The King of the Battlefield - ตอนที่ 219
บทที่ 219: ลางแห่งการทำลายล้าง (1)
“ ฉันขอปฏิเสธการเปิดใช้งาน”
[หมายเลข 3569947521 ถูกยอมรับให้เป็นกัปตันคนใหม่]
[ด้วยคำสั่งของกัปตัน ระบบจะถูกปิด]
มูยองตัดสินใจตามนั้น เขาตัดสินใจว่ายังไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามเกี่ยวกับเรื่องนี้ มูยองต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรือโนอากับเอลย่าซีโก้ก่อน
หากโลกถูกโจมตีตั้งแต่130 ปีที่แล้วจริงๆ ปัญหาทั้งหมดจะต่างไปจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง
เขาต้องจัดการกับ ‘ชีวิต’ ต่างๆภายในเรือโนอาซึ่งเป็นคำตอบของสาเหตุเหล่านั้นอย่างรอบคอบ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มูยองสามารถตัดสินใจได้ในตอนนี้
แทนที่จะมาคิดเรื่องปวดหัว มูยองเอาเวลาไปคิดเกี่ยวกับฟังชั่นก์ต่างๆของเรือดีกว่า
ถ้าหากเอลย่าซีโก้เป็นอาวุธสำหรับโจมตี เรือโนอาก็มีจุดประสงค์ในการป้องกัน
โดรนของเรือสามารถทำเป็นหน่วยลาดตระเวนได้ นอกจากนั้นมันอาจมีอาวุธอื่นๆสำหรับขัดขวางหรือโจมตีของศัตรูอีก
เมื่อต้องเผชิญกับบางสิ่งที่แปลกประหลาดและไม่รู้จัก ก็ไม่แปลกเลยที่โอการ์เรียกพวกมันว่า ‘จ้าวแห่งหนองน้ำ’
‘แต่…ดูเหมือนเทคโนโลยีของมันจะก้าวหน้าไปกว่าที่ฉันจำได้’
มูยองมองดูส่วนต่างๆของเรืออย่างพินิจพิจารณา แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักอะไรดีขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าเรือโนอามีเทคโนโลยีที่สูงมากกว่าที่มูยองเคยเห็น มันเหมือนเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปอีก 10 ปี หรือกระทั่ง 100 ปีในอนาคต
แน่นอนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจเกิดจากการวิจัยลับๆ ท่ามกลางสงครามและความรุนแรงเป็นไปได้ที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมูยองยังอดเกิดคำถามไม่ได้
เพราะไม่ว่าจะคิดยังไงจากความทรงจำของมูยองเกี่ยวกับโลกในช่วงยุค 2000 ไม่มีทางมีเทคโนโลยีในการสร้างเรือโนอาลำนี้ได้
‘หมายเลข 3569947521’
นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาสงสัยเช่นกัน
มันอาจเป็นหมายเลขที่มอบให้กับมนุษย์แต่ละคน แต่เท่าที่คิดดูมันไม่มีอยู่ในความทรงจำของมูยองเลย ยังไงก็ตามความทรงจำของเขายังไม่สมบูรณ์แบบจึงด่วนสรุปอะไรได้ยาก
มันคืออะไรกันแน่? เขาพลาดลืมสิ่งไหนไปหรือเปล่า?
แม้ว่าจะมีชิ้นส่วนปริศนาอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่พอให้มูยองเห็นภาพรวม เปรียบเสมือนเหล่าต้นไม้หนาทึบที่บดบังหนทางด้านหน้า เขาไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่เนินเล็กๆหรือภูเขาอันสูงใหญ่
มีหลายสิ่งมากเกินไปที่เขาไม่รู้
‘ทุกอย่างก็ยังเชื่อมโยงกับพวกเทพปีศาจ’
เขาเอะใจขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าเทพปีศาจรู้วิธีใช้งานเอลย่าซีโก้
อย่างน้อยพวกมันก็มีความเชื่อมโยงกับเอลย่าซีโก้
เห็นได้ชัดว่าพวกมันรู้เรื่องเกี่ยวกับเอลย่าซีโก้ไม่มากก็น้อย
ไม่ว่าจะเป็นเป็นดันดาเลี่ยน หรือเทพปีศาจทั้ง 71 ตน พวกมันจะต้องรู้รายละเอียดมากกว่านี้
เป็นไปได้สูงว่ามูยองจะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นหากยังมีเป้าหมายอยู่ที่เทพปีศาจ
‘สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน’
มันไม่เปลี่ยนอะไร และไม่มีอะไรเปลี่ยน
สำคัญที่สุดคือมูยองต้องยึดมั่นในสิ่งที่เขามีอยู่แล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเห็นแต่ต้นไม้ แต่ในไม่ช้าเขาก็จะได้เห็นภูเขา
130 ปีที่หายไป และตัวตนที่เรียกว่าโซโลมอน ทั้งสองสิ่งเสมือนป้อมปราการที่ได้รับการปกป้องจากธรรมชาติ
มูยองมองไปยังเรือโนอาอีกครั้ง
เขาพอคิดวิธีใช้งานเรือโนอาออกเล็กน้อย แม้เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจทุกอย่างเนื่องจากมันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เรือโนอาตั้งค่าให้มูยองเป็นกัปตันเรียบร้อยแล้ว และนั่นจะทำให้เขาสามารถใช้งานมันได้อย่างที่ต้องการ
เรือโนอามีขนาดมหึมา แค่จอดมันขวางไว้เฉยๆก็ดูเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่แล้ว และถ้าเขาใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆของเรือโนอาเป็น มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่สามารถคุกคามเอนโรธได้
มูยองเก็บเรื่องสร้างชีวิตที่เก็บไว้ในเรือไว้ก่อน ตั้งแต่แรกเขาก็คิดว่ามันต้องมีประโยชน์สำหรับการเผชิญหน้ากับเอนโรธ
มูยองพยักหน้าและรีบทำตามแผนต่อไปอย่างรวดเร็ว
* * *
ทาร์แคนยืนอยู่บนเนินเขาเล็กๆกับเบซองมิน
พวกเขาทั้งสองมีกองกำลังทหารคนละหนึ่งหมื่น ในด้านของเบซองมินเขาเป็นผู้บัญชาการเอลย่าซีโก้หนึ่งหมื่นตัว ส่วนทาร์แคนบัญชาการเหล่าภูตผีวิญญาณหนึ่งหมื่นตน
กองกำลังทั้งหมดนี้พลางตัวไว้อย่างแนบเนียนผ่านการใช้เวทมนตร์ร่วมของเบซองมินและจิน
พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือพวกกำลังแอบดักซุ่มโจมตีศัตรู ยังไงซะเส้นทางนี้ศัตรูก็ต้องเดินทัพผ่านพวกเขาจึงรอที่นี่อย่างเงียบๆ นี่คือภารกิจที่มูยองมอบให้พวกเขา
“ จะว่าไปแล้วดูเหมือนทุกเส้นทางที่มูยองเลือกเดินจะต้องเต็มไปด้วยการต่อสู้สินะ”
ทาร์แคนพูด
ตั้งแต่ทาร์แคนกลับมาเขาก็ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง ที่จริงแล้วมูยองเป็นเช่นนั้นก่อนพวกเขาจะแยกจากกันเสียอีก ไม่มีสักวันที่ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดูมูยองจะไม่เหน็ดเหนื่อย นอกจากนั้นเขายังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นตัวตนใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก
ขอบคุณสิ่งนี้ที่ทำให้ทาร์แคนได้รับแรงบันดาลใจ แต่บางครั้งแม้แต่ทาร์แคนก็รู้สึกว่ามูยองหักโหมจนเกินไป
“ มูยองเป็นไต้ฝุ่นลูกใหญ่ พวกเราเป็นเพียงสายลมเล็กๆที่หมุนตามเขาเท่านั้น”
“ หรือเขาอยากเป็นเทพเจ้าของโลกใบนี้?”
จริงๆมูยองก็ดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้าอยู่บ้างแล้ว เพราะในร่างของเขามีลูซิเฟอร์ที่เป็นครึ่งเทพอยู่
อย่างไรก็ตามมูยองยังไม่พอใจ แม้จะสามารถกลืนกินลูซิเฟอร์ แต่เขากลับต้องการมากกว่านั้น
“ มูยองเป็นผู้กอบกู้อิสรภาพ เป็นไปไม่ได้ที่แค่ลมหมุนเล็กๆอย่างพวกเราจะเข้าใจความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ของไต้ฝุ่นหรอก ชะตากรรมของเขาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
“ สำหรับผู้ที่ยังฟื้นฟูความทรงจำได้ไม่เต็มที่อย่างเจ้าก็ถือว่าพูดได้ไม่เลวเลยทีเดียว ยังไงก็เถอะนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมอาชูร่าถึงเลือกเขาให้เป็นผู้สร้างความโกลาหลแก่โลกใบนี้ “
ทาร์แคนยักไหล่
ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสงคราม มูยองเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับสมรภูมิรบ มันยากที่จะจินตนาการว่าเขาจะมีชีวิตแบบไหนถ้าไม่ได้อยู่ในอันเดอร์เวิลด์
อาชูร่ารู้ว่ามูยองจะมีแนวโน้มแบบนี้ตั้งแต่แรกหรือไม่?
ทาร์แคนส่ายหัว ไม่มีอะไรดีในการพยายามค้นหาว่าพระเจ้าคิดอย่างไร เป็นการดีมากกว่าเสียอีกที่เขาไม่ต้องรู้เกี่ยวกับมัน
“ความทรงจำ …”
ซองมินไม่สามารถพูดอะไรเพิ่มเติมได้อีก
พูดเกี่ยวกับความทรงจำ
เบซองมินถูกปลุกให้ตื่นและแข็งแกร่งขึ้น ทว่าไร้ความทรงจำที่แน่นอน
แม้จะอยากรู้ว่าผู้ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือใครกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าไม่ควรพบบุคคลนั้น
สิ่งต่างๆมากมายได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาเชื่อว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในตำแหน่งใดๆที่จะยืนหยัดอย่างมั่นใจต่อหน้าอดีตของตน
คนที่เขาต้องการค้นหาย่อมไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนไป ถึงจะหาคนๆนั้นเจอก็รังแต่จะสร้างความสับสนวุ่นวายเท่านั้น บางทีมันอาจส่งผลในทางลบมากกว่า
อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงเวลา เขาเชื่อว่ามันยังไม่ถึงเวลาและตอนนี้ยังไม่อยากจำอะไรได้ทั้งนั้น
ขณะที่ซองมินคิดทบทวนกับตัวเอง ทาร์แคนก็พูดถึงสิ่งที่ทั้งคู่กำลังกังวล
“ ได้ข่าวว่าเอนโรธครอบครองพลังแห่งความรอบรู้ไม่ใช่หรือ? งั้นมันก็รู้นะสิว่าเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
ซองมินก็ควงคฑาไปมาก่อนจะตอบ
“ พลังแห่งความรอบรู้ที่เอนโรธครอบครองนั้นไม่สมบูรณ์แบบ มันก็แค่พลังชั่วคราวที่ได้รับจากเทพปีศาจ’อามอน’
หลังจากซองมินกลายเป็นเอลเดอร์ลิชเขาก็ทราบข้อมูลหลายอย่างมากขึ้น
โดยพื้นฐานแล้วเขากลายเป็นผู้รู้แจ้งเกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณ เขาเห็นจักรวาลและค้นพบลำดับการทำงานของธรรมชาติ
“ จะบอกว่าเวทมนตร์ของเจ้าแข็งแกร่งกว่าอามอนงั้นหรือ?”
ขณะที่ทาร์แคนถาม ซองมินก็ยุ่งกับการจัดการพลังแห่งการทำนายของเอนโรธ
หนึ่งในสามประตูที่เขาได้รับตอนเลื่อนขั้นเป็นเอลเดอร์ลิชกำลังทำงานอย่างเต็มที่
“ไม่ ผมแค่รบกวนการทำนายของมันได้นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องเวทมนตร์ไม่มีใครสามารถเอาชนะอามอนได้หรอก แม้แต่นักเวทผู้ยิ่งใหญ่แห่งอารามสีครามก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”
ทาร์แคนพยักหน้า
“ ช่างเถอะ แต่ไม่ว่ายังไงก็มีโอกาสสูงที่ราชาปีศาจทั้งสองจะพากองกำลังของพวกมันบุกเข้ามาก่อนกองกำลังหลัก เพราะหลังจากตำแหน่งของชาร์ซาซ่าว่างลง พวกมันก็ต้องแย่งกันทำผลงาน มีโอกาสสูงที่พวกมันจะห้ำหั่นกันเอง เราจะรอจนถึงโอกาสนั้นแล้วค่อยจัดการพวกมันทีละตัว”
“ ผมจะจัดการรูสเวลต์เอง พลังของมันคล้ายกับผม”
“ งั้นเฟรด้าก็ยกให้ข้า”
ชาร์ซาซ่าเป็นราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดของเอนโรธ เมื่อมันถูกมูยองสังหาร สิ่งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเอนโรธ และสายบังคับบัญชาทั้งหมดของมัน แน่นอนว่ารูสเวลต์และเฟรดาก็อยู่ในผลกระทบนั้นด้วย
แม้ว่าพวกมันจะมีอันดับที่ต่ำกว่าชาร์ซาซ่า แต่พวกมันก็ยังคงเป็นราชาปีศาจ ซองมินและทาร์แคนไม่สามารถรับประกันชัยชนะของพวกเขาได้ การซุ่มโจมตีจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ
“ ทำสงครามกับราชาปีศาจ…”
ทาร์แคนพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าพอใจ
นับว่าการติดตามมูยองเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ทาร์แคนมีความปรารถนาในความแข็งแกร่งอยู่เสมอ
ราชาปีศาจนั้นเป็นความชั่วร้ายที่ยิ่งยวด หากได้ต่อสู้กับพวกมันทักษะของทาร์แคนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ เด็กๆของผมตรวจเจอตำแหน่งของศัตรูแล้ว”
ซองมินเหวี่ยงคทาไปด้านหน้า ในไม่ช้าก็มีภาพเล็กๆปรากฎขึ้น ภายในนั้นสามารถมองเห็นเหล่าปีศาจอย่างน้อยก็ห้าหมื่นตนที่กำลังบินข้ามสันเขามายังทิศทางนี้
ซองมินพูด
“ พวกมันจะมาถึงใน 30 นาที”
“ เราจะรออยู่ที่นี่อย่างเดียวหรือ?”
“ เราจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อศัตรูติดกับแล้ว”
* * *
การเสียชีวิตของคนๆหนึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับใครบางคนเช่นกัน
นี่เป็นความจริงสำหรับราชาปีศาจอย่างรูสเวลต์และเฟรด้า
เมื่อชาร์ซาซ่าเสียชีวิตตำแหน่งของมันก็ว่างเปล่า ทั้งสองกำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ชิดใกล้กับเอนโรธมากที่สุด ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงรุดหน้ายกทัพเดินทางมาก่อนกองทัพหลักของเอนโรธเพื่อทำผลงาน
“ กะอิแค่ตามล่ามนุษย์คนเดียว เราต้องไม่แพ้กองทัพของเจ้าเฟรดา”
รูสเวลต์พูดขณะถือดาบที่ทำด้วยงาของมอนสเตอร์อาวุธคู่กาย เอกลักษณ์ของรูสเวลต์คือปีกสีดำสามคู่ และใบหน้าอันดุร้ายน่ากลัว
ฉายาของมันคือ ‘ราชาปีศาจแห่งความหวาดหวั่น’ ซึ่งได้มาเพราะการสังหารศัตรูในวิธีการที่โหดร้ายและชั่วช้าสามานย์
ตอนนี้มันนำกองกำลังกว่าสองหมื่นตนเพื่อตามล่ามนุษย์คนหนึ่ง
มันยังไม่อยากเชื่อว่าเพียงแค่มนุษย์จะสามารถสังหารชาร์ซาซ่าได้ แม้ว่าการทำนายของเอนโรธไม่มีทางผิดพลาด ทว่าต้องมีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องแน่นอน
มันไม่ได้คิดอะไรมากเลย เพราะในสายตาของรูสเวลต์มนุษย์นั้นไม่แตกต่างจากมดปลวก สิ่งมีชีวิตที่ทำได้แค่โดนพวกมันเหยียบตาย
ราชาปีศาจทุกตนล้วนมองในแบบเดียวกัน
“ รูสเวลต์เจ้าคิดอย่างไรกับกองกำลังที่เหลือของชาร์ซาซ่า?”
ปีศาจอัศวินตนหนึ่งพูดกับรูสเวลต์
รูสเวลต์ส่ายหัว
“ ชาร์ซาซ่าเป็นตัวโรคจิต สมุนของเจ้านั้นก็คงไม่ต่างกัน ถึงรับเข้ากลุ่มไปก็รังแต่จะทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงเปล่าๆ แต่สำหรับเฟรด้าอาจไม่คิดเช่นนี้ พวกวิปริตทั้งหลายก็มักจะมีรสนิยมเหมือนกันหรือเจ้าไม่คิดอย่างนั้น?”
“ ท่านพูดถูก”
“ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ทั้งชายและหญิงอย่างเฟรอะไรก็เป็นไปได้!”
“ ข่าวลือที่ว่าเจ้านั้นมอบด้านหลังให้กับชาร์ซาซ่าคงเป็นเรื่องจริงแน่นอน”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ปีศาจของรูสเวลต์พูดคุยกันอย่างสนุกปาก
พวกมันช่างผ่อนคลาย พวกมันช่างดูมั่นใจในชัยชนะของตน
แน่นอนพวกมันยังยกทัพนำหน้าเร็วกว่าเฟรด้าเล็กน้อย
“ เดี๋ยวก่อนความรู้สึกนี้…”
รูสเวลต์หยุด
กองกำลังสองหมื่นนายที่ติดตามมันก็หยุดบินเช่นกัน
พวกมันหยุดทัพอยู่เหนือที่ราบอันว่างเปล่า และท่ามกลางสภาพสถานที่แห่งนั้นรูสเวลต์ก็เจอร่างของคนที่มันคุ้นเคย
“ชาร์-ซาซ่า?”
ดวงตาของรูสเวลต์เบิกกว้าง
ตัวตนของผู้ที่ยืนอยู่บนที่ราบดังกล่าวคือ ชาร์ซาซ่า!
ทำไมมันถึงยืนอยู่ตรงนั้นในเมื่อมันควรจะตายไปแล้ว?!