The King of the Battlefield - ตอนที่ 209
บทที่ 209: สกายลอร์ด (1)
อย่างไรก็ตาม…มูยองขมวดคิ้ว
อทาราเซียต้องการให้มูยองไปพบซองมินงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง?
ช่วงที่มูยองไม่อยู่เป็นเรื่องดีที่ซองมินควบคุมอทาราเซียไว้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ซองมินน่าจะเป็นคนที่มาหาเขาเองสิ ไม่ใช่ส่งอทาราเซียมา
“ ซองมินอยู่ที่ไหน”
“ เจ้านายอยู่ไกลจากที่นี่มาก เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นโปรดยกโทษให้เขาด้วย”
“ เหตุการณ์ไม่คาดฝันงั้นเหรอ”
มูยองไม่รู้สึกถึงความจริงใจใดๆ นอกจากนี้อทาราเซียไม่ได้บอกแม้แต่ตำแหน่งที่แน่นอนของซองมินเลยด้วยซ้ำ
ราวกับกำลังถูกทดสอบ
ใช่แล้วดูเหมือนอทาราเซียกำลังทดสอบบางอย่างจากมูยองอยู่
‘กล้ากันขึ้นมากเลยสินะ’
มูยองกางปีกสยายออก และยิงขนนับพันไปทางอทาราเซียทันที
ฟุ่มๆๆ
วูบ!
อทาราเซียหลบการโจมตีของเขา
โดยปกติแล้วอันเดธไม่สามารถต่อต้านผู้ที่สร้างมันขึ้นมาได้ แต่ตอนนี้เขากลับหลีกเลี่ยงการโจมตีของมูยอง นอกจากนั้นนี่ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของซองมินด้วย
“ เป็นการกระทำที่โง่มาก”
ทั้งๆที่รู้จักมูยองเป็นอย่างดีแต่ยังวางแผนแบบนี้ และไม่ว่าด้วยเหตุผลใดถ้าหากเบซองมินกำลังตีจาก มูยองก็จะกำจัดซองมินไปให้พ้นทางซะ เพราะว่าซองมินรู้เรื่องของมูยองมากเกินไปที่จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ จริงๆคนที่รู้จักมูยองดีที่สุดในโลกนี้ก็คือซองมิน
ในขณะนั้นจู่ๆร่างของอทาราเซียก็ดูเลือนลาง
ดูเหมือนเขากำลังจะใช้ทักษะเปิดช่องว่างเพื่อหนีไปยังพื้นที่อื่น
พยายามหนีงั้นเหรอ ทว่ามูยองไม่ใช่ประเภทที่จะปล่อยให้ใครจากไปได้ง่ายๆ
ฉัวะ!
มูยองตวัดความโกรธเกรี้ยวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นช่องว่างที่อทาราเซียเปิดก็ถูกฟันขาดสะบั้น
วิชาดาบของมูยองสามารถฟันได้ทุกสิ่ง แม้แต่ทักษะประเภทการเคลื่อนย้ายก็ไม่สามารถทำงานต่อหน้ามูยองได้
ร่างกายของอทาราเซียกลับเด่นชัดขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้ง
ปัง!
มูยองใช้เท้าส่งร่างของอทาราเซียร่วงลงสู่พื้น จากนั้นก็สะบัดปีกส่งขนจำนวนหลายเส้นไปตรึงร่างของเขาไว้
หลังจากทำให้อทาราเซียขยับไม่ได้ มูยองก็ยื่นมือออกมา
วิญญาณที่อยู่เหนือหัวของอทาราเซียยังคงมีสภาพสมบูรณ์ทุกประการ ในเงื่อนไขนี้ถ้าเขาใช้ทักษะอุทิศจิตวิญญาณ มูยองจะสามารถดูดซับวิญญาณของอทาราเซียได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และนี่คงเพียงพอที่จะส่งคำเตือนไปยังซองมิน
“คุณเป็นมูยองจริงๆ ขออภัยผมที่หยาบคายด้วย”
ขณะที่มูยองกำลังจะใช้ทักษะอุทิศจิตวิญญาณ เสียงบางคนก็ดังออกมาจากปากของอทาราเซีย
มันเป็นเสียงของซองมิน
เสียงที่ฟังดูติดขัดแต่ก็เต็มเปี่ยมไปได้ความยินดี
จากนั้นมูยองก็พบว่าวิญญาณของอทาราเซียและซองมินเชื่อมต่อกันอยู่
“ นายคิดทดสอบฉันเหรอ?”
“ ผมแค่ต้องการยืนยันว่าคุณยังเป็นมูยองจริงๆหรือเปล่า เพราะการที่คุณหายตัวไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ผมไม่รู้ว่าคุณยังสามารถควบคุมลูซิเฟอร์ได้อยู่หรือเปล่า”
มูยองกอดอก
ดูไม่เหมือนว่าเขาจะโกหก
มูยองมีปัญหามากมายภายในจิตวิญญาณ การที่เขาใช้เวลาสองปีในเปลวเพลิงของเดียโบลหากไม่ระวังอาจทำให้สูญเสียจิตใจไปได้
หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น ร่างกายของเขาจะถูกมอบให้กับลูซิเฟอร์ หรือกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น รูปลักษณ์ของเขาตอนนี้ยิ่งไม่แปลกเลยที่จะกลายเป็นของลูซิเฟอร์ไปแล้ว
สองปีที่ผ่านมาถือเป็นสถานการณ์อันตรายอย่างมากกับมูยอง
ซองมินทราบเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง ซองมินรู้ว่าจิตวิญญาณมูยองยังไม่มั่นคง และยังมีลูซิเฟอร์อยู่ในร่าง ดังนั้นเขาจึงต้องมีความระมัดระวัง
“ ฉันยังเป็นฉัน”
แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้จิตวิญญาณของมูยองไม่อาจถูกสั่นคลอนได้เหมือนก่อน
เขาพูดต่อด้วยท่าทีนอบน้อม
“โปรดรอสักครู่ ผมจะเปิด ‘ประตู’ ไปสู่สถานที่บางแห่ง อ่าคุณช่วยยกเลิกขนที่ตรึงร่างอทาราเซียออกได้ไหม…”
มูยองพยักหน้า และยกเลิกขนที่ควบคุมร่างกายของอทาราเซียออก พอขนเปล่งแสงออกมาและหายไปราวกับว่าพวกมันพังทลาย อทาราเซียก็ลุกขึ้นและนำขวดขนาดเล็กออกมา
เขาเทของเหลวจากขวดลงไปบนพื้นลากเป็นเส้นวงกลม จากนั้นภายในวงกลมก็กลายเป็นพื้นที่สีดำและเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่น
อทาราเซียหันไปมองมูยองอีกครั้ง
วูม!
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเบซองมินก็ปรากฏตัวผ่านช่องทางดังกล่าว ในขณะที่รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ และถือไม้เท้าที่สร้างจากกระดูกมังกร เนื้อหนังทั้งหมดหายไปเหลือเพียงกระดูกเท่านั้น อย่างไรก็ตามกระดูกดังกล่าวหนาแน่นกว่าปกติและมีสีดำสนิท
กระดูกสีดำที่ไม่ได้เกิดจากพลังงานชั่วร้ายที่กำลังจะตายและตกสู่ความมืดมิด แต่พวกมันกลายเป็นสีดำเพราะแสงและพลังงานทั้งหมดถูกดูดซับไปจนหมดสิ้น
‘น่าตกใจจริงๆ’
มูยองชื่นชมด้วยใจ
ซองมินยกระดับขึ้นด้วยตนเอง
เขาแตกต่างจากเมื่อสองปีก่อนจนเทียบกันไม่ได้
ความรู้สึกแบบนี้ที่มูยองเคยรู้จักในอดีต
ความรู้สึกที่สามารถรับรู้ได้จากลิชคิง! ในอดีตลิชที่ถูกเรียกว่าลิชคิงก็ให้ความรู้สึกคล้ายกันเช่นนี้
“ ผมทำภารกิจบางอย่างจนร่างกายเปลี่ยนไป และทุกคนต่างเรียกผมว่าเอลเดอร์ลิช”
รูปร่างของซองมินดูไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ถึงเขาจะห่างไกลจากการเป็นลิชปกติตั้งแต่แรก แต่เอลเดอร์ลิชนั้นคือสิ่งใด…เอลเดอร์ลิชเป็นรูปแบบสุดท้ายของลิชหรือไม่? นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถควบคุมวิญญาณของอทาราเซีย
“ ผมมีคำถามมากมายที่อยากพูด แต่ตอนนี้อยากแสดงให้คุณเห็นอะไรบางอย่างก่อน”
ซองมินมองเบื้องหลังของมูยองที่เต็มไปด้วยเหล่าวิญญาณ และเอลย่าซีโก้จำนวนมากมายเหลือคณานับ ต่อหน้าพวกมันทั้งหมดดูเหมือนว่าหัวใจของซองมินจะถูกครอบงำเล็กน้อย
“ หลังวงเวทย์นี้มีหมู่บ้านที่ผมสร้างขึ้นอยู่ โปรดตามผมมา”
ซองมินกลับเข้าไปในช่องว่างด้วยความเชื่อมั่น
มูยองไตร่ตรองอยู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวกับเหล่าวิญญาณ
“จงรอที่นี่”
“ โปรดให้เราติดตามท่านด้วย”
สุนัขจิ้งจอกทั้งเก้าหางร้องขอ ดูเหมือนว่าพวกเธอยังไม่ไว้วางใจซองมิน
มูยองพยักหน้าหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย แค่ซ่งหลางกับซองซันกิสก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับควบคุมกลุ่มทั้งหมด
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
ทาร์แคนยืนอยู่ข้างมูยองแล้ว ดูเหมือนว่าเขายังสงสัยเกี่ยวกับซองมิน แต่ก็ดีใจที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากเฝ้าดูครู่หนึ่งทาร์แคนก็เดินตามเข้าไปในวงเวทย์ด้วย
***
แม้ว่ามูยองไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากสิ่งที่ซองมินเรียกว่าหมู่บ้าน แต่พอได้เห็นจริงๆกลับรู้สึกทึ่งอย่างถึงที่สุด
มีบ้านหลายร้อยหลังกระจายอยู่กลางเทือกเขา
ด้วยเหตุผลบางอย่างผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่กลับยิ่งดูยิ่งคุ้นเคย
แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหาร บางคนกระทั่งมีเนื้อหนังที่เหวอะหวะเหมือนซากศพ..อย่างไรก็ตามพวกเขายังดูคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างมาก
“พวกนี่คือ…”
มูยองพูดไม่ทันจบประโยคก็ฉุกใจคิดขึ้น
ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นอีกแล้ว
เขาจะลืมคนพวกนี้ได้อย่างไร
ราวกับรับรู้ว่ามูยองคิดอะไรอยู่ ซองมินก็อธิบายเพิ่มเติม
“ ไม่ง่ายเลยที่จะหาพวกเขาเจอ แต่ละคนกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ กว่าผมจะหาตำแหน่งของทุกคนได้ต้องรวบรวมข้อมูลลับจากทั้งเมืองมูลาลันและเกรทซิตี้”
“ นักฆ่าของป่าแห่งความตาย ?”
“ถูกต้อง”
“นายรู้ตัวตนของพวกเขาได้ยังไง?”
มูยองไม่เคยพูดถึงคนพวกนี้ให้เบซองมินฟัง แม้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นพิเศษเกี่ยวกับพวกนักฆ่า แต่มันก็ยากที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์จากสิ่งนั้น
ซองมินพูดขณะที่เดินนำเข้าไปในหมู่บ้าน
“ จิตวิญญาณของคุณและผมเชื่อมโยงกัน การเชื่อมต่อของมันรุนแรงขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ก็เป็นเพราะมัน ถึงแม้จะไม่ค่อยมากนักแต่ผมก็สามารถเห็นบางสิ่งที่ถูกฝังไว้ในจิตวิญญาณของคุณ ผมต้องขออภัยด้วย”
“ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องนี้”
เขาไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน
ซองมินพยักหน้าแล้วพูดต่อ
“ ผมยังเคยคิดเหมือนกันว่ามันเป็นแค่ความฝัน เหมือนฝันที่ลืมไปแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองเลย”
ความทรงจำของซองมินไม่ปกติ มีพื้นที่ว่างจำนวนมากในหน่วยความจำของเขา กระทั่งเรื่องของซูจีเขาก็จำไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มดีขึ้น
“ผมทำสิ่งที่ไม่สมควรหรือเปล่า?”
“เปล่าเลย นายทำได้ดีแล้ว”
มูยองพูดจากใจจริง
หลังจากฆ่าหวังซุงหลินแล้วมูยองก็เข้าสู่บททดสอบของเดียโบลทันที หากอยู่ในสถานการณ์ปกติเขาคงไปยังที่ตั้งทั้งหมดของสมาชิกป่าแห่งความตายและปลดปล่อยผู้คน แต่เนื่องจากเขาติดอยู่ในบททดสอบ เขาจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และซองมินก็ทำสิ่งนี้เพื่อเขา แล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
จากนั้นซองมินพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
“ ถึงผมจะพบพวกเขา แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก”
“ ก็ไม่ต่างจากที่ฉันคิดไว้”
“ ผมทำให้จิตใจของพวกเขามั่นคงขึ้นโดยใช้วิธีผสานรวมจิตวิญญาณ แต่การล้างสมองเกิดขึ้นมานานมากเกินไป “
หากการล้างสมองของชุงหลินฝังอยู่ลึกเกินไปก็ไม่มีอะไรที่มูยองจะทำได้เช่นกัน หากเขาฝืนลบมัน พวกเขาอาจสูญเสียตัวเองไปโดยสิ้นเชิง สมองของพวกเขาอาจตายได้
“ แล้วหมู่บ้านที่นี่อยู่ได้ด้วยวิธีไหน?”
ต่างจากเหล่าภูติผีและเอลย่าซีโก้ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องกินต้องใช้ เพื่อรักษาสภาพหมู่บ้านในระดับดังกล่าวเป็นเวลานาน ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเป็นสิ่งจำเป็น
“ ตอนนี้ผมเป็นผู้ค้าข้อมูล มีบางคนสามารถหลุดออกจากการล้างสมองได้ และเลือกที่จะเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของผม ผมใช้พวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลในการซื้อขาย”
มูยองพยักหน้า
การเป็นอิสระจากการล้างสมองเป็นไปได้น้อยมาก เพราะยังไงก็ยังผลกระทบที่ต้องตามมา อาทิเช่น หากพวกเขาไม่ได้รับใช้ใครบางคนหรือไม่ได้รับคำสั่งใดๆ พวกเขาจะกลายเป็นกังวลและอาจฆ่าตัวตายในที่สุด
ไม่ว่าจะมองด้วยมุมไหนมูยองก็ไม่สามารถละสายตาจากพวกเขาได้ในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นใบหน้าของผู้ทีคนที่ยากจะลืมเลือนแม้ว่าพวกเขาจะจำมูยองไม่ได้ก็ตาม
มูยองมองดูซองมินที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าอย่างลึกซึ้ง หากมองในมุมของซองมิน แม้แต่ตอนนี้ตัวตนของมูยองก็ยังคงเป็นที่น่าสงสัย การที่เขาแสดงหมู่บ้านนี้ให้เห็นเสี่ยงต่อการถูกลูซิเฟอร์ทำล้ายล้างเป็นอย่างมาก
“ขอบคุณ”
“…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมูยองขอบคุณ จึงทำให้เขาตอบสนองช้ากว่าปกติเล็กน้อย
“ มันเป็นสิ่งที่ผมสมควรทำอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย”
***
มูยองคุยกับซองมินเป็นเวลานาน
ส่วนใหญ่ที่มูยองฟังเป็นสิ่งที่ซองมินทำในช่วงสองปีที่ผ่านมา และมันค่อนข้างน่าสนใจ
“ ผมพยายามตามหาเบาะแสของเดียโบล ตอนนี้มันกำลังรวลรวม ‘หินรอยแยก [1]’อยู่ ปีศาจตนอื่นก็ทราบข้อมูลนี้เช่นเดียวกัน”
“ รู้เหตุผลที่เดียโบลรวบรวมหินรอยแยกไหม? “
“ มันใช้หินรอยแยกเพื่อเรียกกองทัพจำนวนมากทั้งหมดออกมา”
เดียโบลกำลังรวบรวมหินรอยแยกงั้นหรือ?
หินรอยแยกเป็นหินที่ใช้เปิดและปิดรอยแยกของพื้นที่ มูยองถูกเกรโมรี่ขอให้รวบรวมหินรอยแยก 3 ก้อนไปให้เธอ
“ เพื่อหยุดยั้งกองทัพของเดียโบล เทพปีศาจเลยวางกองกำลังวิญญาณปีศาจไว้ที่ชายแดนของดินแดนเทพปีศาจ”
“ มันคือสกายลอร์ด”
“ ถูกต้อง มันเป็นวิญญาณปีศาจที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อต่อสู้กับเดียโบลโดยเฉพาะ ด้วยสิ่งนี้เห็นว่าเดียโบลเลยไม่สามารถเข้าสู่ดินแดนเทพปีศาจได้”
“ วิญญาณปีศาจประดิษฐ์? นายหมายถึงมีใครบางคนสร้างมันขึ้นมา?”
“ ผมไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนสร้าง แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งเกินกว่าความเข้าใจทั่วไป”
“ ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันก็ต้องเข้าสู่ดินแดนเทพปีศาจอยู่ดี”
มูยองต้องไปที่ดินแดนเทพปีศาจเพื่อทำตามแผนของตัวเอง อย่างไรก็ตามหากสกายลอร์ดขวางเส้นทางไว้มันจะเป็นปัญหา
ซองมินไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยอีกครั้ง
“ ผมรู้จักปีศาจที่จะช่วยให้เราข้ามไปที่นั่นได้ ”
เขารู้จักปีศาจและปีศาจตนนั้นจะช่วยพวกเขา? มันเป็นสิ่งที่มูยองไม่เคยคิดมาก่อน
ซองมินพูดอย่างต่อเนื่อง
“ เขาเป็นปีศาจที่หมกมุ่นอยู่กับการค้าขาย หากเราให้บางสิ่งที่เขาต้องการ วิธีการผ่านสกายลอร์ดย่อมสามารถเจรจาได้”
[1] หินรอยแยก – ฝรั่งคิดว่ามันเป็นอีกชื่อหนึ่งของ ชิ้นส่วนของรอยแยก ที่เคยกล่าวในบทก่อนๆ