The King of the Battlefield - ตอนที่ 247
บทที่ 247 ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา (5)
นั่นคือที่มาของเดธลอร์ด ยังไงก็ตามเขายังไปไม่ถึงขอบเขตของเทพเจ้าที่แท้จริง
ถ้าเขาไม่ได้ทำการทดลองจนตัวเองกลายเป็นลิช ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบไหน เขาถามคำถามเหล่านั้นกับตัวเองนับพันนับหมื่นครั้งแต่ทว่าไม่ได้รับคำตอบ
ไม่ใช่แค่เดธลอร์ด ทุกคนที่กลายเป็นจ้าวแห่งความมืดล้วนไม่สามารถหาคำตอบของตนเองได้และเป็นระยะเวลายาวนานที่พวกเขาเดินย้ำอยู่กับที่ยกเว้น…คิงสเลเยอร์
“คิงสเลเยอร์อะไรทำให้เจ้ายังเดินหน้าต่อไปได้”
เขายังสามารถเดินหน้าต่อ คาดการณ์ทุกอย่างจนกระทั่งตามหาโซโลมอนเจอ เพราะจู่ๆเขารู้สึกได้ถึงความยุติธรรมบางอย่างงั้นหรือ? ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น เนื่องจากจ้าวแห่งความมืดล้วนถูกปิดกั้นจากความรู้สึกต่างๆ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
‘เจ้าเห็นอะไรจากตัวมูยองงั้นหรือ? ‘
มูยอง…เขาน่าเหลือเชื่อ
ทักษะศิลปะแห่งความตาย เขาสร้างพลังแห่งความตายเช่นนั้นขึ้นมาด้วยตนเอง
ยังไงก็ตาม เขายังไม่สามารถกระโดดข้ามอุปสรรค์ซึ่งเป็นที่มาของความสิ้นหวังของอาร์ทานัส แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นคิงสเลเยอร์ก็ยังเห็นว่าเขาแตกต่าง
‘ศักยภาพของมูยองเหนือกว่าข้า ไม่ว่าเขาจะตกสู่ความสิ้นหวังหรือสร้างทางเลือกไหน ข้าก็อยากรู้ว่าตอนจบเขาจะเป็นยังไง’
อัศวินผู้สูงศักดิ์ ในฐานะหนึ่งในจ้าวแห่งความมืดระดับสูง เขายอมรับมูยอง เขาเคลื่อนไหวทันทีที่ตระหนักถึงตัวตนของมูยอง และหลบหนีออกจากพื้นที่แห่งความมืดมิด
เพื่อหนีจากอดีตตนเอง เพื่ออนาคตของเขา เขาจึงต่อต้านโซโลมอน
‘การดับสูญ’
มีจ้าวแห่งความมืด 11 คน ทำนองเดียวกันก็มีห้องแห่งความมืด 11 ห้อง
ทว่าหนึ่งในนั้นหายไปแล้ว ห้องทั้งหมดถูกค้ำจุนด้วยพลังเวทของเหล่าจ้าวแห่งความมืด เมื่อนายของห้องดับสูญไปห้องจึงหายไปโดยธรรมชาติ
‘ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว มันจึงเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์’
โซโลมอนไม่ใช่เทพเจ้าธรรมดา
ในฐานะเทพโบราณที่ควบคุมโลกหลายแห่ง เขารับผิดชอบในการรักษาสมดุลของโลก เขายังเป็นเทพสูงสุดที่ดูแลเรื่องการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์ และการวิวัฒนาการรูปแบบเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แม้คิงสเลเยอร์จะมีความหวังเนื่องจากสามารถควบคุมเวลาได้ แต่ความหวังนั้นก็ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ข้า…”
อาร์ทานัสเริ่มจ้องมองจินตนาการที่เคลื่อนห่างออกจากตัวเอง ความผิดพลาดของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
เขาจะต้องเสียใจเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน? เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีความอยากรู้อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย และมีเพียงจ้าวแห่งความมืด 2 คนเท่านั้นที่เกิดคำถามเช่นนี้ก็คือคิงสเลเยอร์กับเดธลอร์ด
พวกเขาทั้งสองต่างมีการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณโดยตรงกับมูยอง ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะได้รับอิทธิพล อย่างไรก็ตามอาร์ทานัสปฏิเสธมัน
‘อย่างที่เจ้าพูดคิงสเลเยอร์ ข้าแค่อยากรู้ว่าเขาจะเลือกเดินทางแบบไหน แต่ข้าไม่เหมือนกับเจ้า’
อาร์ทานัสออกไปจากห้องของเขา จากนั้นประตูห้องก็ถูกปิดลงอย่างช้าๆ
ซ่า!
ซ่า!
” นี่ฉัน…..”
มูยองเปิดตาออกก็พบว่าตัวเองอยู่ในอารามแห่งหนึ่ง ส่วนกลางของอารามที่สูงเสียดฟ้าเขาพบว่าตัวเองอยู่ในน้ำพุสภาพเปลือยเปล่า
“อ่า”
หลังจากสำรวจร่างกายตัวเองแล้วก็พบว่ายังมีบางแห่งรู้สึกเจ็บปวด
‘มันถูกรักษาแล้ว’
ร่างกายท่อนบนซีกขวาที่ถูกฝ่าออกได้รับการพื้นฟู ดูเหมือนว่าน้ำพุนี่จะช่วยเพิ่มพลังการรักษาของเขามากขึ้น
“อย่าเพิ่งขยับตัวไปไหน การรักษายังไม่เสร็จ”
เกรโมรี่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งพูดขึ้น
เธอแช่อยู่ในน้ำพุเหมือนกับมูยองในขณะที่สวมผ้าคลุมบางๆ
ผ้าคลุมบางๆไม่สามารถปกปิดทรวดทรงของเธอเอาไว้ได้ ที่ผ่านมาไม่มีชายใดสามารถต้านทานแรงดึงดูดดังกล่าว แต่ทว่ามูยองยังไม่มีทีท่าใดๆ
“น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง แม้แต่ปีศาจก็ยังต้องหวั่นไหวเมื่อเห็นข้า”
“คุณอยากให้ผมเป็นแบบพวกนั้นเหรอ?”
เกรโมรี่ส่ายหน้า
“ย่อมไม่ เหตุผลที่ข้าเชื่อใจเจ้าก็เพราะเจ้าเป็นแบบนี้แหละ”
ความเชื่อใจ
ทั้งสองรู้จักกันเพียงแค่สองครั้ง แน่นอนว่าเป็นทั้งสองครั้งที่มูยองช่วยเกรโมรี่เอาไว้ ดูเหมือนเขาจะได้รับคะแนนจำนวนมากจากมัน
“คุณวางแผนจะทำยังไงต่อไป?”
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และต้องการฟังความคิดของเกรโมรี่
“ข้าจะรวบรวมกองกำลังฝ่ายต่อต้านและซื้อเวลาเอาไว้ ระหว่างนั้นถ้าเราค้นหา ‘อัลโนวา’ เจอ แม้แต่บาอัลก็ไม่สามารถทำตามแผนของมันได้อย่างอิสระ”
“อัลโนวาอยู่ที่ผม”
“…!”
ดวงดาของเกรโมรี่เบิกกว้างราวกับโคมไฟ เพราะเธอไม่คาดคิดเลยสักนิดว่ามูยองจะครอบครองอัลโนวาอยู่
“และผมไม่ชอบการยื้อเวลา”
เกรโมรี่กับเขาจะต้องเป็นเพื่อนกันอีกนาน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด มูยองจำเป็นต้องแสดงของในมือบ้าง
“แล้วเจ้ามีวิธีอื่นหรือ? ทั้งจำนวนและพลังของพวกมันมีมากเกินไป สิ่งเดียวที่เราพอทำได้คือซื้อเวลาและรอโอกาส”
เกรโมรี่ค่อนข้างสงสัย นั่นคือความจริง การบุกโจมตีโดยปราศจากแผนการรบไม่ต่างกับการฆ่าตัวตายถึงแม้ว่าจะมีอัลโนวาในมือ
“พวกมันต้องรวมตัวกันแน่เมื่อได้ยินข่าวการดับสูญของเลราเจ และเราต้องเคลื่อนไหวก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว”
“รวมข้าแล้วมีปีศาจที่อยู่ฝ่ายต่อต้านอีกห้าคนเท่านั้น และกองกำลังทั้งหมดก็ยังมีไม่ถึงสิบล้านตน แค่นั้นสู้พวกมันไม่ไหวหรอก”
นั่นคือความจริงที่ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวเร็วแค่ไหนก็จะเกิดขึ้น ยังไงก็ตามมันต้องมีหนทางอื่นอยู่แน่นนอน
“ทำไมคุณถึงคิดว่าการต่อสู้จะเกิดขึ้นแค่ในหมู่ปีศาจ?”
“แล้วนั่นไม่จริงรึ?”
“เราจะขยายการต่อสู้ออกไป แทนที่จะเป็นเพียงสงครามของเผ่าพันธุ์ปีศาจ มันจะกลายเป็นสงครามชี้ชะตากรรมของโลกปีศาจและทุกรูปแบบของสิ่งมีชีวิต”
การสูญเสียจะชัดเจนถ้าไม่ยอมทำอะไร จะดีกว่าไหมที่การต่อสู้จะไม่ถูกตัดสินง่ายๆ หากเกรโมรี่และปีศาจตนอื่นๆช่วยเหลือกัน และใช่ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้ ในความเป็นจริงมูยองคิดเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ
‘ตัวตนเหนือธรรมชาติอื่นๆ’
จะต้องไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาด้วย
เกรโมรี่ยังแสดงสีหน้าไม่เข้าใจเป็นเพราะเธอคิดมาตลอดว่ามันเป็นเพียงสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ปีศาจ เธอไม่เคยคิดนอกกรอบดังนั้นมูยองจึงขี้เกียจอธิบายไปมากกว่านั้น
“ผมจะช่วยเอง”