณก็ค่อยๆดีขึ้น
วิญญาณอันดับ 1
สุนัขจิ้งจอกเก้าหาง ซ่งหลาง และซองซันกิส
วิญญาณทั้งสามประเภทนี้คือวิญญาณอันดับ 1 ในกลุ่มวิญญาณที่มูยองควบคุม
ซ่งหลางสองตัว และซองซันกิสสามตัว กลุ่มทั้งสองเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง และมีทักษะที่แตกต่างกันไปจากกลุ่มของจิ้งจอกเก้าหางห้าตัว
กรร!
ซ่งหลาง พวกมันเป็นหมาป่าสีน้ำเงินตัวโต
เมื่อใดก็ตามที่พวกมันเคลื่อนไหว เปลวไฟสีฟ้าจะถูกปล่อยกระจายไปรอบๆ ราบกับทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้าประตูแห่งขุมนรก พวกมันเร็วมากจนแม้แต่มูยองยังต้องชื่นชม
ส่วนซองซันกิสนั้นเหมือนอุรังอุตังธรรมดาๆ แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันถือว่าคนละเรื่องเลย
ถ้าถูกพวกมันตบจังๆอาคารบางแห่งยังต้องพังทลาย
หากพวกมันแข็งแกร่งขึ้นอีกนิด ภูเขาก็ยังสามารถพลิกกลับได้โดยง่าย
จากระยะไกลมูยองเพียงแค่ดูตระกูลเรนล่มสลายลงอย่างช้าๆ
สำหรับส่วนใหญ่ของผู้ที่ยังมีชีวิตรอด คือผู้ที่กำลังคุกเข่ายอมศิโรราบ
พวกเขาต้องการความเมตตา และยอมพ่ายแพ้ต่อเหล่าวิญญาณ
โดยทั้งหมดในนั้นมีทั้งตระกูลเรน รวมไปถึงตระกูลอื่นๆปะปนกันไป
การที่พวกมันไม่สามารถร่วมใจกันต่อสู้ได้ อนาคตข้างหน้าก็สามารถคาดการณ์ได้ชัดเจน
‘หืม?’
ในขณะที่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป จู่ๆมูยองก็เห็นการหลั่งไหลของพลังงานความมืด
มันมาจากฝั่งตรงข้ามของสถานที่ตั้งของตระกูลเรน
‘พลังของใครบางคนกำลังตื่น’
ความรู้สึกนี้คุ้นเคยกับเขา
มีคนกำลังตื่นรู้ขึ้นมา
แม้ว่าระดับความมืดที่รู้สึกได้ในปัจจุบันจะอ่อนแอ แต่ความเข้มข้นของมันถือว่าสูงมาก
ความเข้มข้นของมันสามารถกำหนดอนาคตได้อย่างชัดเจน
มูยองเกิดความสนใจเล็กน้อย
เขากางปีกกว้างแล้วมุ่งหน้าไปยังความมืดนั้น
“…อ๊าก! อ๊าาาา!”
ในบ้านที่ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ชายหนุ่มอายุไม่เกิน 18 ปีกำลังกรีดร้องและร่ำไห้อยู่
ที่ด้านหน้าดูเหมือนจะเป็นศพของพ่อแม่เขา
หนึ่งในร่างไร้ชีวิตมีคนหนึ่งที่มูยองจำได้
‘นักดาบเฒ่าจินยุน’
นักดาบเฒ่าจินยุน เขาเป็นชายชราที่แข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรก แต่เขาก็ยังคงอยู่ในกลุ่ม 100 คนแรกของมนุษยชาติ
อย่างไรก็ตามเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆหลังจากเกษียณเนื่องจากอายุมากแล้ว
ในอดีตเขามีชื่อเสียงในด้านบุคลิกภาพที่ไม่เคยยอมแพ้ และไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งกับเขาได้อย่างง่ายดาย
ดูเหมือนว่าบุคลิกภาพดังกล่าวจะปรากฏต่อหน้าเหล่าวิญญาณด้วยเช่นกัน
มูยองสามารถเห็นการต่อต้านอย่างถึงที่สุดจากดาบที่หักและเลือดที่กระจายอยู่รอบๆ วิญญาณหลายสิบตนม้วนตลบไปตามพื้นดินหลังจากกลายเป็นเถ้าถ่าน
และชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเป็นบุตรหรือไม่ก็ลูกศิษย์ของเขา
แม้มูยองจะไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับนักดาบเฒ่า ทว่าการที่ชายหนุ่มร้องไห้ขณะถือร่างไร้วิญญาณเอาไว้ก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน
ขณะนี้ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มมีความมืดมิดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
‘การตื่นรู้ประเภทผิดปกติ’
หากบุคคลดำเนินไปในทางที่ผิดขณะเวลาแห่งการตื่นรู้ พวกเขาจะกลายเป็นตัวตนที่ไม่มั่นคง
หากไม่สามารถจัดการพลังงานของตัวเองได้ ร่างกายของพวกเขาจะระเบิด พวกเขาจะเอ่อล้นไปด้วยพลังงาน ก่อนที่จะกลายเป็นความแปรปรวน และหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกคนจะระเบิด
“ ฉันจะฆ่าไอ้พวกเดรัจฉานที่ฆ่าพ่อแม่ของฉันให้หมด!”
กึด!
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะที่จ้องมองเหล่าวิญญาณ
มีวิญญาณอันดับ 3 และอันดับ 4 นับร้อยตนรอบสถานที่
ชายหนุ่มคว้าดาบหักของชายแก่
จากคำสั่งของมูยอง เหล่าวิญญาณทำตามมันอย่างเคร่งครัด
– ผู้ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ ผู้ที่ไม่คุกเข่า ฆ่าพวกมันทั้งหมด!
ชายหนุ่มไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น
เหล่าวิญญาณพุ่งไปสังหารชายหนุ่มตามคำสั่งของมูยอง
พวกมันเป็นวิญญาณที่มีมือเหมือนหนวดยั๊วะเยี๊ยะ และวิญญาณที่อยู่ในรูปแบบของหัวกะโหลกขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามพลังงานมืดที่อยู่ในดาบของชายหนุ่มนั้นสามารถสกัดการโจมตีของวิญญาณทั้งหมดเอาไว้ได้
ชายหนุ่มตวัดดาบไปมาราวกับถูกบางสิ่งครอบงำ
และในขณะที่เขาทำเช่นนั้น พลังงานชีวิตของเขาก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว
เวลาที่เขาฆ่าวิญญาณทั้งหมดสำเร็จ คงเป็นเวลาที่เขาใช้พลังงานของตัวเองจนหมดเช่นกัน
‘น่าเสียดายที่จะปล่อยให้เขาตาย’
มูยองมองเห็นศักยภาพในตัวชายหนุ่ม
เขาไม่เคยเห็นพรสวรรค์เช่นนี้ในอดีต อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นใบหน้าของชายหนุ่มมาก่อน
อย่างไรก็ตาม หากเขาสามารถเบ่งบานผ่านพลังงานความมืดมิด ด้วยความผิดปกติของการตื่นรู้ คุณอาจพูดได้ว่าความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมดา
แน่นอนว่ามันดูน่าเสียดายที่เขาจะต้องตายในตอนนี้
ตุบ!
มูยองร่อนลงบนพื้น
ทันใดนั้นทิศทางดาบของชายหนุ่มก็หันไปหามูยองทันที
แม้ว่าดวงตาจะมืดบอดด้วยความแค้น แต่ดูเหมือนเขาจะรู้โดยสัญชาตญาณว่ามูยองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้
เคล้ง! เคล้ง!
อย่างไรก็ตามความสามารถของเขานั้นน่าอายเกินกว่าที่จะเทียบกับมูยองได้
มูยองหยุดการโจมตีของเขาอย่างใจเย็น และตอบโต้กลับไป
ฉึก!
ความโกรธเกรี้ยวแทงไปด้านข้างและแทงทะลุกล้ามเนื้อส่วนขา
จากนั้นคำสาปอันทรงพลังก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม
ความโกรธเกรี้ยวมีอำนาจของการเสื่อมถอย และการสาปแช่ง
และพลังนั้นทรงอำนาจมากกว่าความมืดมิดที่ชายหนุ่มครอบครอง
ด้วยการใช้พลังแห่งการเสื่อมถอยและคำสาป มูยองผนึกพลังความมืดไว้ที่หัวใจของเขา
มันเป็นผนึกชั่วคราวเท่านั้น
มูยองไม่ได้กำจัดพลังความมืดทิ้งไป
เนื่องจากพลังแห่งความมืดดังกล่าวสามารถกลายเป็นกำลังของเขาได้
หัวใจของชายหนุ่มเต้นราวกับกำลังจะระเบิด แต่เขากลับยังมีสติ
“อ๊าก!”
“ แกอ่อนแอ ทั้งภายในและภายนอกพวกมันอ่อนแอเกินไป”
“ ฉัน…ฉันไม่ได้อ่อนแอ!”
“ ถ้าแกไม่อ่อนแอทำไมถึงปกป้องพวกเขาไม่ได้ล่ะ?”
ชายหนุ่มลุกขึ้นอีกครั้ง
เขาฟาดดาบไปที่มูยองอย่างไร้การควบคุม
โครม!
อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ยินยอมรับความโกรธเคืองของชายหนุ่ม
มูยองเตะเข้าไปที่หน้าอกจนชายหนุ่มล้มกลิ้ง
“ แกไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ เพราะแกมันอ่อนแอ”
“ แม่…พ่อ… แค่ก! อ่อก!”
ดวงตาของเขาพลิกกลับ
เขาร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือด
มันเป็นปรากฏการณ์สำหรับคนที่มีความตึงเครียดทางจิตใจจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
มูยองเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม และสัมผัสหัวใจของเขา
หลังจากนั้น เขาก็ประสานพลังและพูดขึ้น
“ สาเหตุที่พ่อแม่ของแกตาย และสาเหตุที่แกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะพวกแกมันอ่อนแอ ทุกอย่างก็เพราะพวกแกไม่สามารถเผชิญหน้ากับฉันได้”
มูยองให้เป้าหมายกับเขา
แม้ว่าเขาจะประสานพลังให้ แต่หากชายหนุ่มไม่มีความตั้งใจที่จะมีชีวิตรอดเขาก็จะตายอยู่ดี
ชายหนุ่มเงยหน้าที่แทบยกไม่ไหวขึ้น
จากนั้นมองไปที่มูยอง
“ ฉัน จิน…จากึน จะ… ฆ่าแก”
ชายหนุ่มชื่อจินจากึน
เขาพูดชื่อของเขาและประกาศว่าจะฆ่ามูยอง
มูยองก็แนะนำตัวเองด้วย
“ ฉันชื่อมูยอง นอกจากนี้ฉันยังเป็นราชาแห่งขุมนรก ถ้าแกต้องการเผชิญหน้ากับฉันอีกครั้ง แกต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้”
พลังแห่งความมืด การเสื่อมถอย และคำสาปแช่งล้วนครอบงำจิตใจของเขา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมูยองผสมเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เข้าไปด้วยเล็กน้อย มันจึงสามารถทำให้ทุกพลังเป็นกลางได้
สุดท้ายก็อยู่ที่ความตั้งใจของชายหนุ่ม หากเขาสามารถตื่นรู้และพัฒนาความแข็งแกร่งได้สำเร็จ เขาจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ 10 อันดับแรก
และดูเหมือนว่าจินจากึนจะมีศักยภาพเหนือกว่าทุกสิ่งอย่างแน่นอน
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้น
มูยองเป็นวายร้าย และจากึนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ล้างแค้นอย่างแท้จริง
พรึ่บ!
เมื่อมูยองทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็กางปีกอีกครั้ง
และมุ่งหน้าไปยังตระกูลเรน
ภาพด้านล่าง…จินจากึนยังคงวิ่งไลล่ตามมูยองต่อไปแม้ร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
***
‘มันเป็นการโจมตีของราชาปีศาจ’
‘บางทีเทพปีศาจอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้’
‘อย่างไรก็ตามมังกรกระดูกทั้งเจ็ดที่บินอยู่บนฟ้าดูเหมือนจะคุ้นเคยกันดี’
‘บางที…’
ความคิดเห็นถูกแบ่งแยกออก แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ใดๆที่จะมานั่งพูดคุยกันมากนัก
“กาซซ!”
“หยุดพวกมัน! อย่าปล่อยให้พวกมันเข้ามาได้อีก! “
วิญญาณเคลื่อนที่ไปยังตระกูลเรนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวิญญาณหลายหมื่นตนบุกเข้ามาในครั้งเดียว ตระกูลเรนไม่สามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากผลลัพธ์ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เหล่าวิญญาณจะสามารถไปถึงผู้นำตระกูลได้
อย่างไรก็ตาม เหล่าวิญญาณไม่สามารถช่วยได้แต่สั่นไหวไปมา
มันเป็นเพราะขุนพลแห่งตระกูลเรน เรนซองผู้ที่มีดาบคู่ใจอย่าง ‘ดาบฮวังอี’
ในฐานะที่เป็น 1 ใน 10 คนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเปรียบดั่งความหวังสุดท้ายของตระกูล
“เข้ามา! ไอ้พวกสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยง!”
เมื่อใดก็ตามที่ดาบฮวังอีเผยประกายแสง เหล่าวิญญาณก็ต้องสูญเสียศีรษะของพวกมันไป
เหล่าวิญญาณไม่ได้ทิ้งร่างไว้เมื่อพวกมันตาย แต่พวกมันกลายเป็นเถ้าถ่านและทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นดินเล็กน้อย
เขาแข็งแกร่ง วิญญาณส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงเขาได้
“อ่า! ท่านขุนผลกำลังสร้างทางหนีให้พวกเรา!”
“ ตามเขาไป!”
คนที่ยังรอดต่างติดตามเรนซองไปในขณะที่จับอาวุธของตัวเองแน่น
เรนซองผลักดันจนมอนสเตอร์ล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง และเริ่มยึดพื้นที่ของตระกูลคืน
“ สังหารมอนสเตอร์!”
“ ดันพวกมันออกไป !!”
ทันใดนั้นจิตวิญญาณของพวกเขาก็ลุกโชน
ผู้ที่กระจัดกระจายเริ่มรวมตัวกันและภาพก็เริ่มเปลี่ยนไป
ตอนนี้พวกเขาเห็นแสงแห่งความหวัง
ความหวังที่ว่าพวกเขาจะกำจัดมอนสเตอร์เช่นนี้ได้!
กรรร!
ตอนนั้นเองที่ซ่งหลางปรากฏตัวขึ้น
หมาป่าสีน้ำเงินตัวโต
เมื่อมันปรากฏ ทุกคนรอบๆก็ถูกคมเขี้ยวของมันสังหาร ด้วยฟันที่แหลมคม คอของพวกเขาถูกเจาะทะลุ และยังไม่มีอาวุธใดที่สามารถเจาะทะลุผิวหนังของซ่งหลางได้
“สารเลว!”
เรนซองใช้ดาบฮวังอี
แน่นอนว่าดาบของเขาสามารถสร้างความเสียหายผิวหนังของซ่งหลางได้ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น
โฮก!
ช่งหลางส่งเสียงดังลั่น
แต่มันก็สู้ไม่ถอย มันเริ่มตระหนักถึงเรนซองและพุ่งเข้าจู่โจมเขา
ช่งหลางถูกผลักกลับอย่างช้าๆแต่ทว่าไม่ใช่โดยง่าย
โฮก!
มันเป็นเพราะช่งหลางตัวเล็กๆเข้ามาร่วมโจมตีด้วย ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนโดยสิ้นเชิง
“อ๊าก! ระยำ!”
ไหล่ของเรนซองฉีกขาด
เรนซองสูญเสียไหล่ซ้าย
โชคดีที่เขาไม่โดนกัดคอ แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปผลลัพธ์ก็ชัดเจน
“ พวกเราไปช่วยท่านขุนพล!”
“ ปกป้องท่านขุนพล !!”
ชายผู้ที่ยังมีกำลังใจแข็งแกร่งเข้าร่วม
พวกเขาล้วนเป็นเหล่าหัวกะทิ หากร่วมมือกันซ่งหลางตัวสองตัวก็ยังสามารถรับมือได้อยู่
อย่างไรก็ตาม
ตุ่บ! ตุ่บ!
พวกเขาเริ่มคุกเข่าทีละคนโดยไม่ทราบสาเหตุ
จู่ๆพวกเขาก็สูญเสียพละกำลังและดวงตาเต็มไปด้วยความเลื่อนลอย ในขณะที่ตัวตนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
สาวสวยห้าคนที่ดูเหมือนนางฟ้า กลิ่นแปลกๆที่มาจากพวกเธอดูดพละกำลังทั้งหมดออกไปจากร่างกายของพวกเขา
และท่ามกลางพวกเธอก็ปรากฎร่างของชายผู้มีหกปีกแลดูเหมือนปีศาจ!
เรนซองรู้จักมูยอง
‘บันยะ’
ผู้สืบทอดอย่างถูกต้องของตระกูลที่พึ่งกลับมา
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ปัจจุบันที่เห็น เขากลับไม่รู้สึกว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือบันยะ
ภาพลักษณ์นั้นไม่ใช่ของมนุษย์ด้วยซ้ำ
และผู้ที่สร้างสถานการณ์ทั้งหมดนี้ …
“ นรกเถอะ….แกเป็นราชาแห่งขุมนรกจริงๆเหรอเนี้ย?”
มูยองไม่แม้แต่จะชายตามองเขาและเดินผ่านไป
มูยองตามหาสถานซึ่งผู้นำตระกูลควรอยู่
เขาวางแผนที่จะใช้ผู้นำตระกูลเป็นตัวประกันเพื่อค้นหาว่าเอลย่าซีโก้ถูกผนึกอยู่ที่ไหน
โฮก!
หลังจากมูยองเดินผ่านไป พวกซ่งหลางก็เริ่มสังหารหมู่อีกครั้ง
เรนซองทำได้เพียงแค่พริ้มตาหลับลง
หากจะมีนรกอยู่ในโลกนี้จริงๆ มันก็คงเป็นตอนนี้