The King of the Battlefield - ตอนที่ 274-275
บทที่ 274-275 สงครามเทพปีศาจ (3)
ในเวลานี้มีกองกำลังกว่า 300,000 นายภายใต้การบังคับบัญชาของมูยอง และพอคิงธ์ออฟเดอะเดธเข้ามาร่วมด้วยเขาก็ได้กำลังเสริมที่แข็งแกร่ง ส่วนจำนวนทหารทั้งหมดของคิงธ์ออฟเดอะเดธปาเข้าไปเกือบ 5 ล้านนาย ยังไงก็ตามพวกเขารับคำสั่งของคิงธ์ออฟเดอะเดธเท่านั้น
พูดถึงความรวดเร็วนั้น มันมีความสำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะอยู่ในสงครามไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องทำสงครามกับเทพปีศาจเช่นนี้ ดังนั้นจึงมีความแตกต่างเล็กน้อยในการใช้กองทัพนี้ เนื่องจากต้องใช้ผู้บัญชาการถึงสองคน แทนที่จะสามารถระดมพลได้ทันทีด้วยคำสั่งเดียวโดยตรง
ราชาแห่งความตายประหลาดใจที่เห็นเต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางขึ้นโดยมีมูยองที่ใช้เวทมนตร์ของเขาปิดกั้นรอบๆเพื่อป้องกันใครก็ตามที่อาจแอบฟังอยู่ แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่มูยองกำลังจะพูดหรือทำนั้นอันตรายเพียงใด
“ ผมอยากให้คุณสกัดเทพปีศาจบางส่วนเอาไว้ ในระหว่างนั้นผมจะพยายามประนีประนอมกับหนึ่งในพวกมัน”
“ เจ้าพูดเหมือนจะทำได้ง่ายๆ”
ราชาแห่งความตายเย้ยหยัน
ประนีประนอมกับหนึ่งในเทพปีศาจที่บุกเข้ามาโจมตี? แม้ว่ามันจะเป็นงานที่ยาก แต่มันจะเป็นประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อหากทำได้สำเร็จ
คิงธ์ออฟเดอะเดธแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับเทพปีศาจหนึ่งต่อหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าต้องมีเทพปีศาจอย่างน้อยเจ็ดตนที่จะโจมตี และหากเป็นแบบนั้นทั้งมูยองและคิงธ์ออฟเดอะเดธจะตกอยู่ในอันตราย
“มันก็ใช่ว่าจะเป็นไม่ได้”
มูยองยักไหล่
ถึงเขาจะเสียเปรียบ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีทาง
“เจ้ามีแผนงั้นหรือ?”
“ผมจะบอกให้คุณรู้เกี่ยวกับสายลับที่คอยปล่อยข้อมูลไปให้กลุ่มพันธมิตร”
มูยองจับตามองไม่ว่าจะเป็นทั้งในและนอกค่ายของฝ่ายต่อต้าน กล่าวอีกนัยหนึ่งมูยองกำลังสืบสวนทุกคนไม่ใช่แค่คนที่เฝ้าดูเขา และเป้าหมายเดียวของมูยองก็คือ…เพื่อตามหา ‘สายลับ’ คนที่ทำตัวเป็นนกสองหัวโดยให้ข้อมูลแก่ทั้งฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายปฏิปักษ์เพื่อเอาตัวรอด
“ เจ้าจะรั้งตัวมันไว้หรือ?”
“ ถ้ามันรู้ว่าเรารู้ มันจะย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายพันธมิตรทันที”
สิ่งที่สำคัญคือการเปิดเผยตัวตนของสายลับนั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ต้องการให้พวกมันรู้ตัว เพื่อแผนการอันแยบยลดังนั้นจึงต้องแกล้งโง่เอาไว้ก่อน
“ อืม….แล้วสายลับผู้นั้นคือใคร”
“ เทพปีศาจทั้งสี่ยกเว้นเกรโมรี”
“…เจ้าว่าอะไรนะ”
คิงธ์ออฟเดอะเดธถอนหายใจ
ถูกต้องยกเว้นเกรโมรี่ทุกคนล้วนเป็นคนทรยศ แม้ว่ามูยองจะมีความสงสัยแต่ตอนแรกเขาเองก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นทั้งสี่คน อย่างไรก็ตามหลังจากเฝ้าดูพวกเขาแล้วก็พบว่าทั้งสี่ได้ติดต่อกับตัวแทนของฝ่ายพันธมิตร ไม่มีใครปฏิเสธผลกระทบที่รุนแรงของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้ เพาะนั่นหมายความว่าเกรโมรี่กำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวด้วยตัวเอง
แม้แต่ราชาแห่งความตายก็เข้าใจความเป็นจริงของสถานการณ์ หากไม่มีการปรากฏตัวของมูยองและโซโลมอน เกรโมรี่ก็จะเป็นเพียงเหยื่อของเฮอเรสและเลราเจ และหลังจากนั้นสมาชิกฝ่ายต่อต้านที่เหลืออยู่จะย้ายไปอยู่ฝ่ายพันธมิตรทันที
การที่พวกมันยังอยู่ที่นี่พิสูจน์ได้ว่า พวกมันยังคงชั่งน้ำหนักทางเลือกและคำนวณผลประโยชน์และผลเสียที่เป็นไปได้ตามสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่ทุ่มกำลังเข้ามาจัดการ และพวกมันก็ไม่ได้แสดงการต่อต้านมากนักเมื่อมูยองบอกว่าจะ‘ใช้เกรโมรี่เป็นเหยื่อล่อ’
“ แล้วเราจะสร้างสายลับไว้ใช้งานเหมือนพวกมันไหม?”
“ ถ้าจะเอาผมก็อยากได้เทพปีศาจที่มีอิทธิพลหน่อย”
“ แล้วเจ้าจะปล่อยข่าวลือที่จะทำให้เกิดความระส่ำระสายได้อย่างไร”
“ เราจะใช้ชื่อของโซโลมอน”
ชื่อของโซโลมอนจะเป็นตัวเปิดทาง แน่นอนเขาจะไม่ปรากฏตัวจริงๆ แต่เพียงแค่ทำให้ข้อมูลนั้นรั่วไหลออกไป การเคลื่อนไหวของศัตรูจะต้องถูกทำให้ชะงักอย่างรุนแรง คงจะมีเทพปีศาจไม่กี่ตนที่จะร่วมเป็นทัพหน้าในการโจมตี มันเป็นกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับสถานการณ์นี้
“ข้าไม่กลัวเหล่าเทพปีศาจหรอกนะ แต่การกระทำของเจ้าไม่ต่างอะไรกับการเสี่ยงโชคเลย”
คิงธ์ออฟเดอะเดธรู้ว่ามันเสี่ยงเช่นไร แต่เขาต้องการเรียนรู้สิ่งที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับศิลปะแห่งความตายผ่านมูยอง มูยองกำลังยืนอยู่บนทางลาดชันที่ไม่มั่นคง หากก้าวพลาดเพียงเล็กน้อยเขาก็จะตกจากหน้าผานั้นๆ อย่างไรก็ตามมูยองดูเป็นคนที่เชื่อถือได้ และถึงยังไงเขาก็ต้องเชื่อมูยองอยู่ดี
“ ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงยังซ่อนพลังอยู่”
“ ผมซ่อนพลัง?”
มูยองถามราวกับไม่เข้าใจว่าคิงธ์ออฟเดอะเดธกำลังพูดถึงอะไร
“ เพราะข้าเรียนรู้พลังแบบเดียวกันเจ้าจึงรู้ความลับ เจ้าไม่ได้มีแค่สี่ปีกใช่ไหม?”
มันเป็นคำถามที่ชัดเจน มูยองมีปีกสามคู่ตั้งแต่แรก
แม้ว่าเขาจะมีถึงหกปีก แต่เทพปีศาจก็รู้เพียงสี่ปีกเท่านั้น นั่นเป็นเพราะมูยองไม่ไว้ใจใครตั้งแต่เริ่มต้น
ตอนที่พบกับเกรโมรีและเมื่อเขาไปช่วยเธอ เขายังซ่อนพลัง 2 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายเอาไว้ด้วยซ้ำ แม้ในช่วงเวลาที่อันตรายมากอย่างตอนสู้กับเลราเจก็ยังไม่เปิดเผย
ทำไมนะหรือ? เป็นเพราะนั่นเป็นทางเดียวที่เขาจะอยู่รอดได้ เป็นเพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะเปลี่ยนอนาคตได้ เขาจะต้องไม่แสดงไพ่ทั้งหมดในมือให้ใครรู้
มูยองเพียงยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร ในขณะที่ราชาแห่งความตายจิ๊ปากเบาๆ
“เจ้าเป็นคนแรกเลยนะ ที่ข้าคิดเจ้าเล่ห์กว่าตัวข้าเอง”
หลังจากได้รับคำสั่งให้กำจัดเกรโมรี่ เทพปีศาจ 11 ตนก็ระดมกำลังอย่างรวดเร็ว
ผู้นำทัพของพวกมันในครั้งนี้คือ เทพปีศาจอันดับ7 อามอน!
เทพปีศาจที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้สร้างเวทมนตร์ทั้งหลาย และเป็นเจ้านายเก่าของเอนโรธ มันเกิดมาพร้อมกับดวงตาแสนลึกลับที่สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆได้อย่างระเอียด นอกจากนั้นยังเป็นทรราชที่โหดร้ายที่แม้แต่เทพปีศาจตนอื่นๆก็ไม่สบายใจที่อยู่ข้างมัน โดยเฉพาะที่วันนี้มันมีอารมณ์เลวร้ายสุดๆ
‘เจ้าสารเลวที่ควบคุมจิตวิญญาณของเอนโรธมันเป็นใครกัน?’
ตามข้อมูลจากสายลับระบุว่าเอนโรธอยู่ภายใต้การควบคุมของมูยอง มันต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆเพราะคงไม่มีใครจำเอนโรธที่ราชาปีศาจแห่งเหล็กผิดคน นอกจากนั้น “การเชื่อมโยง” ที่รู้สึกได้จากเอนโรธก็หายไปด้วย
‘มันทำลายเวทกีอัสที่ข้าร่ายไว้’
เอนโรธเป็นหนึ่งในราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด ทำให้อามอนต้องร่ายเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งลงไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมูยองได้ทำลายเวทย์มนตร์นั้นและเข้าควบคุมจิตใจของเอนรอธ
มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
เขาอยากรู้ แม้ว่าอามอนจะร่ำเรียนเวทมนตร์มาหมดแล้วทุกรูปแบบ แต่การควบคุมจิตใจเป็นแขนงที่แตกต่างกันมาก แม้แต่อามอนก็ไม่สามารถควบคุมจิตใจของราชาปีศาจอื่นๆที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขาได้
ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมในการสำรวจครั้งนี้ เพียงเพื่อจุดประสงค์ที่จะเห็นคนที่ชื่อว่ามูยอง
ความตั้งใจของเขาคือ ตรวจสอบทักษะการควบคุมจิตใจ และขโมยมันมา
วิ้ง!!
ขณะนั้นเองรอยสักเล็กๆบนมือซ้ายของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน-เขียว
‘ข้อมูลจากมูรุมูรุมาแล้ว’
สายลับของอามอนคือมูรุมูรุ เขาเป็นสายลับสองหน้าที่อามอนส่งไปแทรกซึมไว้ และเรื่องราวทั้งหมดของมูยองก็ได้ยินมาจากเขาด้วยเช่นกัน
เวทมนตร์ในการส่งข้อมูลก็เป็นของอามอน เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่มูรุมูรุรับรู้จะถูกส่งเข้ามาในจิตของอามอนโดยธรรมชาติ
‘เกรโมรีกับโซโลมอนจะนัดพบกัน?’
ร่างของอามอนสั่นสะท้าน
หากโซโลมอนปรากฏตัวเดียโบลก็คงอยู่กับเขา แน่นอนว่าอามอนไม่ได้กลัวเดียโบล นอกจากนี้บาอัลยังบอกว่าโซโลมอนยังไม่สามารถใช้พลังได้
“แปลกเสียจริง”
อย่างไรก็ตามการที่โซโลมอนจะไปพบกับเกรโมรีเป็นเรื่องแปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาดังกล่าว
มันเป็นเรื่องแปลกที่เกรโมรี่จะร้องขอ ‘ความเมตตา’ จากโซโลมอน และโซโลมอนเองก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ข้างฝ่ายปฏิปักษ์เพื่อกำจัดบาอัล?
เนื่องจากโซโลมอนเป็นเพชฌฆาตที่ไร้ข้อบกพร่อง หัวใจของเขาเปรียบเสมือนเหล็กกล้าที่ปราศจากเลือดหรือน้ำตา
อามอนรู้จักเขาดี
‘ไม่สำคัญว่าจะไปเข้าข้างฝ่ายไหน แต่มาเลือกช่วงเวลานี้มันเหมาะเจาะเกินไป’
แต่หากมันเป็นความจริง อามอนก็ตัดสินใจใช้โอกาสนี้ในการเอาชนะความหวาดกลัวในจิตใจที่มีต่อโซโลมอนไปซะ และหากกำจัดเดียโบลได้อิทธิพลของโซโลมอนจะลดลงอย่างมาก หรือหากมันไม่ใช่ความจริงการกำจัดเกรโมรี่ก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกันยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ อามอน ข้าว่าเราควรพักที่นี่สักระยะก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อไปดีไหม”
โบทิส เทพอสูรอันดับที่ 17 ออกตัวพูด
ดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะอยู่ด้านหลัง และประเมินสถานการณ์
“ใช่แล้วดูเหมือนว่าเราจะเดินทางเร็วเกินไป เราต้องใช้วิเคราะห์มากกว่านี้หากเราต้องการสังหารเกรโมรี่”
“ นาเบริอุส….”
จิ๊! อามอนเดาะลิ้น
‘เจ้าพวกขี้ขลาด’
เห็นได้ชัดว่ามีสายลับอยู่แฝงตัวอยู่ในฝ่ายปฏิปักษ์อยู่แล้ว พวกมันคงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “การปรากฏตัวของโซโลมอน” มากกว่าจึงไม่ต้องการที่จะอยู่แนวหน้า
แม้ว่าเทพปีศาจ 11 ตนจะถูกส่งไปพร้อมกับอามอน แต่สุดท้ายแล้วก็มีเพียงเทพปีศาจ 5 ตนเท่านั้นที่เป็นทัพหน้าในการจับกุมเกรโมรี่ ส่วนที่เหลืออีก 7 ตน ต้องการอยู่แนวหลังผ่านข้ออ้างต่างๆนาๆ
‘พวกมันจะกลัวโซโลมอนไปอีกนานแค่ไหน’
บางทีพวกเขาอาจจะหลอนโซโลมอนผู้ที่โยนพวกเขาออกไปจากโลก และทำลายบ้านเกิดของพวกเขามากเกินไป
อามอนพูดต่อในขณะที่เขายืนอยู่ที่ด้านหน้าของทัพ
“ เราจะกำจัดเกรโมรี่ตามแผนที่วางไว้ โดยจะไม่มีความเมตตาใดๆทั้งสิ้น”
โตว โตว โตว โตว–
คิงธ์ออฟเดอะเดธกระทืบพื้นด้วยไม้เท้าบนยอดเขาสูง
เสียงแปลกๆดังก้องทุกครั้งที่ไม้เท้าของเขากระทบพื้น
‘ห้า’
เขารู้สึกได้ถึงเทพปีศาจห้าตนได้ใกล้เข้ามา นอกจากนี้เขายังรู้สึกถึงปีศาจนับล้านที่กำลังเข้ามาพร้อมกับพวกมัน
ถึงคิงธ์ออฟเดอะเดธรวมถึงกองทหารของเขาจะไม่สามารถต่อสู้กับห้าเทพปีศาจได้ในเวลาเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม….
‘การซื้อเวลาและขัดขวางศัตรูนั่นย่อมเป็นไปได้’
โตวววว!
เมื่อเขากระแทกพื้นด้วยไม้เท้าอีกครั้งทิวทัศน์โดยรอบก็เปลี่ยนไป
ชิวววววววว!
พายุหิมะโหมกระหน่ำเข้าปกคลุมทั่วทุกพื้นที่
การกางเขตพลัง!
คิงธ์ออฟเดอะเดธเป็นราชาแห่งแดนเหนือ เขาปกครองในฐานะกษัตริย์มายาวนาน
ไม่มีใครที่สามารถต้านทานพลังหิมะแห่งแดนเหนือของเขาได้ ไมว่าจะเป็นอดีตปัจจุบันหรือจะเป็นในอนาคต
“เข้ามา ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังแห่งความตายของราชาที่แท้จริงเอง”
เขาเคลื่อนที่ไปพร้อมกับพายุทรงพลัง
คิงธ์ออฟเดอะเดธกำลังต่อสู้ด้วยการวางโล่ป้องกันไม่ให้ปีศาจออกไปนอกพื้นที่ได้
“ น่าประทับใจจริงๆ”
เกรโมรี่แสดงความชื่นชมอย่างเงียบๆ
ตัวตนเหนือธรรมชาติ
แน่นอนว่ามันเป็นพลังที่เหมาะสมกับชื่อเรียกนั้น ตอนนี้เขาต่อสู้กับเทพปีศาจทั้งห้าด้วยตัวเอง
“ เขาไม่อาจเอาชนะได้”
มูยองพูดตัดบทอย่างผู้มองโลกในแง่ร้าย
คิงธ์ออฟเดอะเดธแข็งแกร่งก็จริงแต่มีศัตรูมากเกินไป ดีที่สุดก็คงทำได้แค่ถ่วงเวลา
“ เราจะเน้นโจมตีผู้ที่หลบหนีจากเขตแดนนั้น อย่าละสายตา อย่าลดการป้องกัน”
มีกองกำลังประมาณ 3 ล้านนายรอบๆเกรโมรี ซึ่งส่วนใหญ่นั้นอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเกรโมรี่เอง
เทพปีศาจฝ่ายปฏิปักษ์ถอยห่างออกไปโดยรับปากว่าจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน “ระยะไกล” ให้จากด้านหลัง ถ้าไม่รู้สึกว่าจะชนะพวกเขาคงไม่โผล่หน้าออกมา ในทางกลับกันถ้าพวกเขารู้สึกถึงความพ่ายแพ้ พวกเขาก็จะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับวิญญาณไร้ตัวตน
ตอนนี้มีเพียงมูยองเท่านั้นที่เข้าร่วม
แม้แต่เกรโมรี่ก็ต้องรู้สึกได้ว่าคนอื่นๆนอกเหนือจากเธอคือสายลับ หรือจริงๆเธออาจจะรู้มานานแล้ว
บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่สายตาของเกรโมรี่ดูอ่อนโยนลงเมื่อเธอมองไปที่มูยอง
“ เจ้าเคยยอมรับความพ่ายแพ้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้บ้างไหม?”
เธอถามมูยอง
หากลองคิดดู ความพ่ายแพ้ของเกรโมรี่เป็นสิ่งที่แน่นอนเสมอ เธอเคยสูญเสียอดีต เพราะฝ่ายพันธมิตรได้ทำลายล้างมนุษยชาติ
อย่างไรก็ตามมูยองส่ายหัว
“ไม่”
“เจ้าช่างแข็งแกร่ง”
“คุณเองก็แข็งแกร่งเหมือนกัน”
มูยองตอบสั้นๆ
ถ้ามูยองแข็งแกร่งแล้วเกรโมรี่ก็คงแข็งแกร่งเช่นกัน เธอไม่ได้ยอมแพ้จนถึงที่สุด และมูยองก็รู้เรื่องนี้ดี
เกรโมรียิ้มเล็กๆ
“ขอบคุณ”
“ยังเร็วเกินไปที่จะขอบคุณผมนะ”
ชี๊ก!
แกร๊ก แคล๊ก!
จู่ๆต่อจากนั้น
มีคนฉีกโล่อย่างแรงจากด้านใน โล่ที่มีพลังและขนาดดังกล่าวถูกทำลายลงตามความประสงค์ของคนผู้นั้น มีเทพปีศาจไม่กี่ตนเท่านั้นที่สามารถใช้พลังดังกล่าวได้
และเกรโมรีก็อ้าปากค้าง ขณะที่เธอจ้องมองไปที่คนแรกที่ฉีกโล่ออกมา
“อามอน”