The King of the Battlefield - ตอนที่ 220
บทที่ 220:ลางแห่งการทำลายล้าง (2)
‘นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง’
หัวใจของรูสเวลต์ราชาปีศาจผู้สร้างความหวาดหวั่น และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะจอมพิฆาตที่โหดเหี้ยมที่สุดกำลังตกใจ
‘เจ้านั้นตายแล้ว’
ชาร์ซาซ่าเป็นราชาปีศาจที่ได้รับความโปรดปรานจากเอนโรธ เพราะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาราชาปีศาจทั้งสามตน
แต่มันเสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สิ่งที่เอนโรธบอกเองคงไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ
ถ้างั้น ‘ร่าง’ ที่อยู่ตรงหน้าพวกมันคืออะไร?
‘มีผู้ใช้ประโยชน์จากร่างของมัน’
รูสเวลต์พยายามมองหาพิรุธจากชาร์ซาซ่าอย่างยิ่ง
ด้วยความแข็งแกร่งของชาร์ซาซ่า หากสู้กันมันคงจะมีโอกาสแพ้ถึง 60%
แต่ถ้านี่เป็นเพียงร่างที่เป็นดั่งภาชนะเปลือยเปล่าล่ะ?
หมายความว่ามันคือกับดักของศัตรูใช่ไหม?
‘หลังจากสังหารชาร์ซาซ่าแล้วพวกมันคงทำอะไรบางอย่างกับศพ… ‘
ในที่สุดรูสเวลต์ก็มั่นใจว่านี่เป็นแผนการบางอย่างของศัตรู ทว่ายังคงไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมศัตรูถึงได้วางกับดักให้พวกมันเห็นชัดเจนเช่นนี้
“ท่านรูสเวลต์! นั่นคือชาร์ซาซ่า!”
“ ยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างสับสน ปีศาจทุกตนรู้ว่าชาร์ซาซ่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ารูสเวลต์เสียอีกจึงอดใจไม่ได้ที่จะเกิดคำถาม
“ นั่นต้องเป็นบางสิ่งที่ยึดร่างของชาร์ซาซ่าไว้ ค้นหาบริเวณโดยรอบ! ข้าต้องหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
ถูกต้อง! ขั้นแรกต้องค้นหาผู้ที่วางกับดักก่อน
บางทีมันอาจเป็นคนที่สังหารชาร์ซาซ่าก็ได้
รูสเวลต์ไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นฝีมือของมนุษย์
มนุษย์จะสังหารชาร์ซาซ่าได้อย่างไร?
‘นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเสียหน่อย’
ถึงคำทำนายของเอนโรธจะค่อนข้างแน่นอน แต่มันก็ไม่ได้บอกรายละเอียดของทุกสิ่ง
รูสเวลต์คิดว่าต้องมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังมนุษย์ผู้นั้น
ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง? เป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน?
‘มังกรหรือว่าตัวตนเหนือธรรมชาติ?’
เทพปีศาจเดียโบล และสมุนของมันย่อมไม่สามารถผ่านสกายลอร์ดได้ นอกนั้นในบรรดามนุษย์ก็มีเพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนเทพปีศาจและสามารถยุ่งเกี่ยวกับปีศาจ…
‘หรือว่าเป็นราชันย์มังกร!’
ตัวตนระดับเหนือธรรมชาติทั้งสี่อยู่ในดินแดนภาคเหนือ, ใต้, ตะวันออก และตะวันตก
ท่ามกลางตัวตนเหล่านั้น ราชันย์มังกรตั้งรกรากอยู่ในสวนลอยฟ้าทางด้านตะวันตก
มีข่าวลือว่าเขาซึ่งเป็นศัตรูกับปีศาจจะเข้าทำพันธะสัญญากับมนุษย์ที่มีทักษะดีพอ
‘ผู้ที่สังหารซาซ่าเป็นมนุษย์’
นั่นคือความคิดที่รูสเวลต์มีต่อเรื่องนี้
มนุษย์ผู้ที่ทำสัญญากับราชันย์มังกรสามารถควบคุมมังกรสองตัวได้ รูสเวลต์ก็รู้จักมนุษย์เช่นนี้คนหนึ่งเนื่องจากมันได้สังหารราชาปีศาจไปสองสามตนแล้ว
การที่มีคนฆ่าชาร์ซาซ่าอย่างโจ่งแจ้ง นั่นหมายความว่าคนๆผู้นั้นไม่ได้เกรงกลัวเอนโรธ หากเป็น ‘มนุษย์’ ที่มีราชันย์มังกรอยู่เบื้องหลังก็มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะสังหารชาร์ซาซ่าได้
อย่างไรก็ตามรูสเวลต์ไม่เหมือนชาร์ซาซ่า
เมื่อเทียบกับผู้ที่มีสติวิปลาสเช่นซาซ่า รูสเวลต์มีพลังและความบ้าน้อยกว่า ทว่าความสามารถของรูสเวลต์ในการควบคุมกองทัพนั้นเป็นหนึ่งในบรรดาราชาปีศาจ
“ ห้ามเข้าใกล้ร่างนั้น ชัดเจนว่าต้องมีบางคนซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆนี้ รีบทำการค้นหา”
เหล่าปีศาจใช้เวทมนตร์ค้นหาทุกชนิดเพื่อตรวจสอบพื้นที่บริเวณรอบๆชาร์ซาซ่า และทั้งหมดนี้ชาร์ซาซ่าไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
รูสเวลต์ยังกระจายกองกำลังออกไปค้นหาอีกจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นแค่ร่างแต่มันก็เป็นถึง ‘กับดัก’ ที่สร้างจากชาร์ซาซ่า ดังนั้นพวกมันจึงต้องระมัดระวังเอาไว้ให้มาก
‘ทำไมมันไม่เคลื่อนไหวอะไรบ้างเลย’
ดวงอาทิตย์เริ่มลอยต่ำลงไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามชาร์ซาซ่ายังคงไม่เคลื่อนไหว
ทำไม? เป็นกับดับประเภทไหนกันนะ?
ไม่พบพลังเวทใดๆซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และมันเองก็ไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์มนตร์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
พวกมันคาดเดาอะไรไม่ออกเลย
เวลาที่เริ่มล่วงเลยไปคือปัญหา รูสเวลต์อดไม่ได้ที่จะรีบร้อน
“ กองกำลังของเฟรด้าใกล้จะมาถึงที่นี่แล้ว “
ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของมันพูด
เฟรด้าเป็นราชาปีศาจผู้แข็งแกร่งเช่นเดียวกับรูสเวลต์
พวกมันกำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งความโปรดปรานจากเอนโรธ
เฟรด้าเป็นคนใจร้อน หากมันมาถึงสถานที่นี้มันจะต้องพุ่งเข้าหาชาร์ซาซ่าทันที
‘มีสองทางเลือก เข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด หรือว่าจะเดินผ่านมันไป ‘
เหตุการณ์ไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป
มันต้องเลือกและยอมรับผลที่จะตามมา
รูสเวลต์ถือดาบที่สร้างจากงามอนสเตอร์แล้วชูขึ้น
“ ล้อมมันไว้”
ถ้าเฟรด้ามาถึงที่นี่ทุกอย่างจะสายเกินไป
การจัดการร่างของชาร์ซาซ่าและนำมันกลับไปล้วนเป็น ‘ผลงาน’
นี่เป็นโอกาสที่ดีในการรับคะแนนความโปรดปรานจากเอนโรธ
มันไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ให้กับเฟรด้าแน่
‘เราตรวจสอบพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดหลายครั้งแล้ว’
ไม่พบอะไรผิดปกติในการตรวจสอบ
มีเพียงแค่ร่างของชาร์ซาซ่า!
ตามคำสั่งของรูสเวลต์ ปีศาจ 20,000 ตนเข้าล้อมชาร์ซาซ่าอย่างแน่นหนาโดยไม่มีช่องว่าง
“ ร่ายคำสาปแห่งความเสื่อมโทรมลงบนร่างของมัน!”
แน่นอนว่ามันย่อมไม่เข้าโจมตีโดยตรง
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดในขณะที่เกิดความเสียหายน้อยที่สุด มันจึงต้องรอบคอบ
ปีศาจหน่วยเวทมนตร์จำนวน 500 ตนขยับมาที่ด้านหน้าตามคำสั่งของรูสเวลต์
แม้กระทั่งราชาปีศาจก็ไม่สามารถป้องกันคำสาปจากปีศาจระดับสูง 500 ตนได้
ตึง!ตึง!ตึง!
พอหน่วยเวทโบกไม้เท้าร่ายคาถา เสียงที่คล้ายกับการตีกลองก็ดังขึ้น
จากนั้นมือสีดำก็โผล่ออกมาจากเหล่าปีศาจก่อนจะเข้าโอบล้อมชาร์ซาซ่าเอาไว้
มือสีดำแต่ละข้างล้วนเป็นตัวแทนของพลังแห่งการเสื่อมโทรม มือที่จะมอบความสิ้นหวังให้แก่ทุกสิ่งที่พวกมันสัมผัส และคุณไม่ไม่มีวันป้องกันการสัมผัสจากพวกมันได้
‘นั่นเป็นแค่ร่างที่ไร้วิญญาณจริงๆหรือ?’
มันง่ายเกินไปหรือไม่ ทว่าตอนนี้มันกลับสัมผัสได้ว่าคำสาบที่ร่ายออกไปเริ่มอ่อนแอลง
“ เปิดใช้งานบาเรียชนวนไฟฟ้า ”
เมื่อไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ชาร์ซาซ่าเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้สายฟ้า ดังนั้นหากพวกมันป้องกันตรงนี้ได้ย่อมไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
บาเรียที่เกิดจากดินขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้น ด้วยพลังป้องกันของบาเรียชนิดนี้ แม้ว่าร่างของซาซ่าจะระเบิดออกความรุนแรงจะเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘นี่ข้ากังวลไปเองหรือนี่?’
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่ร่างเปล่าจริงๆ
นี่คือความรอบคอบที่สุดแล้ว หากยังมัวพะวงจนเสียเวลามากกว่านี้สิ่งที่ได้อาจจะไม่คุ้มเสีย
รูสเวลต์ถืออาวุธเดินไปอยู่เบื้องหน้าชาร์ซาซ่า
ทว่าหลังจากนั้นชาร์ซาซ่ากลับเงยหน้าขึ้น! นี่เป็นครั้งแรกที่มันแสดงปฏิกิริยา!
“ หลังจากถูกมนุษย์สังหารแม้กระทั่งตายก็ยังทำไม่ได้งั้นรึ?”
ดาบของรูสเวลต์เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
แรงหมุนที่ทำให้อากาศสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง ทักษะอย่างหนึ่งของรูสเวลต์คือดาบที่สามารถแยกชิ้นส่วนทุกอย่างที่มันสัมผัสได้
“ ถึงกระนั้นเจ้าก็เคยเป็นราชาปีศาจ เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้า ข้าจะแยกชิ้นส่วนเจ้าอย่างประณีตที่สุด”
คว้าง!
มันเป็นดาบที่หมุนเร็ว 300,000 รอบต่อหนึ่งวินาที
ดาบที่หมุนเร็วจนเหลือเพียงแต่ภาพติดตา
จากนั้นรูสเวลต์ก็พุ่งเข้าหาชาร์ซาซ่าอย่างฉับพลัน
ซวก!
ดาบของรูสเวลต์แทงทะลุผ่านหัวใจของชาร์ซาซ่า
‘แทงโดนแล้ว’
เมื่อได้สัมผัสกับคมดาบนั้นก็เท่ากับจุดจบ
ชาร์ซาซ่ากำลังจะกลายเป็นเศษเนื้อแหลกเหลว…
แต่ในจังหวะนั้นเอง
โลกที่มันมองเห็นเบื้องหน้าก็บิดเบี้ยว และเปลี่ยนไป
‘เรียลลิตี้มาเบิ้ล!’
“…หืม!
รูสเวลต์ถึงกับขมวดคิ้ว
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรในเมื่อชาร์ซาซ่าไม่มีพลังของเรียลลิตี้มาเบิ้ล?
โลกที่ปรากฎหลังจากนั้นคือภาพของป่าอันกว้างใหญ่
สถานที่ที่ไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่นอกจากความรกร้างที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ
ในสถานที่เช่นนี้ทักษะดั้งเดิมของพวกเขาจะถูกขยายเพิ่มจนถึงขีดสุด
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ทั้งร่างของชาร์ซาซ่ากลายเป็นพายุสายฟ้า นั้นทำให้การโจมตีของรูสเวลต์ไร้ผล
อย่างไรก็ตามร่างของรูสเวลต์กำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
จะบอกว่ามันเป็นรูปร่างของช้างก็ได้แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่านั้นมาก
‘เรียลลิตี้มาเบิ้ลนี่เสริมความแข็งแกร่งให้กับลักษณะตามธรรมชาติของแต่ละคน!’
มันเป็นมิติที่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตามสิ่งที่แน่นอนคือรูสเวลต์โดดเดี่ยวในสถานที่แห่งนี้
เพราะแกนหลักของพลังดังกล่าวถูกควบคุมโดยชาร์ซาซ่า เว้นแต่รูสเวลต์จะสังหารซาซ่ามันถึงจะสามารถหนีจากที่นี่ได้
แซ่ด!
ชาร์ซาซ่าเริ่มเคลื่อนไหว
“ เจ้าต้องการเช่นนี้ตั้งแต่แรกสินะ!”
รูสเวลต์ตะโกนออกไป
มันพยายามมองดูพื้นที่โดยรอบ
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเรียลลิตี้มาเบิ้ล เพราะนี่ไม่ใช่ทักษะของชาร์ซาซ่าตั้งแต่แรก และมันไม่คิดว่าจะมีไอเท็มใดที่สามารถเปิดใช้งานเรียลลิตี้มาเบิ้ลได้
‘บัดซบที่สุด ถ้าข้าไม่ลงมือด้วยตนเองคงไม่ติดกับศัตรูเช่นนี้ !’
รูสเวลต์ก้าวถอยหลังเล็กน้อย
ถ้ารูสเวลต์ไม่พยายามจัดการกับชาร์ซาซ่าด้วยตัวเอง มันก็คงไม่ตกหลุมพราง
อย่างไรก็ตามปีศาจทุกตนต่างรู้ว่ารูสเวลต์นั้นรักเกียรติศักดิ์ศรี และนั่นคือสิ่งที่ทำให้มันตกอยู่ในกับดักของศัตรู
‘ฝ่ายตรงข้ามต้องรู้จักข้า’
จากแผนการของศัตรูทำให้มันอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้
รูสเวลต์ลอยตัวขึ้น
ใช่ถึงมันจะตกหลุมพราง แต่มันก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้เพียงเพราะถูกหลอก
“ เจ้าคิดว่ามิติแบบนี้จะขวางข้าได้งั้นหรือ?!”
* * *
ซองมินพยักหน้า
ตามคำแนะนำของมูยอง รวมถึงการตัดสินใจของเขาเองทำให้สามารถขังรูสเวลต์ได้สำเร็จ
และตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรออะไรอีกแล้ว
“กอเดียมัส”
ซองมินชูคฑาขึ้น
ซองมินมีทักษะเกี่ยวกับประตูที่สามารถเปิดได้สามบาน โดยที่ประตูทั้งสามจะมีสัตว์วิเศษที่แข็งแกร่งหลับไหลอยู่ข้างใน
ตอนนี้ซองมินเปิดประตูบานที่สาม
แกร๊ก!
ซว๊าก!
ตรึม!
มอนสเตอร์ขนาดมหึมาฉีกอากาศก่อนจะปรากฏตัวออกมา
สิ่งมีชีวิตที่สูงเสียดฟ้า และมีถึงเก้าหัว …
ราชันย์มอนสเตอร์ ไฮดร้า!
ซองมินลอยตัวขึ้นไปขี่อยู่บนหลังของมัน
จากนั้นก็สั่งเหล่าวิญญาณและอันเดธรอบๆ
“ โจมตีรูสเวลต์”
รูสเวลต์ถูกขังอยู่ในมิติเฉพาะ และนั่นทำให้มันแยกออกจากผู้ใต้บังคับบัญชาของตน
ซองมินพูดกับตัวเองอย่างเงียบๆ
“ เพื่อชัยชนะของเขา”
* * *
ในขณะเดียวกันทาร์แคนกำลังยกพลไปโจมตีเฟรด้าพร้อมกับเหล่าไฟทาร์ของโอการ์ และโดเกบิ
เฟรด้าราชาปีศาจผู้มีอารมณ์แปรปรวน
ทาร์แคนไม่รู้จักมัน แต่มูยองรู้จัก
ถึงแม้ว่ามูยองจะไม่รู้อะไรมากขนาดนั้นแต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นอย่างไร
และเหมือนที่มูยองคาดไว้ เขาสามารถสังเกตเห็นเฟรด้าพร้อมลูกสมุนกำลังตรงดิ่งมาที่นี่จากระยะไกล
“ หากเปิดร้านดูดวง เขาจะต้องประสบความสำเร็จมากแน่ๆ”
ทาร์แคนพูดถึงมูยองนิดหน่อย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากคู่ต่อสู้ปรากฏตัวขึ้นแล้วจึงไม่มีเวลาว่างให้คิดอะไรอีก
ทาร์แคนหันร่างกลับไปด้านหลัง
“ เฟรด้าเป็นของข้า พวกเจ้าไปนอนรอได้เลย”
ทาร์แคนมั่นใจมาก
โอกาสที่จะได้สู้เช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก
การที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นราชาปีศาจ ความกระหายของเขาคงได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี
“ ฝ่ายตรงข้ามคือราชาปีศาจ มันจะไม่หนักมือไปหน่อยหรือ? ทำไมเราไม่ทำตามแผนของมูยองล่ะ?”
โอการ์พูด
แน่นอนว่าทาร์แคนแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าระดับของราชาปีศาจ
ดังนั้นมูยองจึงต้องการให้ทาร์แคนทำงานร่วมกับโอการ์เพื่อหยุดเฟรด้าแต่ทาร์แคนกลับยืนกรานที่จะต่อสู้คนเดียว
“ ข้าไม่อยากแบ่งปันโอกาสทองเช่นนี้ให้ใคร นอกจากนี้ข้ายังมีไพ่ลับอยู่ แม้คู่ต่อสู้จะเป็นมูยองข้าก็มั่นใจในการสู้กับเขา!”
โอการ์ก้าวไปด้านหลัง
เขาไม่สามารถโต้เถียงอะไรไปมากกว่านั้นเมื่ออีกฝ่ายอยากจะสู้
หากเป็นความดื้อดึงของทาร์แคน ดูเหมือนว่าไม่มีทางอื่นที่จะจัดการกับสถานการณ์นอกเหนือจากรอดูและเข้าไปช่วยเหลือในตอนจบ
เมื่อพวกเขาตัดสินใจกันเสร็จก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ศัตรูเห็นกองกำลังทหารที่อยู่ที่นี่พอดี
“คิฮี่ฮี่ฮี่! เหยื่อแบบไหนกันนะที่มารอข้าอยู่ที่นี่!?”
ในขณะที่มันสยายปีกขนาดใหญ่ทั้งสาม ปีศาจรูปร่างผอมเพรียวผู้ที่ทำให้คนพบเห็นต้องเข้าใจผิดว่าเป็นชายหรือหญิงก็ลอยตัวเด่นขึ้น
“ ข้าไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ต่อสู้ขณะขี่มังกรกระดูก”
โอการ์พูดขณะที่อยู่บนมังกรกระดูก
และในขณะนี้ทาร์แคนก็บุกเข้าไปโจมตีเฟรด้าแล้ว
‘เราชนะแน่นอน’
โอการ์ยกกระบองขนาดใหญ่ขึ้นพาดไหล่
* * *
ศึกครั้งนี้รูสเวลต์เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด
เฟรด้าเป็นราชาปีศาจที่อารมณ์ร้อน การสู้กับมันจึงค่อนข้างเดาทางง่าย
ในทางกลับกันรูสเวลต์เป็นคนใจเย็น มันรู้วิธีอ่านเกมการต่อสู้
สำหรับสงครามของเอนโรธ ปีศาจที่ทำให้มันนำหน้าผู้อื่นได้ก็เป็นรูสเวลต์เช่นกัน
เหตุผลที่พวกเขาใช้ชาร์ซาซ่าเป็นเหยื่อล่อรูสเวลต์ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้
‘แค่ทำให้รูสเวลต์ทำอะไรไม่ได้นั่นก็เพียงพอแล้ว’
มูยองมาถึงอาณาเขตของตัวเองโดยนำ ‘เรือโนอา’ ที่โอการ์เรียกว่าจ้าวแห่งหนองน้ำมาด้วย
เรือโนอามีกลไกการป้องกันตัวที่แข็งแกร่ง ด้วยสิ่งนี้การปกป้องอาณาเขตของเขาจะง่ายขึ้นมาก
มูยองไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ของทั้งสอง แต่เลือกปกป้องอาณาเขตของตนแทน
เอนโรธกำลังจับตามองการต่อสู้ของรูสเวลต์และเฟรด้าอยู่
มูยองไม่ต้องการเปิดเผยพลังการต่อสู้ทั้งหมดของตัวเอง
พลังของเขาจะถูกใช้ตอนเผชิญหน้ากับเอนโรธจริงๆเท่านั้น
“ ท่านลอร์ด การ์มูสกลับมาแล้ว”
การ์มูสผู้ซึ่งได้รับคำสั่งให้นำหัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสมาที่อาณาเขตกลับมาแล้ว
มูยองพยักหน้า
“ลุกขึ้น”
หลังจากประตูถูกเปิดออกในไม่ช้าคนแคระที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราก็เดินเข้ามา
“ บาร์ทัสล่ะ?”
“ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมากับข้าได้”
“ เป็นอย่างนั้นเหรอ?”
มูยองขมวดคิ้ว
หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสเป็นคนที่มูยองต้องการให้เขาสร้างชุดเซ็ตอุปกรณ์ราชันอมตะส่วนที่เหลือให้
และราวกับว่าการ์มูสสามารถอ่านความผิดหวังของมูยองได้, เขายิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ ถึงเขาจะมาไม่ได้ แต่อุปกรณ์เหล่านี้ก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว”
คลืน! คลืน!
ด้วยเสียงที่ดังฟังชัด คนแคระสองสามคนก็เข้ามาพร้อมกับกล่องขนาดใหญ่