The King of the Battlefield - ตอนที่ 261
บทที่ 261: ตัวตนเหนือธรรมชาติ (5.4)
มีคนมองฉันอยู่
จู่ๆเบซูจีก็มีความคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเธอหันไปมองรอบๆก็ไม่พบใครที่น่าสงสัย
‘เกิดอะไรขึ้น?’
ประสาทการรับรู้ของเบซูจีอยู่ในระดับที่แตกต่างจากคนทั่วไปตั้งแต่เด็กๆที่แม้แต่มูยองยังต้องยอมรับ และมันก็ช่วยชีวิตเธอมาแล้วหลายหน
เมื่อเธอได้รับพลัง ‘สายเลือดแห่งแสง’จากห้องสมุดลอยฟ้า พลังของเธอก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ตอนที่เธอหยิบยืมพลังมาจากมูยองในอดีต เธอรู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นเพทเจ้า และความรู้สึกนั่นยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเบซูจี พลังที่เธอสัมผัสได้อยู่ในระดับสูงสุดซึ่งเธอเชื่อมั่นในประสาทสัมผัสของตัวเองมาก
‘ใครกันนะ?’
เธออยากรู้มากว่าใครกำลังแอบมองเธออยู่ในสถานการณ์แบบนี้
เหนื่อสิ่งอื่นใดเธอไม่รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากคนผู้นั้น
มันกลับเหมือนเป็นความเสน่หา
อืม ความเสน่หา
‘ไปตามหาคนๆนั้นดีกว่า’
ความรู้สึกของเธอบอกว่าต้องไม่ปล่อยให้เขาหายไป
เบซูจีใช้ทักษะที่ทำให้บินได้อย่างรวดเร็ว และเรื่องของความเร็วเธอมั่นใจมาก ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกว่าไม่มีใครหนีรอดจากการไล่ล่าของเบซูจีได้ ความเร็วสูงสุดของเธอใกล้เคียงกับระดับซูเปอร์โซนิ ยังไงก็ตามคนผู้นั้นกลับสามารถหลบซ่อนได้อย่างรวดเร็ว พอเธอบินขึ้นไปที่ด้านบนสุดของโบสถ์คนๆนั้นก็หายไปแล้ว
‘มีร่องรอยของเวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกล’
ยังไงก็ตามฝ่ายตรงข้ามประเมินเธอต่ำเกินไป แค่การใช้เวทย์ดังกล่าวไม่สามารถหลบหนีจากเธอได้
หลังจากได้รับพลังของมูยองประสาทสัมผัสและการรับรู้ของเบซูจีก็เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง
แม้แต่คำว่าอัจฉริยะไม่ดีพอที่จะอธิบายถึงศักยภาพของเบซูจี
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คงไม่สนุกแน่ถ้าเล่นซ่อนแอบกับฉัน”
เบซูจีไม่ยอมแพ้ และเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตก็พบว่านิสัยของเธอเปลี่ยนไปมาก
เบซูจีไล่ตามกลิ่นของมานาไปเรื่อยๆ แต่พอเธอกำลังจะไปถึงเป้าหมายมันก็หายไปตลอดจนเธอต้องรู้สึกประทับใจ
‘จอมเวทที่ทรงพลัง ระยะเวลาการร่ายเวทย์ของเขาเท่ากับศูนย์’
เป็นที่รู้กันดีว่าเวทเคลื่อนย้ายต้องอาศัยระยะเวลาการร่ายช่วงหนึ่งสำหรับนักเวททั่วไป และพวกเขายังมีขีดจำกัดต่อการร่ายอีกด้วย
ข้อจำกัดเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่มีผลกับคนที่เธอตามหาอยู่
ฮืม ได้ยินว่าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่อย่างเมอร์ลินมาที่เกรทซิตี้ ใช่เขาหรือเปล่านะ?
แม้ว่าเธอจะเริ่มเหนื่อย แต่เบซูจียังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
‘ชักจะน่าสนใจกว่าเดิมแล้วสิ’
ราวกลับได้ย้อนเวลาไปเป็นเด็กที่กำลังวิ่งไล่ตามอะไรบางอย่าง
มันรู้สึกสนุกเหมือนได้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
ฝ่ายตรงข้ามก็ดูเหมือนจะคิดเหมือนเบซูจีเช่นกัน
ทั้งฝ่ายซ่อนแอบและฝ่ายตามหายังคงไม่มีใครยอมพ่ายแพ้แม้อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
บางทีอาจเกิดจากความประทับใจในความดื้อรั้นของเธอเวทย์ที่คนผู้นั้นใช้เปลี่ยนไปจากเดิม
เบซูจีเงียหน้าขึ้น
“เขาต้องการจะล่อฉันไปไหนงั้นเหรอ?”
เขาเคลื่อนที่อยู่ใต้ดิน และรู้ว่ายังไงเบซูจีก็ตามเขาไป
ซู่วววว
ณ ท่อระบายน้ำใต้ดิน เบซูจีกำลังวิ่งอยู่บนน้ำ
แม้เธอจะมีทักษะการบินที่ทำให้สามารถวิ่งบนน้ำได้ แต่เธอก็ไม่ชอบอยู่ในพื้นที่คับแคบเช่นนี้
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่มีใครล่วงรู้
‘เขาอยู่ที่นี่’
เธอรู้สึกได้
มีทางแยกอยู่ด้านหน้า มีใครบางคนอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพง
ในที่สุดเธอก็เห็นจุดสิ้นสุดของเกมซ่อนแอบซึ่งดำเนินการมาเกือบครึ่งวัน
เบซูจีเข้าไปใกล้ตำแหน่งนั้นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามเป็นนักเวทย์ที่ไม่ธรรมดา เธอไม่สามารถผ่อนคลายความระวังได้
พอเข้าไปในระยะหนึ่งเธอก็รีบหยุด ชายคนหนึ่งที่สวมผ้าคลุมผืนใหญ่สีดำยืนอยู่ที่ทางแยก และทันทีที่เธอเห็นคนผู้นั้นเบซูจีก็ตกใจอย่างแรง
สายตาที่เหมือนกับผู้ทำลายล้างจากอาณาจักรแห่งความตาย
มันเป็นสายตาซึ่งเธอไม่สามารถลืมมันได้
“คุณคือ….”
“ออกไปจากมูราลันซะ”
เสียงเบาๆของเขาดังก้องอยู่ในหูของเธอ
เบซูจีมั่นใจว่านั่นคือลิชที่อยู่เคียงข้างมูยอง
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้”
ไม่จำเป็นต้องรู้?
จู่ก็ให้เธอออกไปโดยไม่บอกเหตุผลดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
เหนือสิ่งอื่นใดทำไมเขาถึงปล่อยให้เบซูจีตามทัน
‘ด้วยทักษะของลิชแล้ว เขาสามารถสลัดการไล่ล่าของเบซูจีได้นับร้อยครั้ง’
ไม่สำคัญว่าเบซูจีจะมีทักษะการบินที่สูงขนาดไหน เพราะมันคงไม่อาจเทียบเท่าลิชผู้ซึ่งสามารถต่อกรกับราชาปีศาจเอนโรธได้ พอคิดถึงจุดนั้นความทรงจำแปลกๆก็ลอยเข้ามาในหัวของเธอ
วันนั้น วันที่เธอได้รับพลังของมูยอง และเผชิญหน้ากับเอนโรธ เบซูจีถูกจับและสุดท้ายเธอก็หมดสติ
ยังไงก็ตาม ภายใต้สายตาที่พร่ามัวนั้นเธอจำได้ว่าเห็นลิชที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าตนนี้
เธอไม่แน่ใจว่านั้นจะเป็นความจริงหรือไม่….
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอยังจำสายตาของเขาได้
และตอนนี้ก็เหมือนกัน
ถ้านั่นคือลิชที่เฝ้ามองเธอด้วยความถวิลหา เขาจะทำตัวลับๆล่อเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?