The King of the Battlefield - ตอนที่ 216
บทที่ 216: ราชาปีศาจเหล็ก เอนโรธ (จบ)
ด้วยจำนวนที่สูงอย่างท้วมถ้น ไม่มีไฟทาร์คนไหนแม้แต่หัวหน้าใหญ่ที่สามารถท้าทายไปถึงคลื่นลูกที่ 100 ได้
อย่างไรก็ตามมูยองก็ประสบความสำเร็จสำหรับคลื่นลูกที่ 127 …การทดสอบที่ไม่มีใครเคยไปถึง ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถึงอย่างนั้นมูยองก็ยังไม่พอใจ
‘คลื่นลูกที่ 127 เป็นด่านสุดท้าย’
สมรภูมิไร้จุดจบ เขาคิดว่ามันจะสามารถดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนชื่อซะอีก
มูยองผ่านคลื่นลูกต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่งมันจบลงที่คลื่นลูกที่ 127
หลังจากจัดการสิ่งมีชีวิตอย่างมังกรประดิษฐ์ มูยองก็ถูกส่งคืนสู่ความเป็นจริงพร้อมข้อความที่ระบุว่าไม่มีสมรภูมิรบอีกต่อไป
สมรภูมิไร้จุดจบน่าจะอยู่ระหว่างการสร้าง ดังนั้นมันจึงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แม้จะพอเดาออกว่ามันย่อมมีจุดสิ้นสุด แต่เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่พอใจได้
มูยองแค่อยากรู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถสัมผัสประสบการณ์นั้นได้ จึงไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าความผิดหวัง
ทุกอย่างควรเป็นเช่นนั้น ทว่า…
มูยองเหลียวมองไปที่ชาร์ซาซ่า
ทันทีที่ออกมา เขาก็เจอคู่ต่อสู้ที่ดูเหมือนจะทำให้เขาได้สัมผัสกับขีดจำกัดของตัวเอง
หนึ่งในสามผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาปีศาจเหล็กเอนโรธ และคนที่ถูกกล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุดก็คือ ชาร์ซาซ่า
เขาไม่เคยคิดว่าชาร์ซาซ่าจะบุกโจมตีในช่วงต้นเกมเช่นนี้ แต่มันค่อนข้างเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
มูยองดึงความโกรธเกรี้ยวออกมา
เขาต้องการคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
“ เจ้านะหรือจะสังหารข้า?”
ชาร์ซาซ่าหัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกสนุกสนาน
อย่างไรก็ตามมันก็ยังประหลาดใจ
เมื่อไหร่กันที่มูยองเข้ามาสู่เขตการรับรู้ของมัน?
หากมูยองไม่พูดขึ้นมาซะก่อนก็มีโอกาสสูงมากที่มันจะถูกลอบโจมตี
พอคิดได้ดังนั้น ชาร์ซาซ่าก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลังเล็กน้อย
นานมาแล้วที่มันไม่ได้เจอกับตัวตนแบบนี้
แน่นอนชาร์ซาซ่าย่อมไม่ถูกสังหารด้วยการลอบจู่โจมเพียงครั้งเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อจิตใจ
มันจะไม่ประมาทอีกเป็นครั้งที่สอง
‘ชายผู้นี้คือใครกันแน่?’
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ภาพลักษณ์ของมูยอง ไม่ว่าจะเป็นปีกทั้งหกและความรู้สึกสุดขั้วนั้นจะอธิบายอย่างไรดี? เขาไม่ได้เป็นทั้งปีศาจ ทูตสวรรค์ มนุษย์หรือแม้แต่โดเกบิ
ถ้าในโลกนี้มีความดีและความชั่วร้ายอยู่ มันก็เหมือนกับว่าเขายืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสอง
มันเป็นครั้งแรกที่ชาร์ซาซ่าได้พบกับตัวตนที่แปลกประหลาดเช่นนี้
เพียงแค่มองผู้ชายคนนี้ก็รู้สึกเหมือนว่าเส้นผมทั้งหมดของมันกำลังตั้งชัน
“ ฉันจะดูว่าสายฟ้าของแกจะหยุดการโจมตีของฉันได้ไหม”
มูยองถือความโกรธเกรี้ยวอยู่ในมือ
จากนั้นคลื่นแสงรุนแรงก็สาดส่องไปทั่วบริเวณ
เรื่องราวดำเนินเร็วไปกว่าที่คาดไว้ เขากะจะรวบรวมกองทัพแล้วค่อยไปโจมตีชาร์ซาซ่า แต่กลับบังเอิญเจอมันที่นี่ซะก่อน ถ้าตอนนี้สามารถกำจัดมันไปได้เลยก็จะลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็นลงได้
ยังไงมูยองก็จะทำทุกอย่างให้จบ ก่อนที่ราชาปีศาจเอนโรธจะรู้ข่าว
ฟูว!
ในไม่ช้าแสงที่เปล่งออกมาจากดาบก็กลายเป็นเปลวเพลิงกลืนกินทั้งร่างของมูยอง ปีกทั้งหมดสยายกว้างและเตรียมพร้อมที่จะทะยานออก
“ เปลวไฟเหล่านี้…!”
ชาร์ซาซ่ารู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง
มันอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจจริงๆ
เปลวเพลิงที่แผ่กระจายรอบๆมูยองเป็นสิ่งที่มันคุ้นเคยมาก
ศัตรูของปีศาจทุกตน…เดียโบล!
เปลวเพลิงของมูยองคล้ายกับของเดียโบลมาก
มูยองไม่สนใจสิ่งที่ชาร์ซาซ่าคิดและลอยร่างเข้าไปหามันอย่างช้าๆ
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กำแพงสายฟ้าปิดกั้นมูยองอย่างรวดเร็ว โดยปกติมันจะแผดเผาทุกอย่างที่สัมผัส แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเปลวเพลิงของมูยองพวกมันไม่มีประโยชน์
เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะลบล้างทุกสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับตนเอง นั้นหมายความว่าสายฟ้าของชาร์ซาซ่าอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์
“หนอย..!”
และชาร์ซาซ่าไม่ใช่คนโง่เง่าถึงขนาดไม่เข้าใจเรื่องนี้
มันกัดฟันตัวเองแน่น มันรู้สึกอับอายที่ถูกกยอกล้อโดยตัวตนที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าสายพันธุ์ผสม
คลืน! เปรี้ยง! ตูม!
จากท้องฟ้าสายฟ้าทั้งหมดทั้งมวลก่อตัวขึ้นรวมกันกลายเป็นพายุสายขนาดมโหฬาร พวกมันทั้งหมดต่างผ่าลงมาใส่กำแพงของชาร์ซาซ่าทำให้มันทรงพลังยิ่งขึ้น
เสมือนการต่อสู้ระหว่างโล่และดาบ
การห้ำหั่นกันของดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวที่มุ่งพุ่งทะลวง กับโล่สายฟ้าที่คอยปัดสกัดกั้นการโจมตี
อย่างไรก็ตามถึงจะดูเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่เรียบง่าย แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งหมู่บ้านของไฟทาร์ระเบิดเป็นจุลได้เลยทีเดียว
แน่นอนว่าถ้าเปลวเพลิงเหล่านั้นเป็นของเดียโบลดังที่ชาร์ซาซ่าคิด พวกมันจะกลายเป็นความต่างชั้นของระดับปัจจุบันทันที แต่…
“ เจ้ามีเปลวเพลิงเช่นนั้นได้ยังไง?!”
มันเป็นไปไม่ได้
แต่เดิมเดียโบลก็เป็นเทพปีศาจที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้อยู่แล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดปกติ
ไม่ควรมีการดำรงอยู่ของตัวตนอันเป็นไปไม่ได้ถึงสอง!
หากมูยองมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเดียโบล เขาย่อมจะกลายเป็นที่สนใจของราชาปีศาจและเทพปีศาจทุกตน พวกมันทั้งหมดจะพยายามกำจัดมูยอง
และถ้าชาร์ซาซ่าฆ่ามูยองตอนนี้ได้ มันจะได้รับเกียรติยศที่เพิ่มสูงขึ้น!
แต่มูยองไม่ตอบกลับ
แทนที่การพูดจามูยองฟาดดาบออกไป
ชิ้ง! ตูมมมมม!
ดั่งแส้แห่งเปลวเพลิง เมื่อใดก็ตามที่ความโกรธเกรี้ยวตวัดผ่านกำแพงสายฟ้าที่อยู่รอบๆก็ต้องถูกฉีกทำลาย
“ หากเจ้าไม่ยอมตอบ งั้นข้าจะง้างปากของเจ้าเค้นมันออกมาเอง!”
ชาร์ซาซ่าไล่ความคิดอันน่าตกตะลึงของมูยองทิ้ง
แม้ว่าจะมีความแตกต่างในระดับพลัง แต่นั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถเอาชนะได้
จากนั้นกำแพงสายฟ้าก็เริ่มเกาะกลุ่มอย่างช้าๆ และก่อร่างเป็นรูปดาบให้ซาซ่าคว้าจับเป็นอาวุธ
เป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่มันจะพบว่านั้นเป็นความผิดพลาดที่น่าเสียใจ
เพล้ง!
ดาบสายฟ้าแตกพังทลาย
มูยองเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบ เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่ถูกเรียกว่า ‘ดาบ’ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
แม้ว่ามันจะเป็นดาบที่สร้างจากสายฟ้า แต่ตราบใดที่มันยังเป็นดาบ มันก็ไม่สามารถหนีจากดวงตาของมูยองได้
องค์ประกอบมีอยู่แม้ในสายฟ้า ดังนั้นหากอยู่ในรูปของดาบ มูยองสามารถมองเห็นองค์ประกอบได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ชาร์ซาซ่างงไปพักหนึ่ง มันไม่เคยคิดว่าดาบสายฟ้าของตัวเองจะถูกพลิกคว่ำได้อย่างง่ายดาย
“แกมันน่าเบื่อ”
มูยองพูดออกด้วยความจริงใจ
แม้ในอดีตมูยองจะไม่เคยต่อสู้กับราชาปีศาจ
ส่วนใหญ่แล้วมูยองสังหารแต่มนุษย์ด้วยกันเอง และราชาปีศาจก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญหน้า
อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่เขารู้ได้จากการสังเกต
ราชาปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งกว่าปีศาจใดๆ
รวมไปถึงชาร์ซาซ่า
ดังนั้นมูยองจึงมีความคาดหวังสูง แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับปีศาจตนอื่นๆ
“น่ะ-น่าเบื่อ?”
เป็นคำพูดที่สะทกสะเทือนต่อความภาคภูมิใจของชาร์ซาซ่ามาก
ตัวตนแปลกประหลาดที่ปรากฏขึ้นอย่างไร้ที่มา นอกจากนี้ยังมีเปลวเพลิงของเดียโบลที่ทำให้มันสับสน
‘มันกล้าพูดว่าเราน่าเบื่อ!’
ชาร์ซาซ่ามีความภาคภูมิใจต่อตัวเองอย่างแรงกล้า ผู้ที่กล้าดูถูกมันไม่ใช่เทพปีศาจ แต่กลับเป็นเพียงเผ่าพันธุ์ผสม
แซ่ด! เปรี้ยง!
สายฟ้าสีดำพุ่งลงมาปกคลุมร่างทั้งหมดของชาร์ซาซ่า
จากนั้นก็กลายเป็นชุดเกราะ
ยามก่อนร่างของมันเปลือยเปล่า ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
“ ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้หลังจากเห็นชุดเกราะของข้า”
ชาร์ซาซ่ากระตุ้นมูยอง
มันแสดงความมั่นใจอย่างท้วมทันออกมา นี่ไม่ใช่ชุดเกราะที่มันใช้อย่างพร่ำเพรื่อ การสวมชุดเกราะนี้หมายความว่าศัตรูของมันจะต้องตายสถานเดียว!
นอกจากนั้นยังหมายความได้ว่า จากนี้ไปจะเป็นการต่อสู้อย่างจริงจัง
มูยองยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
พลังที่แท้จริงของชาร์ซาซ่า ราชาปีศาจผู้ครองสายฟ้าดำ!
‘ตอนนี้มันควรคุ้มค่าที่จะต่อสู้แล้ว’
มูยองยังไม่ได้เอาจริงเต็มที่เลย
ขนาดคลื่นลูกที่ 127 ของสมรภูมิไร้จุดจบก็ยังไม่สามารถเรียกเหงื่อจากเขาได้
และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับ ‘ราชาปีศาจ’
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่เขาจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดจำกัดของตัวอง
ชาร์ซาซ่าควรพยายามเอาจริงตั้งแต่แรก
จากนั้นเมื่อมูยองหุบยิ้ม การต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
เปรีี้ยง!
สายฟ้าสีดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนก่อนจะกลืนกินมูยองเข้าไป
* * *
วาบ!
ลำแสงขนาดใหญ่ส่องสว่างในทุกที่
การต่อสู้ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมักจะทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังส่งอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมรอบๆด้วย
อย่างไรก็ตามแสงก็สงบลงในทันใด มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันเมื่อตัวตนหนึ่งได้จากไปหรือไม่ก็กำเนิดใหม่ขึ้นมา
“ ดาวของชาร์ซาซ่าดับไปแล้ว”
ณ ปราสาทขนาดใหญ่บนยอดเขา
ชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่บนบัลลังก์กลางปราสาท
เอนโรธ
บางคนเรียกมันว่า ‘ราชาปีศาจแห่งกาลอวสาน’ และบางคนเรียกมันว่า ‘ราชาปีศาจเลือดเหล็ก’
ชื่อแห่งความสำเร็จของมันล้วนแต่ฟังดูน่าเกรงขาม
และตอนนี้เอนโรธรู้แล้วว่าหนึ่งในสามดวงดาวอันเป็นบริวาลของมันกำลังร่วงหล่น
ดวงดาวแห่งผืนดินกระซิบบอกกับมัน
“ ราชาปีศาจสายฟ้า… ?!”
“ ใครบังอาจกล้าทำร้ายเขา”
“ หรือจะเป็นราชาปีศาจตนอื่น?”
ปีศาจในปกครองมากมายกำลังยืนเตรียมพร้อม
หากพวกมันกางปีกออกพร้อมกันผืนดินจะต้องแห้งเหี่ยว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนนี้จะหายไป เพียงแค่ได้รับคำสั่งเดียวพวกมันก็พร้อมจะทำทุกสิ่ง
เอนโรธลุกขึ้นจากที่นั่ง
ร่างอันใหญ่โตของมันมากพอที่จะทำให้พวกยักษ์ดูเล็กไปเลย
มันเหวี่ยงคฑาขึ้นไปในอากาศ คฑาที่ได้รับจากอามอน เทพปีศาจผู้ซึ่งครอบครองความรู้และเวทมนตร์ทุกแขนง
“ ผู้สังหารชาร์ซาซ่าไม่ใช่ราชาปีศาจ”
“ เป็นเทพเจ้าปีศาจงั้นหรือ?”
“ นั่นไม่ใช่เทพปีศาจเช่นกัน”
“ ถ้าเช่นนั้นหรือมันเป็นตัวตนเหนือธรรมชาติ?”
“ จ้าวแห่งขุนเขา ราชันย์มังกร และผู้สืบทอดแห่งดวงจันทร์ ล้วนไม่ใช่หนึ่งในนั้น”
ตัวตนเหนือธรรมชาติทั้งสี่ดำรงอยู่ในส่วนต่างๆของโลก
หากเป็นหนึ่งในนั้นพวกเขาสามารถฆ่าชาร์ซาซ่าได้
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่หนึ่งในสี่
“ ถ้าอย่างนั้นยังมีใครหน้าไหนสามารถสังหารราชาปีศาจสายฟ้าอีก? มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
“ เขาเป็นมนุษย์”
คฑาแห่งความรอบรู้กำลังบอกมันว่าผู้ที่สังหารชาร์ซาซ่าเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตามนั่นคือทั้งหมด ไม่มีข้อมูลอื่นใดนอกจากนี้อีก
ไม่เคยมีอะไรเช่นนี้เกิดขึ้น หากเป้าหมายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน หรือกระทั่งใกล้เคียงกับเทพปีศาจ คฑาแห่งความรอบรู้จะไม่เปิดใช้งาน แต่ขนาดสามารถเปิดใช้พลังแห่งความรอบรู้ได้ ก็ยังมีข้อมูลไม่มากนักที่มันสามารถค้นหา …
นี่อาจหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น
“ เขาเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากรอยแยก”
ผู้ที่รอดพ้นจากความตาย
ความผิดพลาดที่ไม่รู้จักเป็นสิ่งที่เทพปีศาจพึงระมัดระวัง
เมื่อพวกมันไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น และปรากฏการณ์ใดที่พวกมันไม่สามารถนำมาใช้ประโชยน์ พวกมันจะเรียกสิ่งนั้นว่า ‘ความผิดพลาดที่เกิดจากรอยแยก’
คนที่ควบคุมรอยแยกได้ดีที่สุดคือเทพปีศาจลำดับที่หนึ่งบาอัล แต่รอยแยกนั้นไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่เขาก็สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่
มนุษย์ที่ฆ่าชาร์ซาซ่านั้นไม่แตกต่างจากความผิดพลาดดังกล่าว
ความผิดพลาดจะต้องถูกทำลายจนสิ้นซากทันทีที่พบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดพลาดที่ถูกรอยแยกสร้างขึ้นโดยไม่มีจุดประสงค์
“ จากนี้ไปจงไปยังพื้นที่ที่ชาร์ซาซ่ารับผิดชอบ และสังหารมนุษย์ผู้นั้นซะ”
เอนโรธสั่งการ
ฟูม!
ในขณะนั้นปีศาจหลายแสนตนก็แผ่ปีกออกไป
เมื่อใดก็ตามที่พวกมันกางปีกบินผืนดินจะต้องแห้งตายโดยไม่มีข้อยกเว้น ภายในแผ่นดินนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะต้องหายไป สิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเวลานี้
ผ่านคำสั่งของเอนโรธ
นี่คือจุดจบที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้