The King of the Battlefield - ตอนที่ 239
บทที่ 239: สกายลอร์ด (2)
“ มีบางอย่างกำลังตามเรามา”
ทาร์แคนพูด
แต่เดิมทาร์แคนเป็นมือขวาของลูซิเฟอร์ที่ปกครองเส้นทางแห่งอาชูร่า แต่หลังจากลูซิเฟอร์ถูกมูยองดูดกลืน, ทาร์แคนก็ติดตามมูยองแทน
ทาร์แคนเป็นเดธไนท์ที่มีความสามารถด้านวิชาดาบ อย่างไรก็ตามพลังการต่อสู้ของเขาได้ข้ามขีดจำกัดของเดธไนท์ไปแล้ว และกลายเป็นดูมไนท์ซึ่งอยู่ในระดับตำนาน ตอนนี้ประสาทสัมผัสของทาร์แคนเทียบเท่ากับตัวตนเหนือธรรมชาติ
“ ผมคิดว่าพวกมันเจอตำแหน่งของเราแล้ว”
ข้างๆเขาเบยองมินพูด
ซองมินที่เป็นเอลเดอร์ลิชผู้ที่มีระดับเกินกว่าราชาปีศาจจะรับมือ เขาสามารถต่อสู้กับเอนโรธ ซึ่งถูกกล่าวว่าเป็นหนึ่งในราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด
“ ช้ากว่าที่คิด”
หลังจากได้รับรายงานแล้วมูยองก็ตอบกลับสั้นๆ
สามวันผ่านไปตั้งแต่พวกเขาออกจากบริเวณที่รอยแยกของเกรโมรี่ตั้งอยู่ นั่นหมายความว่าเลราเจให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของเกรโมรี่มากกว่ามูยอง
สิ่งที่แน่นอนคือเขามีเวลาไม่มากนัก
‘หากเลราเจเปิดรอยแยก ตัวตนของเกรโมรี่จะถูกเปิดเผยทันที’
โดยปกติฝ่ายสนับสนุนจะยังไม่รีบเคลื่อนไหว มันเป็นสิ่งที่เขารับรู้หลังจากดูดซับดันดาเลี่ยน พวกมันจำเป็นต้องได้หนังสือ’อาร์คโนวา’ เสียก่อนเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ!
แต่นี่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมเกือบ 10 ปี สำหรับเหตุผล … เขาไม่แน่ใจ แต่หากอดีตและปัจจุบันเปลี่ยนไป ยังไงก็มาน่ามาจากตัวเขาเอง
ความทรงจำของดันดาเลี่ยนคลุมเครือเกินไป อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนว่ามูยองต้องรวบรวมพลังจากฝ่ายปฏิปักษ์
มูยองต้องการกำจัดเลราเจ และใช้เกรโมรี่เพื่อเพิ่มพลังของพวกตน แม้ว่าฝ่ายปฏิปักษ์จะมีจำนวนน้อย แต่อำนาจการต่อสู้ของพวกมันก็ไม่สามารถละเลยได้
ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้พวกมันต่อสู้กันเอง เขาต้องเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายเท่านั้น เขากำลังจะช่วยมนุษยชาติและเปิดเผยความจริงของโลกนี้
เพื่อสังหารบาอัลอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา เขาจำเป็นต้องฆ่าเหล่าเทพเจ้าปีศาจที่เหลือทั้ง 71 ตนเสียก่อน นั่นเป็นหนึ่งใน ‘เงื่อนไขการดับสูญ’ ของมัน
“ มูยองเจ้าจะทำยังไงต่อ?”
ทาร์แคนพูด ในขณะที่มูยองมองไปรอบๆ
มีทหารประมาณ 300,000 คน แม้ว่าจำนวนจะน้อยกว่าทหารปีศาจของเลราเจ ที่มีถึง 2.2 ล้านตน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสู้ไม่ได้หากดวลกัน
‘ในเมื่อฉันทิ้งร่องรอยไว้อย่างชัดเจน พวกมันจะต้องส่งทีมติดตามมาแน่’
นี่เป็นสถานการณ์ที่มูยองตั้งใจไว้
กองทัพหลักของเลราเจคงไม่อาจถอยไกลจากรอยแยกของเกรโมรี่ได้ นั่นหมายความว่ามันยากสำหรับเลราเจที่จะส่งกองทัพเต็มรูปแบบออกมา พวกมันทำได้แค่ส่งทีมขนาดเล็กออกมาติดตามมูยองเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันจะเป็นทีมที่มีแต่ตัวเก่งๆ
‘ค่อยสนุกขึ้นมาหน่อย’
มูยองอยากรู้อยู่แล้วว่าแนวหน้าของเลราเจนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
แน่นอนว่าด้วยการสู้รบนี้ เลราเจก็พยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมูยองด้วยเช่นกัน และใครที่สามารถซ่อนความแข็งแกร่งได้มากที่สุดย่อมเป็นผู้ชนะ
‘เลราเจอ่อนไหวต่อการชนะและแพ้’
เนื่องจากเงื่อนไขการดับสูญของเลราเจคือ ‘การเอาชนะในสงคราม’ มันจึงไม่สามารถช่วยได้ที่จะอ่อนไหวกับเรื่องนี้
มูยองมองที่ทาร์แคน
ทาร์แคนเองก็มองมูยองด้วยความคาดหวัง
ราวกับเขากำลังบอกให้มูยองทิ้งเรื่องพวกนี้ให้เขาจัดการ
มูยองตอบกลับไปง่ายๆ
“ แค่ผลกำไรเล็กน้อย ยอมแพ้ไปเถอะ ”
“ ถูกต้องให้ข้าไปจัดการมัน…เดี๋ยว เจ้าว่าใครแพ้อะไรนะ?”
ทาร์แคนงง อย่างไรก็ตามมูยองไม่ได้พูดผิด
“ เราต้องล่อให้พวกมันส่งกองทัพที่ขนาดใหญ่กว่านี้ออกมา”
กลยุทธ์ของมูยองนั้นเรียบง่าย เขาจะปล่อยให้พวกมันชนะในการสู้รบขนาดเล็ก และเมื่อสงครามทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาก็จะนำชัยชนะกลับคืนมา
ยังไงเลราเจก็ไม่สามารถยุบหน่วยหลักของมันได้ มันต้องการปีศาจอย่างน้อย 1.5 ล้านตน เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพของเกรโมรี่ อย่างมากที่สุด เลราเจสามารถส่งทหารได้เพียง 700,000 ตนเท่านั้นที่จะเผชิญหน้ากับมูยอง
“ ซองมิน นายไปรวบรวมวิญญาณของปีศาจที่ตายแล้วมา”
“ วิญญาณ?”
ซองมินเอียงศีรษะเล็กน้อย
การรวบรวมวิญญาณต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการทำให้พวกมันกลายเป็นอันเดธ
หากซองมินแค่ต้องการรวบรวม เขาสามารถรวบรวมวิญญาณได้นับล้าน
ปัญหาคือ ไม่มีประโยชน์อะไรจากการรวบรวมเหล่าวิญญาณ
จากนั้นมูยองก็ยิ้มเล็กน้อย
“ เราจะเอาไปเป็นอาหารให้สกายลอร์ด”
สกายลอร์ดเป็นตัวตนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาในการกลืนกิน ไม่ต่างจากคนตะกละ วิญญาณของปีศาจนับแสนจะเป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่สำหรับมัน
แต่แน่นอนว่าอาหารที่ดีที่สุดย่อมเป็นร่างกายของมูยองเอง ร่างกายของเขาใกล้เคียงกับระดับครึ่งเทพ และเมื่อรวมกับผิวหนังของราชาอมตะ เขาก็กลายเป็น ‘ยา’ ที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้
เลือดของมูยองหยดหนึ่งอาจเป็นพิษรุนแรงหรือไม่ก็คือ ‘น้ำอมฤต’ อันเลิศรส ถ้าสามารถกินร่างกายของเขาทั้งหมด แม้แต่ก๊อบลินที่มีอันดับต่ำสุดก็อาจกลายเป็นราชาปีศาจหรืออันดับที่สูงกว่าได้
จากมุมมองของสกายลอร์ด มูยองเป็นอาหารคุณภาพที่สูงที่สุด ดังนั้นมูยองจึงต้องการให้มันอิ่มก่อน เพราะไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตไหน ถ้ามันอิ่มการเคลื่อนไหวก็จะช้าลง
สกายลอร์ดคือมอนสเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อหยุดเดียโบล อย่างไรก็ตามมูยองกำลังจะฝึกมันให้เชื่อง แม้กระทั่งสัตว์ประหลาดตัวนั้น
มีกลุ่มปีศาจทั้งหมดสามกลุ่มที่ถูกส่งมาติดตามทัพของมูยอง
ราชาปีศาจกองทัพที่ 3, กรูคาส, ราชาปีศาจกองทัพที่ 7,บรู และราชาปีศาจกองทัพที่ 11,อินเวสชั่น รวมทั้งสิ้น 200,000 ตน
มันเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าจะคิดว่าเป็นกลุ่มที่ถูกส่งออกไปเพื่อตามรอยเท่านั้น ในความเป็นจริงพวกมันได้รับคำสั่งให้ทำลายล้างศัตรูอย่างสมบูรณ์
พร้อมเสียงกระพือปีกดังกระหึ่ม…พวกมันจัดกลุ่มพากันบินไปยังจุดๆเดียวกันด้วยแววตาดุดันดั่งเหยี่ยว และสิงโตที่กำลังหิวโหย
พวกมันจัดเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นรากฐานของเลราเจผู้คลั่งไคล้ในสงคราม
ไม่เหมือนกับราชาปีศาจตนอื่นๆ พวกมันเหล่านี้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้คำสรรเสริญเยินยอ พวกมันสู้เพื่อเอาชนะศัตรูเท่านั้น
ทาร์แคนตกตะลึงเมื่อเขาเห็นพวกมันดิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกแห่งการทำลายล้าง
“ เป็นกองทัพที่ดีจริงๆ”
เขารู้สึกกระตือรือร้นที่จะต่อสู้
ทาร์แคนอยากสู้ตายกับพวกมัน และได้รับชัยชนะ
‘ข้าจะแพ้อย่างไร… ‘
มีทหารม้าวิญญาณ 50,000 ตนด้านหลังเขา
50,000!
ทหารของทาร์แคนมีคุณภาพสูงกว่าศัตรูเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมันยากที่จะเอาชนะความแตกต่างในจำนวนสี่เท่า
ถึงกระนั้นทาร์แคนก็มั่นใจว่าเขาจะชนะ อย่างไรก็ตามมูยองบอกให้เขาแพ้
เฮ้อ!
ทาร์แคนถอนหายใจ
ทาร์แคนตัดสินใจติดตามมูยอง
ไม่ใช่เพียงเพราะมูยองได้ดูดกลืนเจ้านายเดิมของเขาอย่างลูซิเฟอร์
มูยอง … เป็นคนที่แตกต่างจากผู้อื่น
เขาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาแสวงหาสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา
ทาร์แคนเริ่มเปลี่ยนไปเพียงอยู่ใกล้กับมูยอง เขาแข็งแกร่งขึ้น
ทาร์แคนผู้ที่มีชีวิตมาแล้วหลายร้อย หลายพันปี มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ในเวลาไม่กี่ปี
ดังนั้นเขาจึงตั้งเป้าหมายที่จะเอาชนะมูยองในวันหนึ่ง
หลังจากที่เขาถูกสร้างขึ้นจากส่วนผสมกระดูกซี่โครงของมูยอง เขาก็รู้สึกเหมือนได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
แน่นอนว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าทาร์แคนจะชอบมูยองเท่าไหร่
‘ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่’
เขาไม่สามารถคาดเดาการกระทำของมูยองได้ เขาไม่ชอบความจริงที่ว่ามูยองปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนรับใช้ ยังไงก็ตามมีคำกล่าวว่า ผู้ที่สามารถยิ้มเป็นคนสุดท้ายย่อมเป็นผู้ชนะ
ทาร์แคนกำลังจะนำมูยองขึ้นไปสู่จุดสูงสุด และเมื่อมูยองไปถึงจุดนั้น ทาร์แคนจะโค่นมูยองลงมาเอง เพียงเช่นนั้นทาร์แคนจึงจะสามารถพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของตนเองได้
ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆจากมูยอง
มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการแสร้างว่าติดตามมูยองอย่างไม่รู้จบ เพื่อค้นหาว่าพลังใดกันแน่ที่ขับเคลื่อนมูยองอยู่
การเป็นผู้ติดตามของทาร์แคน แตกต่างจากความเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตาแบบซองมิน แม้บางครั้งมันจะดูเหมือนกันบ้างก็ตาม
‘ข้าทำได้’
เขาจะคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เป็นวิธีการต่อสู้ที่ดี แม้ว่าเขาดูเหมือนว่าจะพ่ายแพ้
วูม!
ทาร์แคนหยิบดาบออกมา
‘ข้าน่าจะล้มได้อย่างน้อยหนึ่งในสาม’
มันเป็นช่วงเวลาที่ทาร์แคนกำหนดเป้าหมาย เขาวิเคราะห์เกี่ยวกับราชาปีศาจทั้งสาม
ในความทรงจำของดันดาเลี่ยน สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสกายลอร์ดนั้นมีน้อยมาก
สิ่งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะดันดาเลี่ยนเป็นเหมือน ‘คนนอก’ หากเทียบจากเทพปีศาจทั่วไป
แต่มีบางสิ่งที่มีแต่คนนอกเท่านั้นที่คิดออก ตัวอย่างเช่น สิ่งที่จำเป็นในการควบคุมสกายลอร์ด…
‘ถ้าจะควบคุมสกายลอร์ด ฉันต้องใช้เนบิวลาในการให้อาหารมัน ‘
เนบิวลา หรือที่เรียกว่ากันว่า ดวงดาว
หากให้ปีศาจที่ถูกจับโดย ‘ผู้ที่ได้รับเลือกจากดวงดาว’ เป็นอาหารแก่สกายลอร์ดจะสามารถควบคุมมันได้
และตอนนี้ มูยองจึงทำการโจมตีป้อมปราการแห่งหนึ่งของเหล่าปีศาจ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
“เอนโรธ”
วูม!
ควันดำลอยคลุ้งขึ้น และเอนโรธผู้กลายเป็นอันเดธก็ปรากฎตัวข้างๆมูยอง
แม้ในอดีตมันจะเป็นหนึ่งในราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หลังจากที่แพ้มูยองมันก็กลายเป็นอันเดธที่ซื่อสัตย์เท่านั้น
มูยองพูดกับเอนโรธ
“ ทำไมนายไม่ไปทักทายเพื่อนเก่าของนายหน่อยล่ะ?”
ดวงตาของมูยองมองไปที่ป้อมปราการห่างไกลซึ่งมีควันดำถูกปล่อยออกมา
ป้อมปราการดังกล่าวจะเป็นสถานที่ที่เขาจะให้อาหารแก่สกายลอร์ด
ยังไงก็ตามผู้ปกครองป้อมปราการเป็นหนึ่งในราชาปีศาจที่ทรงพลังมาก
ราชาปีศาจมีอยู่ 18 ตนที่เก่งกาจที่สุด
7 ขุนเขา 6 ลอร์ด 5 ดวงดาว
เอนโรธเป็นราชาปีศาจหนึ่งใน ‘ห้าดวงดาว’
และผู้ที่ปกป้องป้อมปราการนั้นอยู่ในอันดับ ‘หกลอร์ด’
วูม!
เอนโรธเริ่มเคลื่อนไหว รอบตัวปรากฎความมืดขนาดใหญ่หมุนวน
ชวิ้ง-ชิ้ง! ตูมมมมม!
ต่อจากนั้นด้วยเสียงดังก้อง ผนังด้านหนึ่งของป้อมปราการก็ถูกทำให้หายไป
มันมากเกินกว่าจะเป็นการทักทายที่อบอุ่น อย่างไรก็ตามมันเป็นวิธีประกาศตัวที่ดี และในเวลาเดียวกันปีศาจจำนวนมากก็โผล่ออกมา
“เอนโรธ! ทำไมเจ้าถึงโจมตีเรา!”
เอนโรธเป็นราชาปีศาจที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความพ่ายแพ้ของมันต่อมูยองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
หลังจากการทักทายยิ่งใหญ่ เอนโรธก็คุกเข่าลงต่อหน้ามูยอง
ปีศาจในที่เกิดเหตุต่างประหลาดใจจนกระทั่งผู้ปกครองป้อมปราการปรากฎตัว
ราชาปีศาจดอกกุหลาบ โซระ!
เธอกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมดวงดาว
ในมุมมองของมูยองมันเป็นการกระทำที่น่าขำ
ผู้กลืนดาราที่แท้จริงไม่ใช่สกายลอร์ด หรือราชาปีศาจโซระ แต่เป็นมูยองเอง
และในขณะนั้น
วูมมม!
จากท้องฟ้า ดวงดาวแห่งความสัมบูรณ์ก็เริ่มเปล่งประกาย