The King of the Battlefield - ตอนที่ 246
บทที่ 246 : ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา (4)
พื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆท้องฟ้าอากาศแยกออกจากกันราวกับจิ๊กซอว์ลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บรรยากาศขมุกขมัวราวกับพื้นที่นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอีกต่อไป
“น่าเสียดายจริงๆอีกนิดเดียวพลังของเจ้าก็สามารถก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทพได้แล้ว”
ด้านบนของเขาโซโลมอนยังคงอยู่ ส่วนด้านล่างชิ้นส่วนชุดเกราะที่คิงสเลเยอร์สวมอยู่แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ด้วยตัวตนกึ่งเทพของคิงสเลเยอร์นั่นเป็นข้อจำกัดของเขาแล้ว แม้จะใช้พลังแห่งกาลเวลาก็ยังไม่สามารถกำจัดโซโลมอนได้ เพราะกฎธรรมชาติเหล่านี้ย่อมไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ และผลกระทบของมันก็ยังทำให้พื้นที่ของมิติถูกตัดออกไป
คิงสเลเยอร์จ่ายราคาออกไปอย่างหนัก และด้วยผลกระทบนั่นทำให้เขาต้องทำลายตัวเอง แน่นอนว่าในฐานะกึ่งเทพ เขาอาจจะรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะโซโลมอนเทพผู้เต็มไปด้วยอำนาจได้
“จ้าวแห่งความมืดไม่ควรออกมาสู่แสงสว่าง เพราะผลที่ตามมาจะก่อให้เกิดความพินาศและความโกลาหล นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าทำพันธะสัญญากับข้าไว้งั้นเหรอ?”
โซโลมอนพูดเบาๆ
ผลจากการละเมิดสัญญาคือการถูกทำลายล้าง คิงสเลเยอร์อัศวินผู้สูงศักดิ์ในอดีตไม่มีอีกต่อไปแล้ว ยังไงก็ตามนั่นไม่ได้หมายความทุกอย่างที่เขาพยายามจะล้มเหลว
โซโลมอนก้มลงมองร่างตัวเอง
ร่างกายของเขามีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด ทุกส่วนกำลังร่วงโรยแก่ตัวลงจากนั้นกลับเริ่มอ่อนวัยขึ้นอีกครั้งเป็นวงจรไม่รู้จบ
“โอ้ ไม่เลวๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเสียสละตัวเองเผื่อผูกข้าไว้กับกาลเวลา ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมีวิธีการเช่นนี้ด้วย”
โซโลมอนกลายเป็นตัวตนที่นับว่ามีอยู่หรือไม่มีก็ได้ เขาไม่สามารถตายแม้จะถูกฆ่า ยังไงก็ตามไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นอมตะ เพราะนิยามของคำว่าอมตะไม่ได้เป็นเช่นนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่บาอัลผู้ที่หวาดกลัวโซโลมอนจึงผนึกประตูไว้ด้วยเลเมเกทัล
ยังไงก็ตาม…คิงสเลเยอร์ได้ค้นพบจุดอ่อนของโซโลมอน และขังเขาไว้ในกับดักแห่งกาลเวลาที่ไม่ใช่แค่ 128 เท่า แต่คิงสเลเยอร์ฝืนเพิ่มขีดจำกัดขึ้นถึง 200 เท่าและผูกมัดโซโลมอนไว้อย่างแน่น
หากเป็น 256 เท่าเกรงว่าโซโลมอนคงไม่ได้ออกไปไหนอีกแล้ว แต่มีเพียง ‘นางฟ้าแห่งกาลเวลา’เท่านั้นที่ทำถึงขั้นนั้นได้ ยังไงก็ตามนางฟ้าแห่งกาลเวลาเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เลเมเกทัลเสียหาย
นั่นคือสิ่งที่ซาโลมอนเข้าใจ
“คิงสเลเยอร์ หากเจ้ายังพอมีความความหวังต่อโลกใบนี้เจ้าอาจกลายเป็นผู้ที่สามารถควบคุมกฏของโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นไปไม่ได้
จิตใจของคิงสเลเยอร์ย่อยยับไปแล้ว เขาสิ้นหวังต่อพระเจ้า และเลิกคาดหวังที่จะเป็นเทพ
ยังไงก็ตามนั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่ขัดขวางคิงสเลเยอร์สู่ความก้าวหน้า แต่จ้าวแห่งความมืดทุกคนต่างจมอยู่กับอดีตในแต่ละยุคสมัยของตน นั่นคือเหตุผลที่จ้าวแห่งความมืดไม่สามารถเอาชนะโซโลมอนได้ ยกเว้นจะกลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่านั้น และแม้แต่ปีศาจอย่างบาอัลก็ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์ดังกล่าว
‘ไพม่อน’
โซโลมอนเงยหน้าขึ้น
จิตวิญญาณของไพม่อนสั่นคลอน เขาเป็นคนเดียวที่เห็นการต่อสู้ระหว่างโซโลมอนกับคิงสเลเยอร์ และได้รับรู้บางสิ่งที่สำคัญ
โซโลมอนพูดเรื่องวัฐจักรแห่งกาลเวลาราวกับพูดกับตัวเอง แต่จริงๆต้องการให้ไพม่อนได้ยินใช่หรือไม่?
สิ่งนั้นเกี่ยวกับจุดอ่อนเดียวของโซโลมอน ยังไงก็ตามไพม่อนถูกจำกัดให้ปิดบังความลับเอาไว้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับโลกทั้งใบ หากมันเป็นจุดอ่อนของโซโลมอนจริงๆการเปิดเผยมันก็เท่ากับการทำลายโลก
ถึงอย่างนั้นโซโลมอนก็ต้องการให้ไพม่อนบอกเรื่องนี้ให้บาอัลทราบ เพราะยิ่งพวกเขาดิ้นรนมากเท่าไหร่อิทธิพลของโซโลมอนก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น
….
อาร์ทานาส หรือผู้ที่ถูกเรียกว่าเดธลอร์ดยังอยู่ในพื้นที่ความมืดมิด พื้นที่ที่ด้านหนึ่งไม่มีอะไรเลย และอีกด้านมีทุกๆสิ่ง พวกเขาสามารถเห็นในสิ่งที่ต้องการเห็น สามารถสัมผัสกับความได้อย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงความสิ้นหวังด้วยเช่นกัน
จ้าวแห่งความมืดทั้งหมดคือครึ่งเทพ พวกเขาเป็นผู้ที่ตกลงสู่ความว่างเปล่าจากความสิ้นหวัง และเดธลอร์ดอาร์ทานาสเองก็ไม่ต่างกัน
เขากำลังจ้องมอง
มองอดีตของตัวเองก่อนที่จะถูกเรียกว่าเดธลอร์ด
“โอ้ท่านลอร์ดแห่งชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ ท่านผู้สร้างเวทนตร์แห่งชีวิต!”
“ขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตเด็กคนนี้เอาไว้ ฮือๆ!”
“ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์จงเจริญ!”
เวทย์แห่งชีวิต มันคล้ายกับโฮมุนครูสเวทมนตร์ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ และจากการใช้วิธีนั้นทำให้อาร์ทานาสช่วยเหลือผู้คนไปแล้วนับไม่ถ้วน เขากลายเป็นความหวังของใครหลายๆคน ผู้คนสรรเสริญเขาเป็นลอร์ดแห่งชีวิต และพระผู้ศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว
ยังไงก็ตามเขาจะรู้ไหมว่า?
ปลายทางของเวทมนตร์แห่งชีวิตนั้น อยู่ใกล้เคียงกับความตายเช่นกัน
เขาทุ่มเททำงานมากเกินไปจนเกินขอบเขต มากกว่าการสร้างรูปแบบชีวิตสังเคราะห์เขาเริ่มล้ำเส้นเข้าไปในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการนำคนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเริ่มอยากกลายเป็นเทพที่แท้จริง และความเย่อหยิ่งนั้นนำไปสู่หนทางแห่งความพินาศย่อยยับ
ท่ามกลางการทดลองจำนวนนับไม่ถ้วน ภายใต้ความสิ้นหวังในที่สุดเขาก็เปลี่ยนร่างของตัวเองให้เป็นลิช
จากการฝึกเวทต้องห้ามและทำการทดลองเช่นนั่น ทำให้เขาตราหน้าให้เป็นคนนอกรีต เขาถูกลงโทษในฐานะผู้สืบทอดแห่งความตาย และถูกโจมตีโดยอาณาจักรทั้งหมด
“ทางเดินของข้าผิดพลาดมาตลอดงั้นเหรอ?”
อาร์ทานาสถามตัวเองขณะเฝ้ามองอดีต